โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นนักเตะคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สามารถสร้างสถิติยิงประตูและแอสซิสต์รวมมากกว่า 40 ประตูในฤดูกาลเดียว
"คิง ออฟ อียิปต์" สร้างผลงานดีมีคุณภาพในฤดูกาล 2024/2025 ด้วยการมีส่วนรวมกับการช่วยทัพ "หงส์แดง" ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งๆ ที่ซีซั่นนี้ยังเหลือโปรแกรมลงฟาดแข้งอีก 11 แมตช์
ก่อนหน้านี้ "บังโม" ก็เคยสร้างสถิติดังกล่าวมาแล้ว และแน่นอนว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เพราะมีนักเตะอีกหลายคนที่เคยทำแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่มีใครทำได้สองครั้งเหมือนกับ สตาร์จากแดนมัมมี่
10. เธียร์รี่ อองรี (ฤดูกาล 2004/2005) : 39 ประตู
25 ประตู กับ 14 แอสซิสต์
ถ้าไม่ใช่เพราะความยอดเยี่ยมของแนวรับ เชลซี ในยุคที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน นี่อาจจะเป็นฤดูกาลที่สุดยอดที่สุดของ เธียร์รี่ อองรี ในการช่วยทัพ "ปืนใหญ่" คว้าแชมป์ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน
ตำนานชาวฝรั่งเศส มีองค์ประกอบครบถ้วนทั้งไหวพริบ, ความฉลาดหลักแหลม และความทะนง ซึงทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นจากจำนวนประตูที่น่าเหลือเชื่อที่เขาทำได้ในตอนนั้น
อองรี กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกช่วงเวลานั้น และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคำพูดดังกล่าวไม่เกินความจริงจาก ผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่เจ้าตัวทำได้ในฤดูกาลนั้น
= 10. ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (ฤดูกาล 2009/2010 : 39 ประตู
29 ประตู กับ 10 แอสซิสต์
หลังจากอยู่กับ เชลซี มาได้ 5 ประตู ดร็อกบา ได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก และแน่นอนว่าในปี 2009 เป็นช่วงเวลาที่ฟอร์มของเขาร้อนแรงที่สุด
ความยอดเยี่ยมของ ดร็อกบา ทำให้แนวรับคู่แข่งต้องครั้นคร้าน และโดดเด่นมากๆ ในการเล่นลูกโด่ง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้เขาสามารถตะบันตาข่ายไปได้ถึง 29 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ ซึ่งนี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ คาร์โล อันเชลอตติ ที่กุมบังเหียนในเวลานั้น คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006
การยิงประตูในเกมใหญ่ และในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้ ดร็อกบา มีส่วนช่วยทำให้ เชลซี แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยตอนนั้นพวกเขาต้องการชัยชนะในเกมสุดท้ายเพื่อกระชากแชมป์มาจาก แมนยูไนเต็ด และ ตำนานชาวไอวอรี่ โคสต์ ตอบสนองด้วยการซัดแฮตทริกถลุง วีแกน แอธเลติก 8-0 แถมยังคว้ารางวัลดาวซัลโวลีกด้วย
= 10. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (ฤดูกาล 2011/2012) : 39 ประตู
30 ประตูกับ 9 แอสซิสต์
คอลูกหนังคงแปลกใจไม่น้อยเพราะผลงานดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นฤดูกาลที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ระเบิดฟอร์มโหดให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นสุดท้ายที่ทัพ "ผีแดง" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ผลงานขั้นเทพของ ตำนานกองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ได้สร้างเอาไว้ให้สาวก "กูนเนอร์ส" ได้จดจำเพราะมันเป็นซีซั่นสุดท้ายของเขาภายใต้สีเสื้อของ ยอดทีมแห่งถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
