แมนยู พบ บอร์นมัธ ! 5 ประเด็นผีร่างแหลกคารัง - รูเบน อโมริม ไหวมั้ย?

1. ผีดร็อป แรชฟอร์ด ต่อเนื่อง

แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาทำศึก พรีเมียร์ลีก โดย อโมริม กาชื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจากทีมเป็นเกมที่สามติดต่อกันแม้ดาวยิงวัย 27 ปีจะเดินทางมาที่สนามในชุดวอร์มของสโมสร

นอกจากนี้ มาตไตส์ เดอ ลิกต์ หายหน้าไปจากทีมเป็นเกมที่สองหลังนัดออกไปแพ้ สเปอร์ส 4-3 ตกรอบแปดทีมถ้วย คาราบาวคัพ กองหลังดัตช์ก็ไม่มีชื่ออยู่ในโผเนื่องจากยังไม่หายป่วย

สำหรับแผงหน้า เจ้าบ้านหันมาส่ง โจชัว เซิร์กซี่ ลงล่าตาข่ายก่อนหน้า ราสมุส ฮอยลุนด์ ส่วนในแดนหลัง เลนี่ โยโร่ เสียตำแหน่งให้กับ ไทเรลล์ มาลาเซีย เช่นเดียวกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่กลับมาลงสนามแทน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ  รวมทั้งสิ้นกุนซือโปรตุกีสมีการโรเตชั่นนักเตะอีกตามเคยมากถึงหกตำแหน่ง

2. ทีมเยือนได้สองตัวเก่งฟิต

บอร์นมัธ บุกมาเยือน โรงละครแห่งความฝัน ด้วยการสลับโผนักเตะตัวจริงแค่รายเดียวจากเกมลีกนัดเฝ้าบ้านไล่ตีเสมอ เวสต์แฮม แบบเฉียดฉิว 1-1 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เดอะ เชอร์รีส์ เลือกใช้งาน ไทเลอร์ อดัมส์ ลงเล่นในแดนกลางแทน ลูอิส คุ๊ก นอกนั้นล้วนเป็นขุนพลหน้าเดิมทั้งสิ้น

และที่สำคัญ อาคันตุกะ ได้ เอวานิลสัน กับ อองตวน เซเมนโย่ สองตัวรุกฝีเท้าจัดเรียกความฟิตทันเวลาออกสตาร์ตได้ทั้งคู่

3. เสียประตูก่อนอย่างไม่หยุดหย่อน

เป็นอีกเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตได้อย่างเลวร้าย และโดนสอยตาข่ายก่อนอีกจนได้ แถมเป็นการเสียประตูจากลูกเซ็ตพีซที่แสนชินตา

หลังผ่านไป 29 นาที เดอะ เชอร์รีส์ นำหน้าจากลูกโยนทางขวาของ ไรอัน คริสตี้ ที่ ดีน ฮุยจ์เซ่น โดดโขกปะทะตาข่ายซึ่งทำให้ ผีแดง เสียประตูจากลูกตั้งเตะมากถึง 42% แล้ว และเป็นประตูที่ 17 ที่พวกเขาโดนเจาะตาข่ายด้วยลูกเซ็ตพีซในเกม พรีเมียร์ลีก ปีนี้ (2024) โดยที่ไม่นับรวมลูกจุดโทษ

และอย่างที่บอก ในฐานะทีมที่เครื่องร้อนช้า และออกตัวอุ้ยอ้ายโดยนิยมปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีสกอร์นำหน้าก่อน ทีมของ อโมริม จึงตกเป็นรองคู่แข่งก่อนเป็นเกมที่หกติดต่อกันในทุกรายการแล้วซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอนสำหรับนายใหญ่วัย 39 ปี

สำหรับหกเกมที่ ปีศาจแดง เสียประตูให้คู่แข่งก่อนมีดังนี้

อาร์เซน่อล 2-แมนฯ ยูไนเต็ด 0 

แมนฯ ยูไนเต็ด 2- ฟอเรสต์ 3

วิคตอเรีย พิลเซ่น 1- แมนฯ ยูไนเต็ด 2

แมนฯ ซิตี้ 1- แมนฯ ยูไนเต็ด 2

สเปอร์ส 4- แมนฯ ยูไนเต็ด 3

และล่าสุดหลังจบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด 0- บอร์นมัธ 1

