บทสัมภาษณ์ภาค 2 ระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะคนดังชาวโปรตุกีสกับ เพียร์ส มอร์แกน ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งก็ตามที่หลายคนคาดกันว่าภาคนี้เป็นการพูดถึง เอริค เทน ฮาก แบบหนักหน่วง แต่มันมีการกล่าวถึงประเด็นอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นความคิดที่มีต่อ ลิโอเนล เมสซี่, ตัวเต็งแชมป์ ฟุตบอลโลก 2022 และอนาคตของตัวเองกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นต้น
- เรื่องที่ว่าอะไรเป็นแรงผลักดันให้เขาในการเล่น ระหว่างการแข่งขันหรือเงิน
"แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องสถิติ อะดรีนาลีน แต่ว่ากันตามตรงนะ เพียร์ส ในช่วงไม่กี่ปีมานี้น่ะฟุตบอลมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าให้พูดกันตรงๆ ก็ต้องบอกว่าผมมองว่าตอนนี้ฟุตบอลมันเป็นธุรกิจไปแล้ว บางครั้ง จอร์จิน่า จะแสดงท่าทีประมาณว่า -ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาปฏิบัติกับนักเตะเหมือนเป็นเศษเนื้อชิ้นหนึ่ง- ซึ่งผมก็จะตอบเธอไปว่า -ใช่ที่รัก ทุกอย่างที่คุณพูดมันเป็นเรื่องจริง-"
"เพียร์ส ผมมองว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้น่ะฟุตบอลมันเป็นธุรกิจแบบหนึ่ง ผมเห็นหลายอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกผิดหวัง แน่นอนล่ะว่าอารมณ์ร่วมกับเกมการแข่งขันมันยังมีอยู่ แต่ในขณะเดียวกันผมก็มองเห็นด้านอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งมันทำให้ผมแปลกใจมากๆ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เพราะถ้าคุณลองดูสถานการณ์ของโลกในตอนนี้น่ะคุณก็จะเห็นว่าทุกอย่างมันเป็นธุรกิจกันทั้งนั้น"
- ประเด็นที่ โรนัลโด้ เป็นหนึ่งในคนที่ออกจากสนามก่อนเพื่อนในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรี-ซีซั่นกับ ราโย บาเยกาโน่
"มันมีผมกับนักเตะ 8 คนที่ทำอย่างนั้น แต่พวกเขา (สื่อและแฟนบอล) เอาแต่พูดถึงชื่อผม ทุกคนทำกันอย่างนั้น ขณะที่ปีก่อนมันก็มีนักเตะหลายคนที่ทำแบบนี้เหมือนกัน ในเกมนั้นมีนักเตะ 8 คนที่ทำแบบเดียวกับผม แต่พวกเขาเอาแต่พูดถึงแกะดำ ซึ่งก็คือผม แต่ผมก็เข้าใจได้ล่ะนะว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ผมโอเคกับมัน ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ตอนนั้นผมขอโทษโค้ชและสำหรับผมตอนนั้นเรื่องมันก็จบลงด้วยดี"
- ประเด็นที่ปฏิเสธจะลงเล่นในฐานะตัวสำรองในเกมกับ สเปอร์ส
"เพียร์ส ผมจะพูดตามตรงกับคุณนะ ผมรู้สึกเสียใจที่เดินออกจากสนามในวันนั้น หรือที่จริงอาจจะไม่ก็ได้มั้ง ผมไม่รู้เหมือนกัน มันตอบให้ตรง 100 เปอร์เซ็นต์ได้ยาก เอาเป็นว่าผมรู้สึกเสียใจในระดับหนึ่ง แตในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าผมโดนโค้ชยั่วยุด้วย โค้ชจะส่งผมลงไปเล่นแค่ 3 นาทีในเกมนั้นไม่ได้ ขอโทษทีนะ ผมไม่ใช่นักเตะประเภทนั้น ผมรู้ดีว่าผมสามารถทำอะไรให้กับทีมได้บ้าง"
