"จุดเริ่มต้นที่ชอบและเชียร์อาร์เซน่อล เพราะตอนเด็กๆ ผักกาดบังเอิญได้ไปเล่นกับน้องหมา 2 ตัวของเพื่อนบ้านค่ะ คือพอได้ยินพี่เจ้าของเขาเรียกชื่อของน้องๆ ที่ชื่อว่า ปิแรส และ เปอร์ตีต์ มันก็เลยเกิดความสงสัย หนูเก็บเอาความสงสัยนี้ไปถามคุณพ่อ ว่ามันมีความหมายอะไรหรือเป็นชื่อของใครหรือเปล่า ซึ่งพ่อก็บอกกับหนูค่ะว่ามันเป็นชื่อของนักฟุตบอลทีมอาร์เซนอล"
จากจุดเริ่มต้นในวันนั้นทำให้ "ผักกาด" ศวิตา เจือสุคนธ์ทิพย์ ที่เวลานี้นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอินฟลูเอ็นเซอร์สาวในโลกของฟุตบอล และยังเป็นแฟนตัวยงของ "เดอะกันเนอร์" สโมสร อาร์เซนอล ทีมดังแห่งเกาะอังกฤษ ได้เริ่มต้นดูฟุตบอลและมีทีมโปรดที่เชียร์เป็น อาร์เซนอล เพราะหลังรู้ความหมายของชื่อน้องหมาทั้ง 2 ตัวแล้ว เธอเองได้ติดตามทั้งชมและเชียร์ รวมถึงเสพข่าวสารของทีมฟุตบอลทีมนี้ตั้งแต่บัดนั้น
"ปีที่หนูเริ่มได้ดูอาร์เซนอลจริงๆก็น่าจะช่วงปี 2005 หรือ 2006 ค่ะ ก่อนหน้านี้ก็มีดีฟุตบอลแบบผ่านๆตามาบ้าง อย่างฟุตบอลโลก 2002 ที่แข่งที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ก็พอได้ดูบ้าง เพราะเวลาแข่งที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น มันใกล้เคียงกับเวลาในเมืองไทย แต่ถ้าเอาแบบดูจริงๆจังๆ ก็ตอนเจอน้องหมาค่ะ ก็ได้รู้ที่มาที่ไป จึงได้เริ่มมาสนใจและเชียร์อาร์เซนอล ซึ่งตอนนั้น อาร์เซน เวนเกอร์ เป็นผู้จัดการทีม และทีมก็ทำผลงานได้ดีเลยค่ะ และได้แชมป์มากมาย"
"ผักกาด" เผยว่า สิ่งที่ทำให้รู้สึกเสียดายมากๆก็คือวันที่ทีมพลาดแชมป์ฟุตบอลสโมสรยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก วันนั้นทีมไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ แม้จะขึ้นนำ 1-0 จนเหลือเวลาอีกไม่ถึง 20 นาทีจะเป็นแชมป์ แต่ด้วยความที่ผู้เล่นเหลือเพียง 10 คน ทำให้สุดท้ายต้านยอดทีม อย่าง บาร์เซโลน่าไม่อยู่ โดนยิง 2 ลูก จนทำให้แพ้และชวดแชมป์ไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบแบบแผนและวิธีการเล่นของทีมที่ดูตื่นเต้น สนุกและเร้าใจ รวมถึงสปิริตและความใจสู้ของผู้เล่นในทีม ก็ทำให้เจ้าตัวยึดมั่นไม่เปลี่ยนใจหรือเปลี่ยนไปเชียร์ทีมอื่นๆได้อีกเลย ซึ่งถ้านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในวันนั้นมาถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลากว่า 19 ปีแล้ว ที่เจ้าตัวสถาปนาเป็นเดอะกูนเนอร์ กลายเป็นแฟนคลับตัวยงของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้
