ปากเป็นเหตุ! 5 กุนซือมีลุ้นคุม เชลซี แทน เอ็นโซ่ มาเรสก้า

เรื่องราวดังกล่าวเริ่มจากการที่ มาเรสก้า แสดงความเห็นหลังจบแมตช์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าช่วง 48 ชั่วโมงก่อนหน้าที่จะชนะ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" คือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของตนในตำแหน่งผู้จัดการทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" หลังจากไม่ได้รับการ "สนับสนุน" มากเท่าที่ควร

แม้ว่า มาเรสก้า ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเขาหมายถึงใครก็ตาม ด้วยแนวทางของเชลซีในเรื่องการแต่งตั้งและปลดผู้จัดการทีมที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจหากคำพูดของเจ้าตัวจะทำให้ โบห์ลี่ และผู้บริหารระดับสูงรู้สึกไม่พอใจหรือขุ่นเคือง 

เรื่องนี้อาจยังไม่ถึงขั้นทำให้ผู้บริหารสโมสรตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือในทันที แต่ก็อาจมีการเริ่มพิจารณาตัวเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งของ มาเรสก้า ไว้แล้ว 

 แน่นอนว่า เชลซี มีแนวทางให้เลือกอยู่หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการดึงผู้จัดการทีมที่กำลังทำงานอยู่เข้ามาคุมทีม, การใช้คนเก่าคนแก่ที่รู้จักสโมสรเป็นอย่างดี หรือมอบตำแหน่งให้กับโค้ชที่ยังไม่มีสโผ

1. แกเร็ธ เซาธ์เกต

นับตั้งแต่อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ปัจจุบัน เซาธ์เกต ย้ำอยู่เสมอว่าเขาไม่ได้มองหางานใหม่ แต่เมื่อพิจารณาถึงทรัพยากรและศักยภาพต่างๆ ที่จะได้รับหากเข้ามาคุมทีมเชลซี มันก็อาจกลายเป็นสิ่งยั่วยวนใจครั้งใหญ่สำหรับเขา

แน่นอนว่า เซาธ์เกตไม่ได้คุมทีมในพรีเมียร์ลีกมาเกือบสองทศวรรษแล้ว โดยบทบาทผู้จัดการทีมสโมสรครั้งสุดท้ายของเขากับมิดเดิลสโบรห์สิ้นสุดลงในปี 2009 แต่ผลงานและประสบการณ์ของเขากับ อังกฤษ คงทำให้บอร์ดบริหาร "สิงห์บลูส์" สนใจอยากร่วมงานกับเขา

2. เลียม โรซีเนียร์

โบห์ลี อาจใช้เครือข่ายและความสัมพันธ์ในวงการฟุตบอลของเขาเพื่อดึงหนึ่งในกุนซือหนุ่มไฟแรงที่สุดเข้ามาคุมทีม หากเขาเลือกจะทำเช่นนั้น โดย โรซีเนียร์ สร้างความประทับใจจากผลงานในช่วงแรกกับดาร์บี้ เคาน์ตี และฮัลล์ ซิตี้ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมสตราส์บูร์ก สโมสรจากฝรั่งเศสในปี 2024

นับจากนั้นเป็นต้นมา โรซีเนียร์ ก็พัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง โดยพาทีมจบอันดับที่ 7 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แม้เจ้าตัวจะเพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่ไปเมื่อต้นปีนี้ แต่ด้วยความที่เขาทำงานอยู่ภายใต้เครือ BlueCo หากมีการดึงเจ้าตัวไปร่วมงาน ก็จะเป็นดีลที่ทำได้ไม่ยากนัก

3. แฟร้งค์ แลมพาร์ด

บางคนอาจหัวเราะกับความเป็นไปได้ที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะกลับมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่เรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว โดยอดีตกองกลางระดับตำนานสโมสรเคยมีช่วงเวลาคุมทีมข้างสนามที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ มาแล้วถึงสองครั้ง

แน่นอนว่าเขาสามารถฟื้นฟูชื่อเสียงของตัวเองกลับมาได้อย่างชัดเจนนับตั้งแต่นั้น โดย แลมพาร์ด พา โคเวนทรี ซิตี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และทัพ "สกายบูลส์" ก็ดูมีโอกาสสูงมากที่จะคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก 

ในฤดูกาลหน้า บรรดาสาวก "สิงห์บลูส์" อาจได้เห้น แลมพาร์ด กลับมาทำหน้าที่กับสโมสรอีกครั้ง และถ้าเจ้าตัวทำผลงานได้ดีกับ โคเวนทรี ยิ่งมีโอกาสที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น  

4. เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

อีกหนึ่งกุนซือที่มีสายสัมพันธ์กับย่านเวสต์ ลอนดอน ก็คือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งเริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จจากอะคาเดมี่ของเชลซี หลังไต่เต้าขึ้นมาตามลำดับขั้นก่อนจะสร้างชื่อกับหลายสโมสร

ร็อดเจอร์ส โด่งดังจากการสร้าง สวอนซี ซิตี้ จนได้รับฉายา "สวอนโลน่า" และนั่นทำให้เขาได้รับโอกาสกุมบังเหียน ลิเวอร์พูล แม้จะจบไม่สวยกับ "หงส์แดง" แต่ช่วงเวลาที่อยู่ในถิ่นแอนฟิลด์เจ้าต้วสร้างทีมให้กลายเป็นสโมสรที่มีเกมรุกดุดัน และมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก จากนั้นยังเคยคุม เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วย  

ช่วงเวลาทั้งสองหนที่ ร็อดเจอร์ส คุม เซลติก ก็เต็มไปด้วยถ้วยรางวัล โดยเฉพาะแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก 4 สมัย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยดึงดูดใจอย่างมากสำหรับ เชลซี เช่นกัน ที่สำคัญในตอนนี้เจ้าตัวยังว่างงาน หลังแยกทางกับ "ม้าลายเขียวขาว" ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่สู้ดีนัก

5. เอริก เทน ฮาก

ถือเป็นตัวเลือกนอกกระแสอยู่พอสมควร สำหรับ เอริก เทน ฮาก ที่เคยโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แม้ว่าเขาจะพาทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ และเอฟเอ คัพ ได้ภายในช่วงเวลาสองปีที่คุมทัพ "ปีศาจแดง" ก็ตาม

ก่อนหน้านั้น เทน ฮาก ซึ่งโด่งดังเป็นพลุแตกจากการคุม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยังเคยมีช่วงเวลาคุมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ที่จบลงอย่างแปลกประหลาด เมื่อถูกปลดหลังคุมทีมลงเล่นในลีกไปเพียงสองนัดเท่านั้น

ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้บอร์ดบริหารเชลซีรู้สึกลังเลใจ แต่ในฐานะตัวเลือกต้นทุนไม่สูงและมีโอกาสพาทีมคว้าถ้วยรางวัล เชื่อว่า กุนซือหัวใสชาวดัตช์ ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่น่าสนใจเช่นกัน

✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