หลังจากนั้น ฟาน เพอร์ซี่ ตัดสินใจย้ายไปหาความสำเร็จกับ แมนยูไนเต็ด และก็สมปรารถนา เมื่อมีส่วนสำคัญนำ "ผีแดง" ผงาดคว้าแชมป์ลีกได้ทันทีที่ย้ายไปร่วมงาน แต่มันเป็นครั้งสุดท้ายที่แฟนผีโปรเจกต์ได้เห็นถ้วยแชมป์สีเงินมันวาววับจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
7. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ฤดูกาล 2024/2025) : 41 ประตู***
25 ประตูกับ 16 แอสซิสต์
แทบไม่อยากเชื่อว่า โม ซาลาห์ จะก้าวขึ้นมาติดท็อปเทนนักเตที่มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในพรีเมียร์ลีก ด้านการมีส่วนช่วยทำประตู แถมสถิติอาจจะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่านี้ เนื่องจากยังเหลืออีก 11 เกม
ลิเวอร์พูล ในยุคใหม่ที่มีโค้ชอาร์เน่อ สล็อต กุมบังเหียน กำลังมีลุ้นคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ หลังจากที่พวกเขามีคะแนนทิ้งห่าง อาร์เซน่อล ถึง 11 แต้ม และงานนี้ต้องขอบคุณความยอดเยี่ยมของ ซาลาห์ อย่างแท้จริง
ถ้าพูดกันแบบไม่อวยในกรณีที่ "คิง ออฟ อียิปต์" สามารถรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไปจนกระทั่งจบซีซั่น มีสิทธิ์ที่เขาจะมีส่วนในการทำประตูได้มากถึง 57 ลูก และทำลายสถิติพรีเมียร์ลีก (ในยุคที่แข่งกัน 42 เกม) โดย "บังโม" ต้องการแค่ 7 ประตูหรือมากกว่านั้นก็จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
นอกจากนี้ ซาลาห์ ต้องการอีก 5 แอสซิสต์ ก็จะทำลายสถิติแอสซิสต์ตลอดกาล (20 ครั้ง จาก เธียร์รี่ อองรี และ เควิน เดอ บรอยน์) และอีก 12 ประตูก็จะทำลายสถิติของ เออร์ลิง ฮาลันด์ ซึ่งทำเอาไว้ 36 ประตู แม้มันจะยาก แต่ด้วยฟอร์มตอนนี้ก็อาจเป็นไปได้
*** ยังเหลือโปรแกรมอีก 11 เกม
6. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ฤดูกาล 2017/2018) : 42 ประตู
32 ประตู กับ 10 แอสซิสต์
สำหรับฤดูกาลเปิดตัวของ โม ซาลาห์ ที่ย้ายมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ในยุคเจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อปี 2017 ต้องบอกว่าน่าประทับใจอย่างมาก เพราะเขาสร้างผลงานได้อย่างสุดยอดเกินห้ามใจจริงๆ
ค่าตัวตอนที่ย้ายจาก โรม่า มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ เพียงแค่ 34 ล้านปอนด์ (ราว 1,496 ล้านบาท) มันช่างคุ้มค่าเหลือเกิน เพราะนักเตะสามารถตะบันตาข่ายคู่แข่งในเกมลีกมากกว่า 20 ประตู 5 ฤดูกาล และยังเคยได้รับรางวัลปุสกัส อะวอร์ดส์ ในซีซั่นดังกล่าวด้วย พร้อมกับจบอันดับ 3 นักเตะยอดเยี่ยมฟีฟ่า
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ แนวรุกทีมชาติอียิปต์ ยังไม่หยุดยิงประตู และแอสซิสต์ ที่สำคัญแม้อายุจะปาเข้าไป 32 ปีแล้วก็ตาม แต่นักเตะสามารถยกระดับฟอร์มการเล่นให้เก่งยิ่งขึ้นด้วย
5. หลุยส์ ซัวเรซ (ฤดูกาล 2013/2014) : 43 ประตู
31 ประตู กับ 12 แอสซิสต์
แม้จะพลาดการลงสนาม 5 เกมแรกเนื่องจากติดโทษแบนจากซีซั่นก่อน แต่ หลุยส์ ซัวเรซ สามารถผลิตผลงานการยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยม และฟอร์มก็พัฒนาขึ้นแบบเขย่งก้าวกระโดด
ฟอร์มของ "คิงหลุยส์" ยอดเยี่ยมมากๆ บางเกมนักเตะแสดงให้เห็นถึงคุณภาพในการจบสกอร์ที่หลากหลาย และน่าเหลือเชื่อ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขาจะฟอร์มพีคสุดขีดตอนที่ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่มีนักเตะในพรีเมียร์ลีกคนไหนที่ยิงประตูและแอสซิสต์ติดท็อปเทนในยุโรปนับตั้งแต่ปี 2000 ยิ่งไปกว่านั้น ซัวเรซ ยังฟอร์มฮอตสุดๆ ตอนเล่นให้ บาร์ซ่า เมื่อซัดไป 40 ประตูกับ 16 แอสซิสต์ ในซีซั่น 2015/2016 ศึกลา ลีกา สเปน
= 3. เออร์ลิง ฮาลันด์ (ฤดูกา 2022/2023) : 44 ประตู
36 ประตู กับ 8 แอสซิสต์