"ช่วงตอนมัธยมถ้าแข่งดึกๆเลยอาจไม่ได้ดูค่ะ จะมาดูแบบแทบทุกแมตช์เลยจริงๆเลย ก็จะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ก็น่าจะเพราะว่ามันมีเวลาส่วนตัวของตัวเองมากขึ้นกว่าช่วงเรียนมัธยม ส่วนในทีมชุดปัจจุบัน ชอบ มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมมากที่สุดค่ะ ชอบวิธีการเล่นของเขา และเขาเองก็มีความสำคัญกับทีมมาก คือ มีกับไม่มีมันเห็นผลต่างกันมาก เวลาทีมไม่มีโอเดการ์ดรู้สึกว่า ทีมดูตันๆ และขาดจินตนาการในการเล่น อย่างปีนี้ที่โอเดการ์ดเจ็บไป ก็เห็นกระทบเหมือนกันค่ะ ทีมชนะยากขึ้น และหลายเกมก็พลาดเสียแต้ม"
อินฟลูเอ็นเซอร์สาวสวย ยังเผยอีกว่า ตนเองรู้สึกเซ็งๆเหมือนกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งของการเชียร์ ช่วงนั้นทีมทำผลงานไม่ดี และหลุดท็อปโฟร์ จนไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก อย่างที่เคยไปอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ก็ยังติดตามและหวังว่าทีมจะกลับมาได้ กระทั่งการเข้ามาของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมชาวสแปนิช ก็ถือว่าเจ้าตัวทำให้ทีมกลับมามีภาพรวมที่ดูดี ขึ้นมากๆ เล่นฟุตบอลมีทรง และเป็นทีมแห่งอนาคต
"ผักกาดรู้สึกว่าทีมมีพัฒนาการที่ดีขึ้นนะ จากที่ดร็อปลงไปช่วงหนึ่งเลย ช่วงนั้นแพ้ง่ายๆ เสียประตูง่าย แต่ก็เริ่มแก้ได้ จนเริ่มกลับมาติดท็อปโฟร์ในลีก และยังมีได้แชมป์บอลถ้วยในประเทศ อย่างเอฟเอคัพ กระทั่งขยับมาติดท็อปโฟร์ ก่อนจะรักษามาตรฐานและยกระดับทีมขึ้นมาเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ลีกอีกครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา"
"แม้ปืนใหญ่จะยังก้าวไปไม่ถึงแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ แต่ก็ยังมองเห็นอนาคตว่าทีมชุดนี้ยังไปต่อได้ อย่างฤดูกาลนี้ ก็ต้องบอกว่ายังมีโอกาสลุ้นแชมป์ ซึ่งจากฟอร์มของผู้เล่น และประการณ์ที่ผ่านๆมาของนักเตะในทีม ก็ถือว่ามีคุณสมบัติที่จะทำได้ แต่ก็ยังไม่อยากหวังไกลเกินความเป็นจริง เพราะตอนนี้ทีมก็ยังตามลิเวอร์พูล จ่าฝูง อยู่พอสมควร"
เจ้าตัวยังเสริมอีกว่า ผู้เล่นชุดปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นขุมกำลังที่ดีมากๆ แต่ถ้าถามว่าอยากได้ใครเพิ่มก็คงต้องเป็นผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ส่วนที่มีอยู่อย่าง ไค ฮาร์แวตซ์ ก็เป็นกองหน้าตัวต่ำ ออกไปทางแนวเพลย์เมคเกอร์ ส่วน กาเบรียล เฆซุส ที่เป็นหน้าเป้าแท้ ก็ยังต้องลุ้นกันว่าเจ้าตัวจะเล่นได้สม่ำเสมอหรือไม่ และก็ต้องลุ้นไม่ให้อาการบาดเจ็บเล่นงานเหมือนที่ผ่านๆมา
ผักกาด ยังเผยอีกว่า ตนเองมีความตั้งใจอยากจะไปเชียร์ทีมรักแบบติดขอบสนาม ที่เอมิเรสต์ สเดี้ยม สักครั้ง ซึ่งตั้งใจว่าจะไปในเดือน เม.ย.นี้ให้ได้ ส่วนถ้าถามว่าถ้าอาร์เซนอลมีโอกาสได้แชมป์ ถ้าให้เลือก 1 แชมป์ ระหว่าง พรีเมียร์ลีก หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก อยากได้แชมป์ไหน เจ้าตัวตอบว่าอยากได้แชมป์แชมเปี้ยนลีก เพราะส่วนตัวมองว่านี่คือถ้วยที่ทีมปืนใหญ่ยังไม่เคยได้ ซึ่งก็อยากเห็นทีมให้ทำให้สำเร็จ แต่ส่วนตัวก็มองว่ายาก เพราะทีมเก่งทีมแกร่งจากลีกท็อปของยุโรปหลายชาติ ที่เป็นตัวเต็ง