4.เกมที่แย่ที่สุดของบอสเจ๋ง

ไม่ต้องบอกทุกคนคงเห็นตำตาว่านี่คือเกมที่แย่ที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ อโมริม เข้ามาคุมทีมในเมื่อ ผีแดง แพ้คารังให้กับ เดอะ เชอร์รีส์ อย่างขาดลอยต่อหน้าสาวกตัวเองด้วยสกอร์ ---

ไม่เพียงผลลัพธ์จะเลวร้าย แต่ฟอร์มการเล่นของนักเตะแต่ละรายล้วนตกต่ำไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่ามีพัฒนาการไล่ตั้งแต่ อ็องเดร โอนาน่า ไปจนถึง เซิร์กซี่ จะมีก็แต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส รายเดียวเท่านั้นที่แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในฐานะกัปตันแม้ดาวเตะทีมชาติ โปรตุเกส จะไม่ได้มีฟอร์มที่ดีเลิศก็ตาม

ถึงตรงนี้ อโมริม น่าจะฉุกคิดได้ซะทีว่าเขาจะเน้นโรเตชั่นทีมต่อไปหรือสมควรวางตำแหน่งนักเตะอย่างชัดเจนได้แล้วเนื่องจากการเปลี่ยนโผตัวจริงทุกเกมร่วมหกรายโดยตลอดทำให้นักเตะปราศจากทีมเวิร์คเนื่องจากพวกเขาต้องเล่นกับทีมเมทที่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยในแต่ละขุมกำลังจนส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของทีมไม่มีความต่อเนื่อง และส่งผลร้ายต่อผลงานของทีมอย่างที่เห็น

5. อนาคตของ แรชฟอร์ด?

แม้จะเป็นเกมที่สามติดต่อกันที่ แรชฟอร์ด โดนกาชื่อทิ้ง แต่อย่างน้อยเกมนี้เจ้าตัวเดินทางมาที่สนามในเกมนี้ด้วย และสวมชุดวอร์มของ ผีแดง แม้จะรู้ดีว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกตามเคย

จากการยืนยันของ อโมริม การเลือกทีมของเขาขึ้นอยู่กับการซ้อมของนักเตะ แถมกุนซือเลือดฝอยทองระบุชัดว่า แรชฟอร์ด ไม่ได้มีปัญหาทางด้านวินัยซึ่งไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หัวหอกเลือดผู้ดีโดนเขี่ยพ้นทีม

หาก อโมริม ไม่ได้โกหก มันก็ไม่แน่ว่า แรชฟอร์ด ยังมีโอกาสกลับมาลงเล่นให้ ผีแดง ได้เหมือนกับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่โดนกาชื่อทิ้งแค่เกมเดียว และได้กลับมาลงสนามเป็นตัวสำรองในอีกสองนัดถัดมารวมถึงเกมล่าสุดนี้ด้วย

ฉะนั้้นแล้ว มันน่าจะขึ้นอยู่กับ แรชฟอร์ด เป็นสำคัญว่าเขาสามารถแสดงให้เจ้านายเห็นถึงความหิวกระหายในการลงสนามหรือเปล่าเพราะเท่าที่ผ่านมาเด็กปั้นของทีมแสดงท่าว่าไม่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอลซึ่งไม่ใช่ภาษากายที่ดีสำหรับนักเตะอาชีพ

ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีผลงานไม่ดี มันจึงเป็นไปได้ว่าเขามีสิทธิ์ถูกเจ้านายกลับมาเรียกใช้บริการ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในเกมไหน หรือสุดท้ายเขาจะโดนขายทิ้งหรือปล่อยออกไปแบบยืมตัวในเดือนหน้าเหมือนที่สื่อระบุก็ต้องรอดูกัน