- ประเด็นที่เหมือนโดนกีดกันออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด และความสัมพันธ์ของเขากับ เทน ฮาก
"เขาพูดกับผมอยู่เสมอว่าผมต้องรอโอกาสของตัวเองจากการที่ผมไม่ได้ซ้อมกับทีมช่วงปรี-ซีซั่น ซึ่งผมก็เข้าใจได้ ผมยอมรับได้ แต่เขาไม่ได้ใช้มาตรการเดียวกันกับนักเตะทุกคน ผมจะไม่พูดชื่อหรอกนะว่ามันมีใครบ้าง (ที่ โรนัลโด้ มองว่าได้รับอภิสิทธิ์) แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นกับนักเตะทุกคน"
"อย่างที่สอง ผมเข้าใจดีว่านี่ถือเป็นงานใหม่ ตลอดช่วง 5 ปีหลังสุด แมนเชสเตอร์ มีผลงานที่เลวร้ายมากจนถึงขนาดที่ต้อง...เอาเป็นว่าพวกเขาต้องล้างบางครั้งใหญ่แล้วกัน แต่แนวทางการปฏิบัติและการที่สื่อทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตน่ะอาจจะเป็นเพราะการสื่อสารมันทำได้ไม่ดีก็ได้"
"ที่จริงตอนแรกผมเข้าใจได้นะ ผมไม่ได้เล่นเพราะผมไม่ได้ซ้อมช่วงปรี-ซีซั่น แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ แล้วน่ะมันก็มีหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่ามันมีเรื่องเหล่านั้นด้วย ผมจะไม่ปิดบังหรอกนะว่าผมมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับโค้ช ผมพูดตรงๆ"
"เขาไม่ได้ให้ความเคารพผมตามแบบที่ผมสมควรจะได้รับ แต่มันก็เกิดเรื่องแบบนั้นไปแล้ว บางทีนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเดินออกจากสนามในเกมกับ ท็อตแน่ม ก็ได้"
- ประเด็นที่ เทน ฮาก ไม่ส่งเขาลงเล่นในเกมแพ้ แมนฯ ซิตี้
"ข้ออ้างทั้งนั้น ผมมองว่ามันเป็นข้ออ้าง ผมมองเห็นหลายอย่างที่...จริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากจะตำหนิเขาหรอกนะ แต่เขาสามารถมีมุมมองเกี่ยวกับผมที่ต่างออกไปได้ พวกเขาเลือกนักเตะที่คิดว่าเหมาะกับทีมมากกว่า ซึ่งผมเคารพเรื่องนั้น แต่พวกเขาเอาแต่หาข้ออ้างอยู่ตลอด ข้ออ้างน่ะมันก็มีข้อจำกัดของมัน คุณไม่สามารถใช้ข้ออ้างไปตลอดได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลายอย่างมันไม่สมเหตุสมผล"
"เขาบอกว่าไม่ส่งผมลงเล่นในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซฺตี้ เพราะให้ความเคารพอาชีพการเล่นของผม แต่อยากให้ผมลงเล่น 3 นาทีในเกมกับ ท็อตแน่ม งั้นเหรอ มันไม่สมเหตุสมผลนะ ผมคิดว่าเขาทำอย่างนั้นด้วยความตั้งใจบางอย่าง เพราะยกตัวอย่างเช่นถ้าเกิดกุนซือของทีมชาติหรือสโมสรอื่นอยากส่งผมลงเล่นในช่วง 5 นาทีสุดท้ายหลังจากมีคนที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นช่วงที่พวกเขาต้องการผมจริงๆ แล้วล่ะก็ ผมก็จะยอมลงไปเล่น แต่การกระทำของเขา (เทน ฮาก) มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนยั่วยุ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มีสาเหตุมาจากแค่เกมในวันนั้น แต่มันพ่วงมาจากเกมก่อนหน้านั้นด้วย"
