ซัลวาตอเร่ ชิวาเล่ ทนายความของ ริค คาร์สดอร์ป แบ็กขวา โรม่า ออกโรงเฉ่ง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เหมือนกับจะใส่ร้าย คาร์สดอร์ป จนทำให้ตอนนี้แข้งชาวดัตช์ใช้ชีวิตยากสุดๆ แถมยังจวก "จัลโล่รอสซี่" ด้วยที่ไม่ปกป้องนักเตะภายในสังกัดแม้แต่นิดเดียว
ซัลวาตอเร่ ชิวาเล่ ทนายความของ ริค คาร์สดอร์ป แบ็กขวา อาแอส โรม่า ตำหนิ โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์คนดังของทัพ "จัลโล่รอสซี่" ว่าทำไม่เหมาะสมที่เหมือนจะพูดใส่ร้ายลูกความของตนจนทำให้ คาร์สดอร์ป เจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายตลอดช่วงที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มูรินโญ่ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ทีมของเขาเสมอกับ ซาสซูโอโล่ 1-1 ว่ามีลูกทีมหนึ่งรายที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพจนราวกับเป็นการหักหลังเพื่อนร่วมทีม พร้อมบอกว่าแข้งคนนั้นจะย้ายออกจากทีมเมื่อถึงตลาดช่วงเดือนมกราคมนี้แน่นอน
แม้ว่าตอนนั้น มูรินโญ่ จะไม่ได้เฉลยว่าเป็นใคร แต่รายงานแทบทุกที่ต่างชี้ไปยัง คาร์สดอร์ป ซึ่งหลังจากนั้นก็มีนักข่าวไปถามกุนซือชาวโปรตุกีสว่ามันเป็นไปตามที่มีข่าวลือออกมาหรือไม่ โดยถึงแม้ มูรินโญ่ จะไม่ได้ตอบว่ามันเป็น คาร์สดอร์ป หรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธโดยตรงเช่นกัน
เรื่องดังกล่าวทำให้แฟนบอล โรม่า หลายคนรุมเฉ่ง คาร์สดอร์ป อย่างหนัก โดยดาวเตะชาวดัตช์เองก็เคยตีตัวออกห่างจากทีมไปพักหนึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ก่อนที่ตอนนี้จะกลับมาซ้อมกับทีม แต่มันเป็นเพียงการรอให้มีข้อเสนอที่เหมาะสมมาดึงตัวเขาไปจาก โรม่า เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้าสหภาพนักฟุตบอลอาชีพทั่วโลก (ฟิฟโปร) ได้ออกมาตำหนิ มูรินโญ่ เกี่ยวกับการกระทำของเขาไปแล้ว และล่าสุด ชิวาเล่ ก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน
ทนายของ คาร์สดอร์ป กล่าวว่า "เรื่องทั้งหมดนี้มันเริ่มจากคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ ของ โรม่า มีทัศนคติที่ผิดๆ และเขาก็ไม่ได้เพิ่งมีเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรกด้วย คนที่ว่าคือ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อคนที่มีสถานะยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดังระดับเขามาแสดงความเห็นแบบนี้กับสื่อแล้วน่ะ มันก็จะทำให้เกิดบรรยากาศที่เลวร้ายอยู่รายรอบตัวนักเตะไปด้วย อย่างที่คุณได้ยินข่าวกันแล้วว่ามีแฟนบอล โรม่า ตามด่าเขาทั้งที่สนามบินและในโซเชียลมีเดีย"
"เมื่อนักเตะเห็นแฟนบอล 40-50 คนมายืนอยู่หน้าประตูบ้านของเขาพร้อมกับกดดันให้เขาต้องย้ายออกจากทีมแล้วน่ะ มันก็ไม่สำคัญอีกแล้วว่า มูรินโญ่ จะเฉลยรึเปล่าว่านักเตะคนที่ว่าคือใคร สิ่งที่สำคัญก็คือสโมสรได้ทำอะไรบ้างเพื่อปกป้องนักเตะคนนั้น ซึ่งกลายเป็นว่าสโมสรตัดสินใจว่าการปิดปากเงียบกับเรื่องนี้มันเป็นวิธีที่สะดวกกว่า ขนาดทาง ฟิฟโปร ยังออกมาบอกเลยว่าสโมสรควรจะปกป้องนักเตะในสังกัด ไม่ใช่มาช่วยทำลายสิทธิ์และชื่อเสียงของนักเตะคนนั้นๆ"