โอกาสรอดของลิเวอร์พูลในคืนนี้มีน้อยเต็มที
ชนะหนึ่งลูกก็ตกรอบ ชนะสองลูกก็ยังตกรอบ
ชนะสามลูก.. ก็ยังไม่เข้ารอบ เพราะมันเพิ่งจะทำให้ประตูรวมกลับมาเท่ากันเท่านั้นเอง
ที่ทำให้โจทย์ยิ่งยากไปกว่านั้น มันยังเป็นการไปเยือน เรอัล มาดริด แชมป์ 14 สมัย
แชมป์ 14 สมัยที่ยังคงยอดเยี่ยมและอยู่ระดับบนสุด เป็นแชมป์เก่าที่ยังอุดมด้วยนักฟุตบอลพระกาฬ สมดุลอย่างสมบูรณ์แบบด้วยคุณภาพอัดแน่นทั้งฝีเท้าและประสบการณ์ในเวทีนี้ เวทีที่คล้ายเป็นบ้านของพวกเขา
ผล 2-5 ในเกมแรกที่แอนฟิลด์ทำให้ภาพยิ่งชัดเจนขึ้นว่าทีมที่จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายระหว่างคู่นี้น่าจะเป็นทีมราชันชุดขาวมากกว่าลิเวอร์พูล
บริษัทรับพนันถูกกฎหมายในต่างประเทศมองโอกาสเข้ารอบของลิเวอร์พูลอยู่ในระดับตั้งแต่ 10 ต่อ ไปจนถึง 18 ต่อ
คิดเป็นเปอร์เซนต์คร่าวๆ ก็ราว 5-10 เปอร์เซนต์ บางคนอาจรู้สึกว่าเยอะแต่ความจริงแล้วมันน้อยมากนะครับ เพราะ 5-10 เปอร์เซนต์ของลิเวอร์พูลย่อมหมายถึง 90-95 เปอร์เซนต์ของ เรอัล มาดริด
เปรียบเทียบให้เห็นภาพยิ่งขึ้นก็คือในจำนวนตัวเลข 1-20 ถ้าคิดโอกาสเข้ารอบ 5 เปอร์เซนต์ เรอัล มาดริด สามารถเลือกได้ถึง 19 เบอร์ ลิเวอร์พูลเลือกได้แค่เบอร์เดียว หรือหากคิดโอกาสเข้ารอบ 10 เปอร์เซนต์ เรอัล มาดริด ก็ยังเลือกได้ตั้ง 18 เบอร์ ลิเวอร์พูลเลือกได้แค่ 2 เบอร์ หรือลดหลั่นตามส่วนมองเป็นระหว่างเลข 1-10 มาดริดได้เลือก 9 เบอร์ ลิเวอร์พูลเบอร์เดียวก็ได้
โอกาสของลิเวอร์พูลน้อยมากจริงๆ
แต่แน่นอนครับ โอกาสมีน้อยไม่ได้หมายความว่าจะหมดโอกาส มันจะเหลือแค่ 10 เปอร์เซนต์ 5 เปอร์เซนต์ 2 เปอร์เซนต์ หรือ 0.07 เปอร์เซนต์มันก็คือยังมีโอกาส
เมื่อยังมีโอกาส ย่อมยังมีความเป็นไปได้
ตราบที่ไม่มีโอกาสหลงเหลืออยู่แล้วนั่นแหละ ความเป็นไปได้ถึงจะเป็นศูนย์
ในเกมฟุตบอลมีมากมายหลายครั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นล้อไปกับโอกาสและความเป็นไปได้ นั่นคือทีมที่มีโอกาสมากกว่านั้นเป็นผู้ชนะในที่สุด หรือทีมที่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ารอบมากกว่าสามารถเข้ารอบได้ตามที่มันควรจะเป็น
ทีมที่ชนะสวยๆ มาจากเกมแรก ตบเท้าเข้ารอบต่อไปหลังจบเกมที่สอง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติ
แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง.. มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป ทีมที่มีโอกาสน้อยกว่าแต่พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ชนะได้ก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
หลายครั้งเป็นการพลิกสถานการณ์แบบเข้าใจได้ไม่ยาก แต่บางครั้งแทบจะอยู่เหนือเหตุผลว่าทำได้อย่างไรกัน
บางครั้งอยู่ในระดับน้องๆ ปาฏิหาริย์ หรือบางคราปาฏิหาริย์ที่ว่าเหลือเชื่อแล้วยังต้องยกมือไหว้
ลิเวอร์พูลกับการสร้างสิ่งที่เหลือเชื่อในเกมฟุตบอลไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น เดอะค็อปต่างก็เคยแหกปากกระโดดโลดเต้นกันอย่างบ้าคลั่งกับวินาทีแห่งประวัติศาสตร์อันน่าเหลือเชื่อมาแล้วหลายครั้ง
กับเวทีนี้ ความมหัศจรรย์ครั้งใหญ่ที่เรายังรู้สึกว่ามันสดใหม่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานคงหนีไม่พ้น อิสตันบูล 2005 กับแอนฟิลด์ 2019
จะมีสักกี่คนที่เชื่อว่าลิเวอร์พูลจะกลับมาได้ในครึ่งหลังที่อิสตันบูล
จะมีสักกี่คนที่เชื่อว่าลิเวอร์พูลจะเอาตัวเข้ารอบชิงได้จริงๆ ในการรับมือบาร์เซโลน่าที่มาเยือนแอนฟิลด์
ลองนึกย้อนกลับไปอีกที ลองถามความรู้สึกของตัวเอง ณ เวลานั้นว่ามันแตกต่างไปจากตอนนี้ไหม
บางคนอาจจะไม่ บางคนอาจจะใช่..