- ประเด็นที่โดนสั่งพักงานเป็นครั้งแรกในอาชีพการเล่นของตัวเอง
"ผมคิดว่าสโมสรวางแผนให้ผมแสดงปฏิกิริยาออกมาแบบนั้น ผมผิดหวังกับการสื่อสารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากๆ พูดกันตามตรงนะ ผมไม่เคยมีปัญหากับสโมสรไหนหรือกับโค้ชคนไหนมาก่อนเลย"
"จากนั้นพวกเขาก็สั่งพักงานผม 3 วัน ซึ่งส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นจำนวนวันที่เยอะมาก ถ้าพูดถึงระดับในด้านกีฬาและสโมสรแล้วน่ะก็ต้องบอกว่าผมรู้สึกว่ามันหนักมาก มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย"
"ผมจำได้เลยว่าวันหนึ่งผมกลับบ้าน และ คริสเตียโน่ (ลูกชายคนโต) ก็ถามผมหลังเจอผมว่า -ป๊ะป๋าไม่ไปร่วมการแข่งขันเหรอฮะ ?- ซึ่งผมก็ตอบไปว่า -ไม่ล่ะลูก เพราะสโมสรสั่งแบนพ่อ 3 วัน- ซึ่งเขาก็พูดประมาณว่า -เขาจะลงโทษป๊ะป๋าได้ยังไงกันในเมื่อป๊ะป๋าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของโลก แล้วนี่ป๊ะป๋าจะไม่ได้ลงเล่นเหรอ ?- ตอนนั้นผมก็ตอบไปว่า -ไม่ล่ะลูก พ่อจะไม่ได้ลงเล่นเพราะพ่อปฏิบัติตัวได้ไม่ดี- ซึ่งเขาก็มองผมด้วยอารมณ์ประมาณว่า -ป๊ะป๋าของผมปฏิบัติตัวได้ไม่ดีเนี่ยนะ ?-"
"ในมุมหนึ่งผมโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมันทำให้ผมีมอารมณ์ราวกับว่าผ่อนคลายมากกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังมากๆ เพราะ โอเคล่ะว่าผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมขอโทษ ผมไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ ผมทำพลาดไป แต่พวกเขายังสั่งพักงานผม 3 วันกับเรื่องนั้นเยี่นนะ ผมคิดว่ามันเป็นบทลงโทษที่มากเกินไป และพวกเขาก็ทำให้สื่อมีประเด็นไปเล่น ซึ่งสำหรับผมแล้วมันน่าผิดหวังมากๆ"
"อย่าบอกกับผมนะว่านักเตะชั้นยอด คนที่ต้องการทุกอย่าง และเป็นนักเตะที่เป็นคนสำคัญน่ะจะได้เล่นแค่ 3 นาที ไม่เอาน่า มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เมื่อพิจารณาถึงการที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่ส่งผมลงเล่นเพราะพวกเขาเคารพผม สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่การแสดงให้เห็นถึงความเคารพเลย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป ซึ่งผมเองก็สำนึกผิดกับเรื่องนั้น ผมขอโทษเพื่อนร่วมทีมของผมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมโพสต์ทาง อินสตาแกรม ว่าผมเสียใจที่เดินออกจากสนาม"
"ผมเสียใจที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมของผมรู้ว่าผมรู้สึกยังไง และผมก็ขอโทษพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่รู้สึกเสียใจกับการปฏิเสธที่จะลงเล่นในวันนั้น โค้ชไม่ได้ให้ความเคารพกับผมเลย ดังนั้นความสัมพันธ์ของเราเลยเป็นแบบนี้ เขาเอาแต่พูดกับสื่อว่าเขาเข้ามาคุยกับผม เขาชอบผม บลา บลา บลา แต่เขาพูดแบบนั้นแค่ต่อหน้าสื่อเท่านั้น 100 เปอร์เซ็นต์ (สื่อว่า เทน ฮาก ไม่ได้คุยปรับใจกับเขาจริงๆ) ถ้าคุณไม่ให้ความเคารพผม ผมก็จะไม่มีวันเคารพคุณ"