"นอกจากอาร์เซนอลที่เชียร์แล้ว ก่อนหน้านี้หนูก็ดูฟุตบอลไทยด้วยค่ะ สมัยเรียนมัธยมก็จะไปดูเมืองทอง ยูไนเต็ดบ่อยๆ เพราะใกล้กับที่โรงเรียน แต่หลังเข้ามหาวิทยาลัยก็ห่างๆไป และเพิ่งกลับมาเริ่มตามฟุตบอลไทยในช่วงที่ผ่านมาๆเหมือนกันค่ะ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเวลาว่างจากการทำงานมากขึ้นก็เลยได้ตามบ่อยขึ้น ส่วนกีฬาที่ดูอีกกีฬาและชอบมากๆก็คือฟอร์มูล่า วัน ก็ชอบแม็ก แวร์สเตปเพ่น แชมป์โลกเอฟวัน 4 สมัย ส่วนที่ชอบดูเอฟวันก็เพราะตัวเองเป็นคนชอบเสียงรถซิ่ง ซึ่งพอได้ดูและได้เชียร์คนที่เราชอบด้วย ก็ยิ่งทำให้อินและอยากติดตามไปเรื่อยๆค่ะ"
"ก่อนหน้านี้ผักกาดทำงานเป็นแอร์โฮสสเตทค่ะ ก็มีออกจากงานไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนนี้เรียนจบกลับมาไทย ก็ทำงานเป็นล่าม ทำฟรีแลนซ์เลย ก็คือรับงานที่เขาอยากให้ไปช่วยแปล หรือช่วยทำหน้าที่ล่ามค่ะ ซึ่งด้วยงานของเราที่มันหยืดหยุ่นได้อยู่ ก็เลยทำให้มีเวลามาทำในสิ่งที่เราชอบที่มันเป็นแพชชั่นของเรา อย่างการเชียร์ฟุตบอล รวมถึงมีโอกาสได้ทำคลิปฟุตบอลเกี่ยวกับทีมที่หนูเชียร์อย่างอาร์เซนอลในแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง ติ๊กต่อก ด้วยค่ะ อย่างคลิปแรกที่ทำ เป็นคอนเทนต์รีแอคชั่นเกมอาร์เซนอล พบ แมนฯยูไนเต็ด ค่ะ ก็ทำขำๆกับเพื่อนๆแล้วเอามาลงในติ๊กต่อก ซึ่งหลังลงไปก็มีกระแสตอบรับดีเกินคาด นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนูได้ทำคลิป ได้ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับทีมและฟุตบอลมาถึงตอนนี้เลยค่ะ"
เจ้าตัวยังทิ้งท้ายได้อย่างน่าสนใจว่า ส่วนตัวดีใจที่ปัจจุบันนี้ ผู้หญิงหันมาสนใจฟุตบอลมากขึ้น มีทั้งดูและเชียร์เฉยๆ รวมถึงทำคอนเทนต์เกี่ยวกับฟุตบอลทั้งในและนอกประเทศ จากแต่ก่อนถ้าพูดถึงเรื่องฟุตบอลก็อาจจะเป็นเรื่องของผู้ชายใช่ แต่ตอนนี้เริ่มมีผู้หญิงเข้ามาทำกันมากขึ้น มาแลกเปลี่ยนมุมมองและทรรศนะการดูฟุตบอล ส่วนตัวมองว่าก็เป็นสีสันที่และเป็นความสนุกกันทั้งก่อนและหลังเกม
"ส่วนเวลานี้ใครที่ยังลังเลตัดสินใจเลือกทีมเชียร์ไม่ได้ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ก็อยากให้มาดูฟอร์มของอาร์เซนอลได้ค่ะ ถ้าได้ดูก็อาจจะชอบ เพราะทีมเล่นสนุก มีสไตล์การเล่นที่สวยงาม ส่วนใครที่อยากติดตามผักกาด หรือเข้ามาแลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องฟุตบอล โดยเฉพาะกับเรื่องของทีมอาร์เซบอล สามารถเข้ามาตามได้ที่ ติ๊กต่อก และ อินสตาแกรม pakgardishere รวมถึงเฟซบุ๊คที่ช่องทาง Pakgard swita"