ต้องบอกว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ เดบิวต์ เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้น่าเหลือเชื่อที่สุดอย่างแท้จริง เพราะผลงานของนักเตะแสดงให้เห็นว่านี่คือดาวยิงที่เกิดมาเพื่อสังหารตาข่ายคู่แข่ง
สตาร์ชาวนอร์เวย์ ซัดประตูในเกมเปิดตัวแมตช์ปะทะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่หลังจากนั้นนักเตะจะตะบันประตู 13 เกมจากการลงเล่นแค่ 7 แมตช์ พร้อมกับซัดแฮตทริก 2 เกมติดต่อกันในแมตช์พบ คริสตัล พาเลซ และ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์
ฟอร์มการเล่นของ ฮาลันด์ ต้องบอกว่าคอลูกหนังเกมลีกเมืองผู้ดีไม่เคยเห็นมานานหลายปีแล้ว ยิงไปกว่านั้นเขายังทำลายสถิติ โม ซาลาห์ ด้วยการยิง 36 ประตูทั้งที่ลงเล่น 35 เกมจากทั้งหมด 38 แมตช์
รวมทั้งหมดแล้ว ฮาลันด์ ซัดไป 52 ประตูจากการเล่น 53 เกมในทุกรายการ ขณะเดียวกับ แมนซิตี้ ยังสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเบิ้ลแชมป์ และแน่นอนว่าเจ้าตัวก็ได้รางวัลแข้งยอดเยี่ยมแห่งปี
= 3. เธียร์รี่ อองรี (ฤดูกาล 2002/2003) : 44 ประตู
24 ประตู กบ 20 แอสซิสต์
ในช่วงพีคสุดขีด อองรี คือนักเตะที่น่าเกรงขามอย่างมาก โดยเฉพาะฤดูกาล 2002/2003 นักเตะทำให้หลายทีมต้องอกสั่นขวัญหายจากความสุดยอดในการยิงประตูและสร้างสรรค์เกม
ตำนานทีมชาติฝรั่งเศส สร้างสรรค์คุณภาพการเล่นด้วยการมีทักษะขั้นเทพทั้งความเร็วดเร็ว, สกิลการครองบอล และการเปิดบอลที่แม่นยำ แต่ถึงฟอร์มจะโหดสุดท้ายก็ไม่สามารถโค่นบัลลังก์แชมป์ของ แมนยูไนเต็ด ได้
อย่างไรก็ตามฟอร์มของ อองรี ในฤดูกาลนั้นกลายเป็นตำนาน และเขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ, ติดทีมยอดเยี่ยมยูฟ่า แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รางวัลดาวซัลโว เพราะ รุด ฟาน นิสเตลรอย ซัดไป 25 ประตูในลีก
= 1. แอนดี้ โคล (ฤดูกาล 1993/1994) : 47 ประตู
34 ประตู กับ 13 แอสซิสต์
ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับ แมนยูไนเต็ด นั้น โคล สร้างผลงานสุดยอดในลีกกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยการตะบันตาข่ายคู่แข่งไปถึง 68 ประตูกับ 23 แอสซิสต์ จากการเล่น 84 เกมให้ทัพ "สาลิกาดง"
"คิง โคล" ระเบิดฟอร์มขั้นเทพให้กับทัพ "ปีศาจแดง" ด้วยการยิงประตูมากที่สุดในลีกช่วงเวลานั้น และส่วนหนึ่งของความยอดเยี่ยมมาจากจำนวนการตะบันจุดโทษ ซึ่งนั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาคือจอมจบสกอร์ขนานแท้
นอกเหนือจากการยิงประตูแล้ว การที่เขาทำ 13 แอสซิสต์ ทำให้เจ้าตัวเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถตะบันตาข่ายและแอสซิสต์ในซีซั่นเดียวมากที่สุดยาวนานจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กผีจะรัก โคล มากๆ
= 1. อลัน เชียเรอร์ (ฤดูกาล 1994/1995) : 47 ประตู
34 ประตู กับ 13 แอสซิสต์
นี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดตลอดกาลของ อลัน เชียเรอร์ โดยเขาระเบิดฟอร์มขั้นเทพให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส จนสามารถหักปากกาเซียนแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก มาจาก แมนยูไนเต็ด ได้อย่างสุดยอด
"ฮอตชอต" สามารถทำได้ 3 แฮตทริกในฤดูกาลดังกล่าว ที่สำคัญยังได้ลงเล่นตัวจริงครบทั้ง 42 เกม นอกจากนี้ เชียเรอร์ ยังซัดประตูชัยในเกมรองสุดท้ายของซีซั่นที่เปิดบ้านปะทะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
ตั้งแต่ฤดูกาล 1993/1994 ตำนานกองหน้าทีมชาติอังกฤษ สามารถยิงประตูได้มากกว่า 30 ลูกในลีก 3 ซีซั่นติดต่อกัน และนี่คือดาวยิงขนานแท้ ซึ่งซัดไป 260 ประตูจากการเล่น 441 เกมและเป็นสถิติมาจนถึงปัจจุบัน
ทอมเม้ง