มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือ ยูเวนตุส ออกอาการเซ็งที่มาโดนตัดแต้มในช่วงไม่กี่นาทีก่อนเกมกับ เอ็มโปลี โดยบอกว่ามันควรจะมีคำตัดสินขั้นชี้ขาดให้จบๆ ไปเลยได้แล้ว
มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เทรนเนอร์ ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ยอมรับว่าไม่พอใจที่มีการประกาศคำตัดสินตัดแต้มทีมของตนในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้าที่พวกเขาจะแพ้ เอ็มโปลี 1-4 เมื่อวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ยูเวนตุส เคยโดนตัดไป 15 คะแนน จากการถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานปลอมแปลงบัญชี ซึ่งทาง "เบียงโคเนรี่" อุทธรณ์คำตัดสินนั้นไปจนทำให้บทลงโทษเคยถูกระงับเอาไว้ก่อน และมันก็ส่งผลให้ช่วงนั้นพวกเขาได้กลับมาอยู่ในท็อปโฟร์
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะลงเล่นนัดล่าสุดนั้นมันก็มีการประกาศว่า ยูเวนตุส จะถูกตัดแต้ม 10 คะแนน โดยที่พวกเขายังมีสิทธิ์อุทธรณ์คำตัดสินนี้อยู่ ซึ่งการโดนตัดแต้มครั้งนี้ทำให้ ยูเวนตุส เหลือเพียง 59 คะแนนจากการลงเล่น 36 นัด พร้อมกับหล่นมาอยู่ที่ 7 และมีโอกาสสูงที่จะไม่ติดท็อปโฟร์ด้วย เพราะว่า เอซี มิลาน ทีมในอันดับ 4 ในตอนนี้นั้นมีอยู่ 64 แต้ม โดยที่ทั้ง 2 ทีมต่างก็เหลือเกมให้เล่นอีกเพียง 2 นัด
อัลเลกรี กล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ที่มีการประกาศบทลงโทษในช่วงเวลาแค่ 10 นาทีก่อนที่เราจะลงสนาม เราเสียประตูตั้งแต่จังหวะแรกที่อีกฝ่ายได้ลุ้นประตู แล้วจากนั้นก็มาเสียเพิ่มอีก 1 ลูก เรามีโอกาสที่จะลดช่องว่าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้"
"ถึงกระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถเป็นข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องการมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ได้ ตอนนี้เราทำได้เพียงอยู่เงียบๆ และยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันก็ต้องเข้าใจกันให้ชัดเจนว่าก่อนลงเล่นเกมนี้เรามี 69 แต้มและเป็นที่ 2 ของตารางคะแนนนะ"
"ผมอยากจะชี้แจงเรื่องหนึ่ง นั่นคือในความเป็นจริงนั้น ยูเวนตุส คือรองจ่าฝูง เราได้ตำแหน่งนั้นผ่านทางผลงานในสนาม แน่นอนว่าเรายอมรับทุกเรื่อง แต่ผมหวังว่ามันจะมีการสะสางเรื่องนี้ให้จบสิ้นไปสักที ทุกวันนี้มันมีการปล่อยเรื่องต่างๆ มาทีละนิดๆ ปล่อยให้พวกเขาได้ตัดสินแล้วกันว่าพวกเขาอยากให้ ยูเวนตุส อยู่ตรงไหน, ปล่อยให้พวกเขาแจ้งให้เรารู้ แล้วให้เราแก้ปัญหา"
"มันเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อผู้คนที่กำลังทำงานกันอยู่, ต่อบรรดานักเตะและเหล่าโค้ช ผมไม่ได้กำลังบอกว่าพวกเขาควรจะมีคำตัดสินว่ายังไง แต่ผมขอให้พวกเขาตัดสินใจขั้นเด็ดขาดไปเลยต่างหาก มันน่าเหลือเชื่อมากๆ มันควรจะพอกันได้แล้ว"