ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากที่พวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และคาราบาว คัพ รวมทั้งการได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างไรก็ตามในช่วงระหว่างซัมเมอร์นี้ดูเหมือน "หงส์แดง" ค่อนข้างจะต้องพบกับความยากลำบากในการเสริมทัพ
เป็นที่ทราบกันดีว่า "เดอะ เร้ดส์" ตัดสินใจแยกทางกับ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งย้ายไปเล่นให้กับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค นั่นทำให้พวกเขาต้องหากองหน้าคนใหม่ และสุดท้ายมาจบที่การทุ่มเงินมหาศาลซื้อตัว ดาร์วิน นูนเญซ จาก "เหยี่ยวลิสบอน" เบนฟิก้า ด้วยสนนราคา 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท)
หลังจากนั้นพวกเขาก็เซ็นสัญญากับ คาลวิน แรมซี่ย์ ฟูลแบ็กดาวรุ่งมาจาก อเบอร์ดีน และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ จอมทัพแห่งอนาคตชาวโปรตุกีสมาจาก "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม ก่อนที่จะคว้าตัว อาร์ตูร์ เมโล่ มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียน มาจาก ยูเวนตุส ด้วยสัญญายืมตัว 1 ซีซั่น
การคว้าตัว เมโล่ มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ ก็เพื่อที่จะมาช่วยเติมเต็มแผงกองกลางของทีมที่ปัจจุบันอายุก็เยอะมากแล้วทั้ง ติอาโก้ อัลกันทาร่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่
แม้ว่าสามสหายในแดนกลางของ "หงส์แดง" ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้วก็ตาม แต่ก็อย่างที่บอกว่าเมื่อรวมอายุของพวกเขาก็ปาเข้าไปเบ็ดเสร็จ 91 ปี ขณะที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ อายุเพียง 19 ปี ส่วน เคอร์ติส โจนส์ อายุ 24 ปี โดยทั้งสองคนนี้กำลังพยายามพิสูจน์ตัวเองในฐานะอนาคตแผงมิดฟิลด์ของทีมในซีซั่นนี้
ขณะเดียวกัน เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ในแดนกลางอาทิเช่น เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน ขณะที่ เมโล่ จะเข้ามาช่วยเติมเต็มในจุดนี้ด้วย
สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูคงไม่มีใครสามารถแย่งหน้าที่นี้ของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ได้แน่นอน ขณะที่ อาเดรียน กับ ควีวิน เคลเลเฮอร์ คอยเป็นแรงสนับสนุน สำหรับ แรมซี่ย์ กับ โจ โกเมซ ต้องมีหน้าที่เป็นยางอะไหล่ให้กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ คล็อปป์ ขาดไม่ได้เลย
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยังเป็นตัวหลักในตำแหน่งแบ็กซ้าย โดยมี คอสตาส ซิมิคาส ที่จะคอยเบียดแย่งตำแหน่งกับเขา สำหรับ โฌแอล มาติป และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังคงเป็นคู่หูเซนเตอร์แบ็ก ส่วน อิบราฮิม่า โกนาเต้ ถ้าหายจากอาการบาดเจ็บก็พร้อมช่วงชิงตำแหน่งเช่นกัน
ในส่วนของเกมรุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญาระยะยาวกับต้นสังกัดยังคงเป็นนักเตะที่อันตรายสำหรับกองหลังทุกๆ สโมสรในพรีเมียร์ลีกทางริมเส้นฝั่งขวา ด้าน หลุยส์ ดิอาซ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมทางฝั่งซ้าย ซึ่งผลงานโดดเด่นอย่างมากตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมจนกระทั่งปัจจุบัน
ด้านตัวเลือกแรกในตำแหน่งหน้าเป้าคงหนีไม่พ้น นูนเญซ แต่ผลงานในตอนนี้ยังไม่ค่อยดีนักอาจเป็นเพราะนักเตะเต็มไปด้วยความกดดันจากค่าตัวแพงระยับ และการเล่นในลีกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ฉะนั้นตำแหน่งของเขาก็อาจจะไม่ได้การันตีร้อยเปอร์เซนต์ เนื่องจากทีมยังมี โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กับ ดีโอโก้ โชต้า
นักเตะอีกรายที่มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะเข้ามาสอดแทรกใน 11 ตัวจริงของทีมซีซั่นนี้ก็คือ คาร์วัลโญ่ โดย ดาวเตะวัย 20 ปีเริ่มต้นอาชีพในถิ่นแอนฟิลด์ได้อย่างสุดยอด หลังยิงประตูสุดสวยในช่วงนาทีสุดท้ายนำ "หงส์แดง" เฉือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และยังได้ลงตัวจริงเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์
คล็อปป์ อาจต้องพบกับปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บเยอะมากตั้งแต่ต้นซีซั่น แต่ทีมก็ยังพอมีขุมกำลังที่น่าจะเอาตัวรอดในช่วงเวลานี้ไปได้ ส่วนเรื่องฟอร์มการเล่นหลายคนอาจจะรู้สึกอึดอัด กระนั้นหากมองจากความเป็นจริงพวกเขายังคงเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้น่ากลัว ขาดแค่การจบสกอร์เท่านั้น
ฉะนั้นสำหรับ 11 ตัวจริงของทีมในช่วงเวลานี้ไปจนถึงต้นเดือนมกราคมปีหน้าซึ่งจะมีการเปิดตลาดพ่อค้าแข้งอีกครั้ง คล็อปป์ คงต้องใช้ทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
11 ตัวจริงที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล หลังปิดตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์
ผู้รักษาประตู : อลีสซง เบ็คเกอร์
กองหลัง : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
กองกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลกันทาร่า
กองหน้า : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ
ทอมเม้ง