- เรื่องอนาคตกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจบศึก ฟุตบอลโลก
"ตอนนี้มันตอบได้ยาก เพราะสำหรับผมแล้วตอนนี้ผมสนใจแค่ ฟุตบอลโลก มันอาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของผมแล้วก็ได้ แน่นอนว่านี่เป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ผมจะได้มีส่วนร่วมกับทัวร์นาเมนท์นี้ ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างหลังจากจบศึก ฟุตบอลโลก แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ ผมย้ำอีกครั้งก็ได้ว่าแฟนๆ อยู่ในใจของผมอยู่เสมอ และผมก็หวังว่าพวกเขาจะอยู่เคียงข้างผม ไม่ว่าผมจะกลับไปเล่นให้ทีม, ไม่ได้กลับไปเล่นให้ทีม, อยู่กับทีมต่อ หรือย้ายออกไปแล้วก็ตาม ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ทุกเรื่องราวในชีวิตที่เราเจอมันเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์อยู่แล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นมนุษย์ของผม และในการเป็นพ่อคนด้วย มันจะมีบางครั้งที่ผมทำพลาดอยู่เสมอ"
"ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้มันตอบได้ยากว่าหลังจากจบ ฟุตบอลโลก ไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะปัจจุบันผมให้ความสำคัญกับ ฟุตบอลโลก และกับทีมชาติโปรตุเกสเท่านั้น"
"ตอนที่ผมกลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่ะ ผมพร้อมช่วยทีมเสมอเพื่อที่จะทำให้ทีมเจอกับเรื่องดีๆ, เพื่อทำให้ทีมอยู่ในจุดที่ใช่ และเพื่อทำให้ทีมต่อกรกับบรรดาทีมชั้นยอดได้ แต่มันทำอย่างนั้นได้ยากเมื่อคุณเหมือนกับโดนตัดขาทิ้งไป และพวกเขาไม่อยากให้คุณเฉิดฉาย รวมถึงไม่ฟังคำแนะนำของคุณ ผมคิดว่าผมสามารถให้คำแนะนำที่ดีๆ กับสโมสรได้ เพราะแชมป์มันเกิดขึ้นได้จากทั้งผลงานส่วนตัวและจากการทำงานกันเป็นทีม ผมคิดว่าผมสามารถช่วยทีมได้เยอะ แต่เมื่อโครงสร้างมันไม่ดีแล้วน่ะ..."
- ประเด็นที่เขาได้รับข้อเสนอก้อนโตจากทีมในซาอุดิอาระเบีย
"มันเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม สื่อเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระที่บอกว่าไม่มีใครต้องการผม เพราะมันไม่ใช่ความจริงเลย และพูดกันตามตรงนะ ที่จริงผมมีความสุขกับการอยู่ที่นี่ (หมายถึงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด) ผมมีความมุ่งมั่นที่จะมีผลงานที่ดีกับที่นี่ แต่พวกเขา (สื่อ) เอาแต่ย้ำว่าไม่มีใครต้องการ คริสเตียโน่"
"จะมีใครกันบ้างที่ไม่อยากได้นักเตะที่ทำได้ถึง 32 ประตูเมื่อปีก่อน เมื่อนับรวมผลงานกับทีมชาติเข้าไปด้วย ?"