กับ เอซี มิลาน ภาพที่เห็นตลอด 45 นาทีแรกคือความตกตะลึง มันเป็นความห่างชั้นที่ทรมาน เพียงแค่รายชื่อ 11 ตัวจริงก็เป็นรองกันสุดกู่ เปิดเกมมาแค่นาทีเดียวยังโดนยิงไปก่อนอีกต่างหาก
ไม่มีอะไรเป็นมิตรกับความหวังที่มีเลยสักนิด แล้วมิลานก็ยังถลุงเบาๆ อีกสองเม็ดก่อนจบครึ่งแรก นำห่างด้วยสกอร์ 3-0
คุณจะยังมีความเชื่อหลงเหลืออยู่อีกแค่ไหนถ้าคุณต้องตามหลังทีมอย่าง เอซี มิลาน สามประตูในครึ่งแรก
เอซี มิลาน ที่มี คาร์โล อันเชล็อตติ คุมทัพ มีผู้เล่นตัวจริงคือ ดีด้า ในตำแหน่งผู้รักษาประตู คาฟู อเลสซานโดร เนสต้า ยาป สตัม และ เปาโล มัลดินี่ เป็นกองหลัง เจนนาโร่ กัตตูโซ่ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ อันเดรีย ปีร์โล่ และ กาก้า เป็นกองกลาง และ เอร์นาน เครสโป กับ อังเดร เชฟเชนโก้ เป็นคู่กองหน้า
คุณจะยังเหลือความเชื่อสักเท่าไหร่กัน..
สำหรับผมที่ซึมกระทือกับสิ่งที่เห็นในครึ่งแรก ลูกผ่านปลิดวิญญาณของกาก้าลูกนั้นยังคาตา มีแต่คำถามวนเวียนอยู่ในหัวว่าอุตส่าห์ฟันฝ่าเลือดตาแทบกระเด็นเข้าชิงเจ้ายุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเพียงเพื่อจะมาจบด้วยโศกนาฏกรรมอย่างนี้หรือ
ความกังวลก่อตัวขึ้นภายใน คิดเลยเถิดไปถึงบทสรุปที่เลวร้ายที่สุด มันจะไหลไปถึงห้าลูก หกลูก หรือเจ็ดแปดลูกเลยไหม พยายามสงบจิตสงบใจด้วยการเดินไปเดินมาอยู่คนเดียวในห้อง รอเพียงเวลาเริ่มครึ่งหลัง
ความรู้สึกในตอนนั้นแค่ตั้งใจจะดูเกมให้จบ อยากจะอยู่กับทีมและส่งกำลังใจให้นักเตะทุกคนจนกว่าเสียงนกหวีดหมดเวลาจะดังขึ้น หากทีมจะแพ้ยับเยินก็ช่างมัน จะร่วมแบ่งปันความเจ็บปวดนั้น จะร่วมซึบซับมันไปด้วยไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง.. ไปไหนก็ไปกันสิวะ
แล้วผมก็ได้พบกับช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด มหัศจรรย์เหลือเชื่อและบ้าคลั่งที่สุด..
