นี่เป็นงานแรกเลยที่ผมเขียนและอัดคลิปแล้วน้ำตาเกือบไหลออกมา ซึ่งน้ำตามันไม่ได้มาจากความเศร้าเสมอไป...
"ในตอนนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ผมจะไม่ทำงานเป็นผู้จัดการทีมอีกต่อไปแล้ว"
"ผมจะได้อยู่แบบสบาย ๆ และที่สำคัญกว่านั้น สโมสรเองก็เช่นกัน เพราะคุณก็เห็นทีมชุดนี้แล้ว"
"พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาจะไปได้ดี หรืออาจจะดียิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ"
"ตอนนี้จะมีใครบางคนเข้ามาด้วยความฝัน, พลังงาน, ความตื่นเต้น และไอเดียใหม่ ๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น และเขาคนนั้นจะนำสโมสรไปสู่อนาคต"
"มันยอดเยี่ยมมาก”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในสารคดี 4 ตอนของ Prime Video ที่มีชื่อว่า Doubters to Believers: Liverpool FC - Klopp’s Era
มันเป็นฉากที่เขานั่งอยู่ด้านนอกศูนย์ฝึกซ้อม ลิเวอร์พูล หลังเพิ่งออกจากห้องทำงานเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
คำพูดของ คล็อปป์ สะท้อนถึงความจริงที่ว่า ลิเวอร์พูล ในยุค อาร์เน่อ กำลังเข้าใกล้สู่การคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก
ยุคใหม่ของสโมสรเริ่มต้นอย่างยอดเยี่ยม และตอนนี้ก็มีโอกาสให้แฟน ๆ ได้ย้อนกลับไปสัมผัสยุคเดิมอีกครั้ง ผ่านผลงานของ Lorton Entertainment ซึ่งเคยรังสรรค์สารคดีเกี่ยวกับ ดิเอโก้ มาราโดน่า และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด
การเลื่อนกำหนดฉาย เพราะตัวเนื้อหาต้องมีการปรับเนื้อหาใหม่ เมื่อเห็นเค้าว่า คล็อปป์ จะไม่ได้รับตอนจบแบบเทพนิยายกับ ลิเวอร์พูล
แทนที่เรื่องราวจะเน้นไปที่ฤดูกาลสุดท้ายของเขา ทีมผู้สร้างได้ขยายขอบเขตให้ครอบคลุมตลอดช่วงเวลาที่ คล็อปป์ คุมทีมที่แอนฟิลด์
และยังมีการกล่าวถึงช่วงเวลาที่เขาคุมไมนซ์ และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่บ้าง ด้วยขอบเขตที่กว้างขึ้น คล็อปป์ จึงยอมให้สัมภาษณ์ที่บ้านของเขาใน มายอร์กา เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อน
สารคดีนำเสนอภาพความทรงจำที่สวยงาม มีฟุตเทจการแข่งขันจากช่วงเวลาสำคัญ ๆ และบทสัมภาษณ์ของบุคคลสำคัญหลายคน
อย่างไรก็ตาม หากใครที่หวังจะได้เห็นเบื้องหลังอย่างเจาะลึกอาจจะต้องผิดหวัง
เนื้อหาสารคดีได้อนุญาตเข้าถึงห้องแต่งตัวค่อนข้างน้อย และนอกเหนือจากสนามซ้อมแล้ว มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่ทีมงานติดตามคือ เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ เจย์เดน แดนส์
ถึงกระนั้น สาระเนื้อหายังมีความน่าสนใจ รวมถึงเหตุผลว่าทำไมสโมสรจึงประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้
...
บทสนทนา ไลน์เดอร์ส เปิดอกคุยกับ นูนเญซ
ฉากของ เป๊ป ไลน์เดอร์ส ผู้ช่วยผู้จัดการทีมนั่งอยู่ในห้องวิเคราะห์พร้อมพยายามกระตุ้น ดาร์วิน นูนเญซ นั้นให้ความรู้สึกมันกินใจเป็นพิเศษ
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ อาร์เน่อ เพิ่งออกมาพูดถึงเรื่องทัศนคติในการทำงานของกองหน้าอุรุกวัยรายนี้
"นายต้องซ้อมให้หนักที่สุด แล้วก็อย่าไปอย่าหงุดหงิด" ไลน์เดอร์ส บอก นูนเญซ เป็นภาษาโปรตุเกส ขณะที่เขากำลังเปิดคลิปให้ดูผ่านหน้าจอ
"นายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในยุโรปในแง่ของประตูและแอสซิสต์รวมกัน นายทำไป 23 ลูกจาก 36 เกม"
"บางคนแค่สนใจการทำประตู แต่ตอนนี้นายเริ่มเป็นผู้เล่นที่สร้างโอกาสได้มากขึ้น ฉันคิดว่านายยังสามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีก"
"จำไว้นะ นายกำลังช่วยทีม และนั่นคือเหตุผลที่นายอยู่ที่นี่ นายทำได้ดีมาก สู้ต่อไป!”
