การนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อวันพุธที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา นอกจากจะทำให้ "เรือใบสีฟ้า" เก็บได้ 6 แต้มเต็มจากการลงเล่น 2 นัดแล้วนั้น มันยังถือเป็นเกมที่มีความสำคัญในด้านหนึ่งกับ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ด้วย เพราะมันคือการทำงานในฐานะกุนซือนัดที่ 150 ของเขาในเกมระะดับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พอดิบพอดี
แน่นอน ถ้าหาก กวาร์ดิโอล่า ไม่ใช่กุนซือที่เก่งกาจแล้วล่ะก็ มันก็เป็นไปได้ยากมากที่เขาจะมีโอกาสได้คุมทีมลงเล่นเกมถ้วยใบโตของทวีปยุโรปมากขนาดนี้ได้ ซึ่งวันนี้เราจะมาดูเกร็ดเกี่ยวกับผลงานการคุมทีมที่ผ่านมาของเขาในรายการนี้สักหน่อย
- ฤดูกาลที่แย่ที่สุด
ซีซั่น 2016-17 แทบจะเรียกว่าเป็นฤดูกาลตราบาปในการคุมทีมของ กวาร์ดิโอล่า ก็ว่าได้ เพราะถึงแม้มันจะเป็นฤดูกาลแรกของเขากับการคุมทัพ แมนฯ ซิตี้ แต่การจบซีซั่นแบบไม่มีแชมป์ติดมือสักรายการเดียวก็ถือเป็นฟอร์มที่น่าผิดหวังสำหรับกุนซือระดับเขา
ทั้งนี้ ในซีซั่นดังกล่าวผลงานของ กวาร์ดิโอล่า กับศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ถือว่าย่ำแย่เช่นกัน เพราะเขาพาทีมไปถึงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น หลังจากต้องตกรอบด้วยน้ำมือของ อาแอส โมนาโก ซึ่งนั่นนับเป็นผลงานในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เลวร้ายที่สุดของเขาต่อ 1 ฤดูกาล ต่อให้นับรวมสมัยอยู่กับ บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค ด้วย เพราะตลอดอาชีพการคุมทีมของเขานั้น นั่นเป็นฤดูกาลเดียวที่ทีมของเขาไม่สามารถไปถึงรออบก่อนรองชนะเลิศเป็นอย่างต่ำได้
นอกจากนี้ หากนับผลงานในรอบน็อกเอาต์ให้เป็นแต้มเหมือนกับรอบแบ่งกลุ่มด้วยล่ะก็ ซีซั่นนั้นทีมของเขายังเก็บแต้มได้เฉลี่ยเพียง 1.50 แต้มต่อนัดเท่านั้น จากการชนะ 3 เกม, เสมอ 3 นัด และเสมอ 2 หน
3 ฤดูกาลที่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า เก็บแต้มเฉลี่ยได้น้อยที่สุดในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก (กรณีนับผลงานในรอบน็อกเอาต์ให้เป็นคะแนนแบบรอบแบ่งกลุ่ม)
- 2016-17 แมนฯ ซิตี้ - แต้มเฉลี่ยต่อ 1 นัด (1.50) - ผลงาน (รอบ 16 ทีม)
- 2017-18 แมนฯ ซิตี้ - แต้มเฉลี่ยต่อ 1 นัด (1.80) - ผลงาน (รอบก่อนรองชนะเลิศ)
- 2009-10 บาร์เซโลน่า - แต้มเฉลี่ยต่อ 1 นัด (1.83) - ผลงาน (รอบรองชนะเลิศ)
หมายเหตุ : ไม่นับรวมฤดูกาล 2022-23
- ซีซั่นที่ดีที่สุด
ในทางตรงกันข้าม หากไม่มองถึงเรื่องความสำเร็จในบั้นปลายแล้วนั้น ฤดูกาล 2020-21 ก็นับเป็นซีซั่นที่ทีมภายใต้การนำทัพของ กวาร์ดิโอล่า ทำผลงานในศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ได้ดีที่สุด หลังจากฤดูกาลนั้นทีมของเขาเก็บแต้มเฉลี่ยได้ 2.62 คะแนนต่อนัด ด้วยการชนะ 11 เกม, เสมอ 1 หนและแพ้ 1 นัด
ความยอดเยี่ยมระดับนั้นทำให้มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ แมนฯ ซิตี้ จะไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ประเด็นก็คือการแพ้นัดเดียวที่ว่ามันดันเป็นนัดชิงดำที่พ่าย เชลซี 0-1 พอดี ทำให้ถึงแม้ผลงานโดยรวมจะโหดที่สุดตลอดอาชีพการคุมทีมของเขา แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขาได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์
3 ฤดูกาลที่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า เก็บแต้มเฉลี่ยได้มากที่สุดในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก (กรณีนับผลงานในรอบน็อกเอาต์ให้เป็นคะแนนแบบรอบแบ่งกลุ่ม)
- 2020-21 แมนฯ ซิตี้ - แต้มเฉลี่ยต่อ 1 นัด (2.62) - ผลงาน (รองแชมป์)
- 2010-11 บาร์เซโลน่า - แต้มเฉลี่ยต่อ 1 นัด (2.31) - ผลงาน (แชมป์)
- 2011-12 บาร์เซโลน่า - แต้มเฉลี่ยต่อ 1 นัด (2.25) - ผลงาน (รอบรองชนะเลิศ)
- ตามหลัง 2 ยอดกุนซือ
ในการคุมทีมกับเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก 150 นัดที่ผ่านมานั้น กวาร์ดิโอล่า มีผลงานที่สุดยอด ด้วยการพาทีมชนะได้ถึง 95 เกม ส่วนที่เหลืออแบ่งเป็นการเสมอ 29 นัดกับแพ้ 26 หน แถมทีมของเขายังยิงได้ 353 ประตูและเสียไป 150 ลูกเท่านั้น
ทั้งนี้ กวาร์ดิโอล่า ถือเป็นกุนซือที่คว้าชัยชนะในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 3 ด้วย โดยมีเพียง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ คาร์โล อันเชล็อตติ เท่านั้นที่ทำได้มากกว่าเขา หลังจาก เฟอร์กูสัน เก็บชัยชนะไปได้ 102 เกม ส่วน อันเชล็อตติ เพิ่งคว้าชัยชนะนัดที่ 100 ได้หมาดๆ เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา
- เด็กเกร็ดบอล -