เกมรับมือบาร์เซโลน่าปี 2019 สกอร์ 0-3 ที่คัมป์ นู และองค์ประกอบทั้งหลายก่อนเตะนัดที่สองในแอนฟิลด์ล้วนชักพาอารมณ์ไปสู่ความห่อเหี่ยวทั้งสิ้น
ความน่าห่อเหี่ยวของเกมนั้นคือแม้จะได้เล่นในแอนฟิลด์ แต่มันแทบจะไม่เหลือความหวังให้สัมผัสได้เลย ด้วยเงื่อนไขมันยากเกินไป เพราะนอกจากจะต้องยิงให้ได้สามประตูเป็นอย่างน้อยแล้วยังต้องอย่าเสียประตูเป็นอันขาดอีกด้วย
ฟุตบอลสโมสรยุโรปเวลานั้นยังมีกฎประตูทีมเยือน ผล 0-3 ที่คัมป์ นู หมายความว่าลิเวอร์พูลต้องยิงให้ได้อย่างน้อยสามประตูที่แอนฟิลด์เป็นอันดับแรก และถ้าบาร์เซโลน่ายิงได้สักหนึ่งลูก โจทย์สำหรับหงส์แดงจะกระโดดจากที่ต้องยิง 3 ลูกไปเป็น 5 ลูกทันที
แล้วกับเกมรุกของบาร์เซโลน่าที่นำโดย ลิโอเนล เมสซี่ หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ พวกเขาจะยิงไม่ได้สักประตูเชียวหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่เกมรุกต้องการ 3 ประตู โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก็ยังมีปัญหาบาดเจ็บลงสนามช่วยทีมไม่ได้ทั้งคู่ ความหวังในการทำประตูจากสามประสาน SMF ก็เหลือแค่ M คนเดียวที่จะต้องเล่นกับตัวสำรองอย่าง เซอร์ดาน ชากิรี่ และ ดิว็อค โอริกี้
ในสภาพที่เกมรุกไม่มีซาลาห์กับฟีร์มีโน่ และเกมรับต้องไม่เสียประตูให้เมสซี่ ซัวเรซ คูตินโญ่ ความรู้สึกของผมก่อนเริ่มเกมจึงเป็นคล้ายๆ กับช่วงพักครึ่งที่อิสตันบูลนั่นแหละครับ คือไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าจะขอนั่งเชียร์ทีมไปจนจบ ให้รู้ผลลัพธ์ไปด้วยกัน ถ้าจะตกรอบก็ขอให้เป็นการตกรอบที่น่าประทับใจ สู้ยิบตา สร้างปัญหาให้บาร์ซ่าให้ได้มากที่สุด
แล้วมันก็เหมือนปี 2005.. การเลือกดูและเชียร์ทีมไปจนจบครั้งนั้นได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นความสุขอันดื่มด่ำอย่างที่ไม่อาจเอาอะไรมาแลกได้
สำหรับผมแล้ว ภารกิจไปเยือน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว คืนนี้ก็มีความยากไม่ต่างอะไรกับสองเกมมหัศจรรย์นั้นหรอก โอกาสเข้ารอบเหลือน้อยนิด มองจากเกมแรก มองจากความพร้อม มองจากคุณภาพทีม มันแทบจะไม่เหลือความหวังจริงๆ
ถ้าจะมีความยากง่ายที่แตกต่างกันบ้างมันก็แค่เพียงเล็กน้อย คือสุดท้ายแล้วทั้งสามเกมล้วนแต่อยู่ในระดับที่ต้องพึ่งพาความเหลือเชื่อและปาฏิหาริย์เหมือนๆ กัน ฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบอะไรให้วุ่นวายอีกว่าเกมไหนยากง่ายกว่ากันหรือมีความเป็นไปได้มากน้อยกว่ากัน เพราะถ้าเข้ารอบได้ มันก็จะเป็นค่ำคืนอันมหัศจรรย์ไม่แพ้กัน
ผมไม่มีความมั่นใจหรอกครับว่าลิเวอร์พูลจะทำได้หรือผ่านเข้ารอบได้ ความมั่นใจกับการมีความหวังหรือยังมีโอกาสนั้นไม่เหมือนกัน ผมรู้ว่าโอกาสยังมี ความหวังก็ยังมี แต่ไม่ได้มั่นใจเลย
ถามว่าเป็นความรู้สึกแบบไหนก็คงประมาณว่าซื้อลอตเตอรี่สักใบแล้วหวังว่ามันจะถูกรางวัลที่หนึ่งกระมังครับ คือรู้ว่าความหวังไม่ได้เป็นศูนย์หรอกแต่มันยากชิบหายเลยล่ะ (ฮา)
ผมไม่มั่นใจหรอกว่ามันจะถูกรางวัลที่หนึ่ง แต่เมื่อผลยังไม่ออก ผมก็ยังจะเก็บมันไว้ไม่ขยำทิ้ง และอันที่จริงแล้วเปรียบเทียบกับรางวัลที่หนึ่งก็ดูจะเกินไปหน่อย ความเป็นไปได้ของลิเวอร์พูลไม่ว่าจะ 5 เปอร์เซนต์หรือ 10 เปอร์เซนต์มันก็ยังมีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าเลขท้ายสองตัวด้วยซ้ำ
อืมม์.. คิดอย่างนี้แล้วก็สบายใจขึ้นแฮะ ตอนนี้ผมมีลอตเตอรี่อยู่ในมือ 5 ใบแล้ว ขอสักใบที่โป๊ะเชะถูกเลขท้ายสองตัวทีเถอะน่า
ภารกิจแห่งซานติอาโก้ เบร์นาเบว.. ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ความตั้งใจของผมยังเหมือนเดิม จะขออยู่ดูและเชียร์ทีมไปจนจบการแข่งขัน
สำนึกเสมอครับว่ามันยากเหลือเกิน ทว่าจะให้ทิ้งความหวังทั้งที่เกมยังไม่เตะนั้นไม่มีทาง แต่ที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด เสียงปรบมือหลังจบเกมจะยังคงมีให้กับยอดนักสู้ทั้งสองทีมด้วยความเต็มใจ..
"ตังกุย"