ไลน์เดอร์ส มีบทบาทอย่างมากในสารคดีนี้ และยังเผยอีกว่า หนึ่งในครั้งที่เขามีปากเสียงกับ คล็อปป์ ก็คือ เรื่องที่สโมสรตัดสินใจปล่อย คอเนอร์ แบรดลีย์ ไปยืมตัวที่ โบลตัน ในปี 2022 ซึ่งเขาไม่เห็นด้วย
"มันทำให้ผมหงุดหงิดมาก มันเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมเถียงกับ เจอร์เก้น " เขากล่าว
ไลน์เดอร์ส กับ คล็อปป์ ดวล ปาเดล กันในสนาม ซึ่ง คล็อปป์ พูดติดตลกว่า "หมอนี่ฉลองทุกแต้มซะจนคุณอยากจะขว้างไม้แร็กเก็ตใส่เขา แต่ผมรักเขา และเราก็เป็นคู่หูที่ดีต่อกัน"
...
โจนส์ ปรับเงิน ซาลาห์
ทีมถ่ายทำขอติดรถไปซ้อมกับ เคอร์ติส โจนส์ และได้รับการพาเข้าชมศูนย์ฝึกโดยมีมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล เป็นไกด์นำทัวร์
เมื่อ โจนส์ เดินเข้าไปในห้องกายภาพบำบัด เขาเห็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กำลังเล่นโทรศัพท์ขณะรับการรักษา
"เรามีคนโดนปรับแล้ว! นี่ 250 ปอนด์!" ดาวเตะลูกหม้อจากอะคาเดมี่ ประกาศด้วยความสะใจ
นอกจากนี้ โจนส์ ยังย้อนกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าของเขา St Vincent de Paul Catholic Primary ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองลิเวอร์พูล และยอมรับกับเด็ก ๆ ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยอยากเป็นแร็ปเปอร์สายแก๊งสเตอร์
ในช่วงถาม-ตอบ เขาพูดถึงการอำลาของคล็อปป์ว่า "ตอนนี้เขาจะได้พักผ่อนกับครอบครัวแล้ว—และใช้เงินให้สบายเลย!"
คล็อปป์ เองเอ็นดู โจนส์ เป็นพิเศษ แล้วเขากล่าวถึงลูกทีมคนนี้ว่า "เขาไม่เคยสงสัยเลยว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จ และผมชอบตรงนี้มาก"
"มันแตกต่างจากนิสัยของผมสุด ๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าผมมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แต่เขาเชื่อว่าเขาอยู่ถูกที่แล้ว"
"ผู้ชายที่เขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ"
...
เอลเลียตต์ กับสายสัมพันธ์ครอบครัว
ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ พร้อมกับครอบครัวเปิดประตูบ้านต้อนรับทีมงานถ่ายทำ
พ่อของเขา สกอตต์ เล่าถึงช่วงเวลาหลังจากที่ลูกชายเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ในปี 2019 ว่า
"หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จ ฮาร์วีย์ จับมือผมไว้ตอนอยู่ในรถ แล้วพูดว่า -เราทำมันสำเร็จแล้วนะพ่อ-"
"เราทั้งคู่ต่างร้องไห้ออกมา ผมเลยต้องจอดรถข้างทาง แล้วกอดกันแน่นอยู่ประมาณนาทีหนึ่ง" สกอตต์ กล่าว
ฮาร์วีย์ ซึ่งเข้าใจถึงการเสียสละที่ต้องทำเพื่อไปให้ถึงระดับสูงสุดของฟุตบอลอาชีพ เขากล่าวว่า "ผมกำลังใช้ชีวิตตามความฝันของพ่อ ดังนั้นผมพยายามอยู่กับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
อย่างไรก็ตาม การเข้าชมเกม ยูโรปาลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ อตาลันต้า บนบ็อกซ์วีไอพีของ สกอตต์และภรรยา จานีน ไม่เป็นไปตามที่หวัง
ลิเวอร์พูล พ่ายคาบ้าน 0-3 และ ฮาร์วีย์ ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง
"ให้ตายเถอะ เขายิงชนทั้งเขา ชนทั้งคาน ปวดใจจริง ๆ!" สกอตต์ บ่นออกมา
"โคตรผิดหวังเลย เขาต้องเข้มงวดกับตัวเองนะ เพราะถ้าคุณไม่มีความทะเยอทะยานในตัวเอง แล้วพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ มันก็ใช้ไม่ได้"
"คุณต้องผลักดันตัวเองไปเรื่อย ๆ ทุกวันคือบทเรียนใหม่ ๆ"
...