- ประเด็นที่ปฏิเสธข้อเสนอจากทีมใน ซาอุดิอาระเบีย
"มันเป็นการเลือกที่ยากอยู่นะ แต่ในขณะเดียวกันตอนนั้นผมก็คิดว่าผมยังมีความสุขมากๆ กับที่นี่ ผมยังเชื่อว่าตัวเองสามารถทำประตูแบบเป็นกอบเป็นกำได้ ผมยังเชื่อว่าผมสามารถทำประตูหลายลูกได้ และสามารถช่วยทีมได้ เพราะผมยังเชื่อว่าตัวเองยังมีดีอยู่ และสามารถช่วยทีมชาติได้ รวมถึงช่วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ด้วย แต่มันก็ทำเรื่องนั้นได้ยากเมื่อคุณไม่รู้สึกว่ามันมีพลังงานที่ดีๆ อยู่รอบตัวคุณ"
"แน่นอนว่าคำตำหนิมันเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ อย่างเช่นการบอกว่า -เขาอายุ 37 ปีแล้ว เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว- แต่ผมอยากเห็นเหลือเกินว่ามันมีใครกันบ้างที่มีอายุเท่าๆ กับผมแล้วยังสามารถรักษาระดับการเล่นที่ดีเหมือนที่ผมทำได้ ใช่ ตอนนี้ผมรู้สึกดีมากๆ ผมเชื่อว่าผมจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมใน ฟุตบอลโลก หนนี้ ผมมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ"
- ประเด็นที่เขาเล่นมาอย่างยาวนาน และเรื่องที่ว่าเขายังสามารถเล่นในระดับสูงไหวหรือไม่
"สำหรับผมแล้วคำถามแบบนั้นเป็นคำถามที่งี่เง่า คนชอบพูดอะไรกันนะ ? พวกเขาไม่เหมือนเดิมแล้วใช่ไหม ความจริงก็คือไม่มีใครที่เหมือนเดิมได้ตลอด เราแก่ขึ้นในทุกๆ วัน เราทุกคนแแก่ขึ้นในทุกๆ วัน นั่นเป็นเรื่องปกติ"
"คุณต้องปรับตัวให้ได้ และผมคิดว่าในวงการนี้มันไม่มีใครหรอกที่มีความคิดปรับตัวเข้ากับวัยของตัวเองได้แบบนี้ ผมไม่เหมือนเดิม ผมไม่อยากคุยโวโอ้อวดหรอกว่าผมยังเป็นนักเตะแบบเดียวกับตอนที่ผมอายุ 20 ปี ไม่เลย แต่ผมปรับตัวได้และฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นจุดเด่นของผม อะไรที่ผมทำได้ดี ผมยังเล่นในระดับสูงได้และทำประตูได้ และผมจะยังทำประตูได้อย่างต่อเนื่องถ้าหัวของผมปลอดโปร่งและมีความสุข"
"ผมจะยังทำผลงานได้ดีด้วยถ้าหากคนรอบๆ ตัวผมช่วยทำให้ผมเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือจากโค้ช, ประธาน, บรรดาผู้บริหาร แต่เมื่อคุณรู้สึกว่ารอบตัวคุณมันไม่มีพลังงานที่ดีแล้วล่ะก็ คุณก็จะเป็นตัวของตัวเองได้ยาก ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม"
"ที่พวกเขาพูดกันตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามันเป็นเรื่องไร้สาระและไม่เป็นความจริงเลย พวกเขาบอกว่ามีการยื่นข้อเสนอให้ผมหลายต่อหลายครั้ง มีประธานกับผู้บริหารของสโมสรอื่นๆ ที่พูดเกี่ยวกับผมและปฏิเสธจะเซ็นสัญญากับผม เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ พวกเขาโกหกเพราะมันไม่ได้เกิดเรื่องแบบนั้นเลย มีบางสโมสรที่อยากได้ผมไปร่วมทีม แต่ผมไม่ได้ย้ายไปอยู่กับทีมเหล่านั้นเพราะผมรู้สึกดีกับที่นี่ นั่นคือความจริง"
