แอบเอาใจช่วย!ชำแหละเกมลิเวอร์พูลชนะน้อยไปแต่เล่นได้ไม่เลว

1. กรีดตูดสาบาน !!!

เกมนี้เด็กผีแบบสุดลิ่มทิ่มถูรูอย่างผมแอบเอาใจช่วย ลิเวอร์พูล เป็นกรณีพิเศษนะครับ

เหตุเพราะ...ยอดตก

คือเวลา 'หงส์แดง' ได้รับผลการแข่งขันที่ไม่ค่อยโสภา 

พวกพรี่ๆ มักจะลักพาตัวเองหายไปจากโลกโซเชี่ยลหมดเลย ตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่เป็นต้นมา เพจผมดูเงียบเหงาไปเลย 

2. ผู้เล่นสำคัญกลับมาแล้ว 

โฌแอล มาติ๊ฟฟฟฟ เอ๊ย มาติ๊ป กลับมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ อีกครั้ง

ติอาโก้ อัลคันตาร่า ก็หายเจ็บกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเกมในแดนกลาง

การกลับมาของทั้งคู่ช่วยให้เกมของ ลิเวอร์พูล มีคุณภาพมากขึ้นกว่าเกมก่อนๆ อย่างชัดเจน 

ว่าแล้วลองนึกภาพตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คที่เป็น โจ โกเมซ ในเกมนี้ดูนะครับว่ามันจะน่าสยดสยองขนาดไหน 

ขณะที่มิดฟิลด์ที่เด็กหงส์แถวนี้ตั้งชื่อไทยให้อย่างน่ารักน่าตบว่า 'ตะโก้' ก็ช่วยให้เกมในแดนกลางไหลลื่นและดูมีพลังมากขึ้น

ส่วนผู้เล่นสำคัญอีกคนที่กลับมาคือกองหน้าอย่าง ดิโอโก้ โชต้า  ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ลงเป็นตัวจริงนัดแรก เพราะกองหน้าคนใหม่ค่าตัว 85 ล้านปอนด์อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ยังเล่นไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่ - โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก็เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวดี ไม่มีมาตรฐานเหมือนแต่ก่อน

ที่สำคัญคือคนทำแอสซิสต์ประตูแรกคือ ดิโอโก้ โชต้า และคนทำประตูชัยคือ โฌแอล มาติ๊ป ที่เพิ่งกลับมาทั้งคู่

พอผู้เล่นสำคัญกลับมาเกือบครบ ฟอร์มการเล่น และผลงานของ ลิเวอร์พูล ก็ออกมาดีด้วย 

3. เฮฟวี่ เมตัล คัมแบ็ค ???

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจาก 2-3 เกมล่าสุดที่ผมเห็นจากพลพรรคหงส์แดงผู้อหังการ อันดับแรกคือความกระตือรอร้นของผู้เล่น

หลังทำได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน ตามด้วยการถูก นาโปลี ขยี้ 4 ดอก พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และทุ่มเทแบบเต็ม 80,000 ตีนถีบมากขึ้นเหมือนต้องการแก้ตัว

ลูกทีมของ 'เจเค' บีบสูงแล้วพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วทันที เพื่อมิให้ผู้มาเยือนต่อบอลและทำชิ่งได้ตามถนัด

นั่นส่งผลให้เกมรุกของ อาแจ็กซ์ แทบจะเด๊ดห่าไปเลยนะครับ โดยได้แต่ครองบอลในแดน และหาจังหวะจู่โจมเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายได้น้อยมาก

อีกจุดหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ ลิเวอร์พูล พยายามเล่นเกมเร็ว แม้จะเจอการตั้งรับแบบลึกๆ ของคู่แข่งจนไม่ค่อยมีพื้นที่มากนัก

เวลาเล่นเกมรุกจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น แล้วหาทางจบด้วยการทำประตู ไม่จ่ายบอลไปจ่ายบอลมาให้มากจังหวะ 