คล็อปป์ ย้อนถึงช่วงเวลาสูงสุดและต่ำสุด
เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวถึงช่วงเวลาสำคัญบนเส้นทางอาชีพผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล แบบน่าประทับใจ
เขาย้อนถึงค่ำคืนแห่งปาฏิหาริย์ที่พลิกกลับมาเขี่ย บาร์เซโลนา ตกรอบรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019
เขาบอกกับนักเตะว่า "หลับตาลง 10 วินาที แล้วจินตนาการถึงเกมที่ดีที่สุดที่คุณเคยเล่นในชีวิต"
จากนั้นเขาลืมตาขึ้นมาแล้วพูดว่า "นั่นแหละคือฟอร์มการเล่นที่เราต้องการในวันนี้"
และเสริมว่า "เรื่องราวแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก"
ยังช่วงเวลสำคัญ ๆ อื่น ๆ อีก เช่น คาราบาว คัพ 2024 ที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่ เวมบลีย์ ท่ามกลางวิกฤตอาการบาดเจ็บ ซึ่งกลายเป็นถ้วยสุดท้ายของเขากับสโมสร
คล็อปป์ อธิบายถึงบรรยากาศวันนั้นว่า "เหมือนเรานั่งอยู่บนพรมวิเศษและลอยไปข้างหน้า" และยกให้เป็น "หนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการทำงานของผม"
มีฟุตเทจจากชัยชนะ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 และการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2020
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากการคว้าแชมป์สโมสรโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรกลับไม่ได้ถูกเปิดเผย
กระนั้นก็ดี เมื่อพูดถึงเกมที่เป็นจุดตกต่ำของตัวเอง นั่นคือ ดาร์บี้แมตช์ที่ กูดิสัน พาร์ค ตอนเดือนเมษายน 2024
วันนั้น ลิเวอร์พูล แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 และทำให้เส้นทางลุ้นแชมป์พังทลาย
คล็อปป์ ออกลูกหัวเสีย และสบถคำพูดออกมา
"ตอนนี้ผมต้องย้อนกลับไปคิดถึงเกมบ้า ๆ กับเอฟเวอร์ตัน ที่ผมพยายามลืมแทบตาย แล้วต้องมานั่งบอกคุณว่าผมคิดอะไรอยู่ก่อนเกมงั้นเหรอ ?"
"ผมคงคิดผิดหมดแหละ เพราะเราดันเล่นได้ห่วยแตกขนาดนั้น"
...
คำทำนายกลายเป็นจริง
ช่วงที่ดีที่สุดและกินใจที่สุดของซีรีส์คือ -ตอนจบ-
ขณะที่ คล็อปป์ เตรียมกล่าวอำลา ลิเวอร์พูล ถึงตอนนั้นแรงกดดันทั้งหมดได้คลี่คลาย และเขาก็ยอมรับอย่างเต็มอกว่าการเดินทางของทีมมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
"ผมมองว่านี่เป็นการเดินทางที่เหลือเชื่อ"
"ผมทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ผมทุ่มเททุกอย่างที่มี ผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่อัจฉริยะ ดังนั้นหนทางเดียวของผมคือการทำงานหนัก และผมก็ทำแบบนั้นมาตลอด"
ระหว่างที่ คล็อปป์ เปิดอัลบั้มภาพและอ่านข้อความอำลา
เขาสะดุดตากับรูปถ่ายของตัวเองที่กำลังชูผ้าพันคอบนสนามแอนฟิลด์ในวันเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2015 ก่อนจะหัวเราะและพูดว่า
"นี่แหละคือหลักฐานว่าทำไมผมถึงต้องอำลา… แปดปีครึ่งที่แล้ว แต่ดูเหมือนผ่านไป 500 ปีแล้ว!"
แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็น "ตำนาน" แต่ คล็อปป์ กลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับคำนี้
เขาพูดติดตลกว่า "ผมไม่ได้ตื่นเช้ามาส่องกระจกแล้วคิดว่า -แกนี่มันโคตรตำนานเลยว่ะ-" ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา
มีฟุตเทจจากคำอำลาสื่อหลังจบ งานแถลงข่าวก่อนเกมสุดท้าย
ซึ่งเขาทิ้งท้ายอย่างมีอารมณ์ขันว่า "ผมอยู่กับพวกคุณอย่างสงบสุขแล้วนะ แต่ถ้านี่เป็นการประชุมผู้ตัดสิน ผมคงพูดไม่ได้แบบนี้!"
นอกจากนี้ยังมีช่วงเวลาสั้น ๆ จากคำพูดอำลาถึงนักเตะในห้องแต่งตัวที่แอนฟิลด์ ซึ่งเขาพยายามเก็บอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
"ผมอยากบอกพวกนายว่า -ผมรักพวกนาย-"
“มันเป็นการเดินทางที่มหัศจรรย์ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง"
"ผมภูมิใจสุด ๆ อนาคตของพวกนายไร้ขีดจำกัด”
และดูเหมือนว่าคำพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง เมื่อมองย้อนกลับไปว่าเกิดอะไรขึ้นนับจากนั้น...
Ref. The Athletic
#HOSSALONSO