- ประเด็นที่เขาน่าจะโดนตำหนิกับการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้
"ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ตำหนิผมกับการที่ผมไม่ได้ออกมาพูดเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว ดังนั้นมันก็แน่นอนว่าพวกเขาจะตำหนิผมอยู่ดีเมื่อผมออกมาพูดบางอย่าง บางทีพวกเขาอาจจะตำหนิผมหนักกว่าก่อนด้วยซ้ำ แต่มันเป็นเรื่องที่ผมรับมือได้ ผมรู้ดีว่าผมจะทำให้บางคนต้องผิดหวัง ผมอาจจะต้องปรับความเข้าใจกับบางคนด้วยก็ได้"
"อย่างไรก็ตาม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด การใช้ชีวิตมันเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ในชีวิตของเราน่ะเราจะเจออุปสรรคมากมาย และผมก็จะวิ่งต่อไปเพื่อสู้กับพวกคนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวผม ชีวิตมันเป็นความท้าทาย และผมก็อยากทำให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคิดผิด"
"สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าผมจะไม่กลับไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกแล้ว แต่ก็อย่างที่คุณบอกแหละว่ามัน...เอาเป็นว่ามารอดูกันดีกว่าว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็อย่างที่ผมบอกกับคุณไปก่อนหน้านี้ว่าแฟนๆ จะอยู่ในใจของผมเสมอ พวกเขาจะอยู่ในนั้นไปตลอด หลายวันที่ผมออกไปเดินตามท้องถนนน่ะผมสัมผัสได้ถึงความรัก, อารมณ์ร่วม และความเคารพที่หลายคนมีให้กับผม ผมหวังว่าพวกเขาจะไม่มีวันลืมเรื่องที่ผมจะยังทำต่อไป สิ่งสำคัญไม่ได้มีแค่อดีต แต่มันมีเรื่องของปัจจุบันด้วย"
"แมนเชสเตอร์ จะอยู่เคียงข้างผมเสมอ แฟนๆ ก็จะอยู่เคียงข้างผมไปตลอด ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมซาบซึ้งกับความรักที่พวกเขามอบให้ผมอยู่เสมอ ต่อให้จะถึงตอนที่ผมไม่ได้เล่นฟุตบอลอีกต่อไปผมก็จะยังรู้สึกแบบนั้น ต่อให้พวกเขาจะตำหนิผม แต่พวกเขาก็จะอยู่ในใจของผมไปตลอด ดังนั้นผมก็ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจด้วย ผมหวังว่าจะได้เจอกับพวกคุณในเร็วๆ นี้ และเหล่าแฟนบอลจะอยู่ในใจของผมเสมอ"
- ประเด็นที่ว่าถ้าเป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แล้วนั้น อีกฝ่ายจะทำยังไงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"ที่จริงผมไม่ได้คุยกับเขามาได้ 1 เดือนแล้วล่ะนะ แต่เขาอยู่ข้างผมเสมอ เขาเข้าใจผมอยู่ตลอด เขารู้ดี เขารู้ดีกว่าทุกคนว่าตอนนี้สโมสรไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น เขารู้ดี ทุกคนเองก็รู้ดี แต่หลายคนมองไม่เห็นเรื่องนั้นเพราะพวกเขาไม่อยากมองมัน พวกเขาโทษคนอื่น"
"แฟนๆ คือคำตอบที่ถูกต้องอยู่เสมอ พวกเขามีอารมณ์ร่วมกับเกมสูงด้วย แมนเชสเตอร์ เป็นของแฟนๆ พวกเขาควรจะรู้ความจริง โครงสร้างมันแย่และพวกเขาต้องเปลี่้ยนแปลงเรื่องนั้น"