หลักฐานคือจังหวะทำประตูขึ้นนำ 1-0 ที่มาในรูปแบบของ 

ไดเร็กต์ ฟุตบอล เลยทีเดียว เมื่อ อลิสซง เบ็คเกอร์ หวดบอลยาวตูมเดียวมาจากหน้าประตู ลุยส์ ดิอาซ ชิงจังหวะโหม่งเช็ดต่อให้ ดิโอโก้ โชต้า ที่ครองบอลดดึงกองหลังคู่แข่งให้ขยับเข้ามาหาถึง 2 คนจนเกิดพื้นที่ว่าง ก่อนจะไหลให้ โม ซาล่าห์ เผด็จศึก 

เห็นไหมครับว่าเล่นเกมรุกกันแค่ 4 จังหวะเท่านั้นเอง

และนั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงมีโอกาสกะซวกประตูมากกว่า 20 ครั้ง

ดูเหมือน เฮฟวี่ เมตัล ฟุตบอล ที่ผู้เป็นกุนซือติดตั้งเอาไว้จะกลับมาแบบเล็กๆ แล้ว

4. ปัญหาของหงส์แดง

รูปเกมของ ลิเวอร์พูล เหนือกว่าชัดเจนนะครับ แม้นเปอร์เซ็นต์การครองบอลจะใกล้เคียงกัน (57% ต่อ 43%) ก็เพราะทีมเจ้าบ้านเขาเน้นเกมเร็วเข้าจู่โจมอย่างที่บอก

อย่างไรก็ตาม

ปัญหาคือใช้โอกาสทำประตูอย่างสิ้นเปลืองแบบสุดฤทธิ์ เพราะแทบทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าไม่ยิงไปตรงตัวนายทวารทีมเยือน ก็ยิงหลุดกรอบออกไปเอง

พูดง่ายๆ ว่าไม่เด็ดขาด

เกมรุกขาดความเฉียบคม และในทางตรงกันข้าม

เกมรับเสียประตู (ง่ายๆ) อีกแล้ว ทั้งที่ อาแจ็กซ์ มีโอกาสยิงตรงกรอบทั้งหมดแค่ 1 ครั้งเท่านั้นเอง

คิดแล้วก็เสียดายลูกที่ ดาเล่ย์ บลินด์ ขึ้นมาโขกแบบเหน่งๆ ถากเสาออกไปนิดเดียวนะครับ ถ้าเข้าไปตุงตาข่ายนี่ บ้านแตกเลยทีเดียว

อ้าว...ไอ้เชี่ย - ลืมตัวๆ ขอโทษทีครับ พวกพรี่ๆ ครับ 5555

ด้วยปัญหา 2 จุดนี้นี่แหละทำให้ ลิเวอร์พูล ชนะน้อยไปหน่อย ทั้งที่โชว์ฟอร์มการเล่นกันได้ไม่เลว 

5. ทีเด็ดลูกเตะมุม

ลิเวอร์พูล มาได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกมจากลูกเตะมุมอีกแล้ว (เหมือนเกมที่เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1)

เตะมุมคือหนึ่งในทีเด็ดการทำประตูของพวกหงส์แดงเขานะครับ ถือเป็นทีมที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ เพราะมีตัวเปิดลูกเตะมุมที่แม่นยำ และมีปราการหลังที่ถาโถมเข้าโขกลูกได้อันตรายบรรลัย

เกมนี้ อาแจ็กซ์ ได้รับคำเตือนหลายครั้งแล้วจากจังหวะที่ 

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ทั้งโขกทั้งขวิดจนเกือบได้ประตูอยู่ 2-3 จังหวะ

สุดท้ายก็มาเสียประตูจากลูกเตะมุมจนได้ แมร่ง...เสียดายโว้ย กำลังจะเอาอยู่แท้ๆ ดันมาพลาดจนได้ เฮ่ออออออ 

อ้าว...นี่กูลืมตัวอีกแล้วเหรอเนี่ย โทษๆๆๆๆๆๆ

"บอ.บู๋"