- ประเด็นฟุตบอลโลกและเป้าหมายส่วนตัว
"ผมมองโลกในแง่ดีมากๆ เรามีโค้ชที่ยอดเยี่ยมและมีนักเตะรุ่นที่ดี ผมตั้งตารอและคิดว่าเราจะมี ฟุตบอลโลก ที่วิเศษ แน่นอนว่ามันจะเป็นงานยาก มันจะเป็นงานหินสุดๆ แต่อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แน่นอนว่าเราจะขับเคี่ยวกับทีมอื่นๆ ให้ได้"
- ทีมเต็งแชมป์ ฟุตบอลโลก 2022
"เราเอง (โปรตุเกส) ไม่เคยเป็นตัวเต็งอยู่แล้ว ไม่เลย ตัวเต็งอาจจะเป็น ฝรั่งเศส, สเปน, อาร์เจนตินา, เยอรมนี แน่นอนว่า บราซิล ด้วย พวกเขาดูดี"
- โอกาสการเป็นแชมป์ของ อังกฤษ
"ผมคิดว่า อังกฤษ มีโอกาสในระดับเดียวกับ โปรตุเกส"
- ประเด็นที่ว่าเขาจะเลิกเล่นให้ทีมชาติหรือไม่หาก โปรตุเกส ได้แชมป์
"ใช่ ผมจะเลิกเล่นให้ทีมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์เลย"
- ประเด็นที่ ฟุตบอลโลก จัดที่ กาตาร์ และเรื่องอื้อฉาวต่างๆ เกี่ยวกับทัวร์นาเมนท์
"ทุกทีมชาติและทุกคคนควรจะต้องได้รับการต้อนรับที่ดีใน กาตาร์ พูดกันตามตรงนะ ผมมองว่านี่จะเป็นทัวร์นาเมนท์ที่ดี ผมคิดว่า กาตาร์ เตรียมตัวมาพร้อมเป็นอย่างดี พกวเขาพร้อมสำหรับเรื่องนั้น จริงอยู่ว่ามันจะแปลกๆ อยู่บ้างที่ต้องเล่น ฟุตบอลโลก ในช่วงต้นฤดูกาล แต่ในมุมหนึ่งมันก็ถือเป็นความท้าทายที่ดี พูดกันตามตรงแล้วผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดี ผมรู้สึกดี ผมรู้สึกมีพลังงานที่ดี"
- เรื่องของ ลิโอเนล เมสซี่
"เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นคนที่สุดยอด เราแข่งขันกันมานาน 16 ปี ลองคิดตามดูสิ 16 ปีเลยนะ ดังนั้นก็ต้องบอกว่าผมมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับเขา"
"แน่นอนว่าผมไม่ใช่เพื่อนซี้ของเขา ในมุมมองของผมน่ำเพื่อนคือคคนที่จะอยู่กับคุณในบ้านของคุณหรือคุยโทรศัพท์ด้วยกัน ดังนั้นก็ต้องบอกว่าผมไม่ใช่เพื่อนของเขา แต่ผมเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทีมของเขามากกว่า เขาเป็นคนที่ผมให้ความเคารพอย่างมากจากการที่เขามักจะพูดถึงผมในทางที่ดีอยู่เสมอ ภรรยาของเขากับภรรยาของผมก็เคารพกันและกัน คือที่จริงต้องบอกว่าแฟนสาวของผมน่ะนะ (เพราะว่า โรนัลโด้ ยังไม่ได้แต่งงานกับ จอร์จิน่า) และพวกเธอต่างก็มาจากอาร์เจนตินาทั้งคู่ด้วย"
"แฟนของผมมาจากอาร์เจนตินา ดังนั้นหลายอย่างเลยเป็นไปได้ด้วยดี ผมจะพูดอะไรเกี่ยวกับ เมสซี่ ได้น่ะเหรอ ? เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่ทำเรื่องสุดยอดสำหรับฟุตบอลได้เยอะ"
- เรื่องที่ว่าอยากให้ อาร์เซน่อล ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก หรือไม่
"ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ แน่นอนว่าผมอยากให้ แมนเชสเตอร์ (ยูไนเต็ด) ได้แชมป์มากที่สุด แต่ถ้าไม่แล้วน่ะ อาร์เซน่อล ก็เป็นทีมรองลงมา ผมชอบดูการเล่นของพวกเขา ผมชอบทีมของพวกเขา, ชอบโค้ชของพวกเขา ผมคิดว่าพวกเขามีทีมที่ดี ถ้าเกิด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก แล้วล่ะก็ ผมก็จะพอใจมากๆ ถ้า อาร์เซน่อล ได้แชมป์ไปครอง"
- ประเด็นแผนเกี่ยวกับการแขวนสตั๊ด
"ผมอยากเล่นอีกสัก 2-3 ปี อย่างสูงสุดก็อีก 2 หรือ 3 ปี ผมอยากแขวนสตั๊ดตอนอายุ 40 ปี ผมคิดว่า 40 เป็นช่วงวัยที่ดี แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง บางครั้งคุณวางแผนอย่างหนึ่งสำหรับชีวิตของตัวเองเอาไว้อย่างดิบดีแล้ว ก็เหมือนกับที่ผมพูดหลายครั้งนั่นแหละว่าชีวิตมันเต็มไปด้วยหลายอย่าง (หมายถึงแผนอาจเปลี่ยนไปได้) และคุณไม่มีวันรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น"
- ความสัมพันธ์กับ จอร์แดน ปีเตอร์สัน คนดังในโลกอินเตอร์เน็ตที่มีข่าวฉาว (เรื่องฉาวของ ปีเตอร์สัน มีอย่างเช่นการเหยียดเพศ, การแสดงความเห็นต่อต้้านคนที่เลือกฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เป็นต้น)
"ผมเป็นแฟนตัวยงของเขา ผมอ่านหนังสือของเขาที่ชื่อ 12 Rules ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่น่าสนใจและผมอยากเจอคนฉลาดๆ แบบนั้นอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและผมได้เรียนรู้หลายอย่าง เขาให้คำแนะนำกับผมอยู่บ้างด้วย"
"เรามีการคุยกันที่ดีในเชิงยุทธศาสตร์ เราไม่ได้คุยกันแค่เรื่องชีวิตของผมหรือเรื่องฟุตบอล เพราะชีวิตของผมไม่ได้มีแต่เรื่องฟุตบอล ผมเป็นนักธุรกิจด้วย ผมมีหลายอย่างที่สำคัญในชีวิตของผม เมื่อคุณรายล้อมไปด้วยคนที่ทำให้ชีวิตของคุณน่าสนใจมากขึ้นแล้วน่ะ พวกเขาก็จะเข้าถึงชีวิตประจำวันของคุณได้ ผมซาบซึ้งกับเรื่องนั้น เพราะคนแบบนั้นเป็นคนที่คิดนอกกรอบ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกชื่นชมพวกเขา เรามีการคุยกันที่ดีในเรื่องเชิงยุทธศาสตร์"
- เรื่องที่ว่าเขาจะเขียนหนังสือแบบเรื่อง 12 Rules ของตัวเองบ้างหรือไม่
"ทำไมจะไม่ควรทำกันล่ะ ? ในอนาคตผมอาจจะทำอย่างนั้นก็ได้ ผมอยากให้ความรู้กับทุกคน ไม่ใช่แค่กับครอบครัวของผมเท่านั้น แต่รวมถึงแฟนๆ ของผมด้วย อย่างที่คุณรู้ดีว่าผมมีแฟนหลายล้านคน ผมอาจจะทำหนังสือแบบเดียวกันในอนาคตก็ได้ แต่มันจะเน้นไปที่การช่วยเหลือคน, การบอกพวกเขาว่าต้องทำยังไงถึงจะรักษาระดับการเล่นที่ยาวนานได้, การทำยังไงถึงจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"
"ผมมีประสบการณ์ที่จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้กับผู้คนสำหรับเรื่องเหล่านั้นได้ ผมคิดว่าผมเป็นแบบอย่างที่ดี และจะช่วยคนได้หลายคนผ่านทางแนวทางแบบนั้น ถ้าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือของผมน่ะนะ"