ก่อนเกมนัดที่14 ซึ่งจบลงไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเข้าสู่เดือนโหดทั้งผู้นำและทีมท้ายตาราง
รายการฟุตบอลของสกายสปอร์ต นำสถิติแต่หนหลังมาตีแผ่ เมื่อผ่าน 13 นัดแล้วช่องว่างระหว่างผู้นำกับผู้ตามห่างกัน 6+
ทีมผู้นำจะจบซีซั่นด้วยตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่ง..ตัวเลขนี้มีเพียงแค่ 5 ซีซั่นจาก 31 ซีซั่นเท่านั้น
เชลซี นำ 6 แต้ม แชมป์2014-15
เชลซีนำ 7 แต้ม แชมป์ 2005-06
แมนฯซิตี และลิเวอร์พูลนำ 8 แต้ม
แชมป์2017-18,2019-20 ตามลำดับ
แมนฯยูไนเต็ด นำ 11 แต้ม แชมป์1993-94
แล้วลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้ นำ 9 แต้ม .....?
ล่าสุดลดเหลือ 7 แล้วเมื่อจบนัดที่14
ตามการพยากรณ์เชิงตัวเลขก็คงมีโอกาสเช่นนั้น
แต่ฟุตบอลต่อสู้กันยาวนาน9 เดือน มันมีปัจจัยหลายอย่าง
คงเป็นเรื่องที่เราต้องรอดูว่า "หงส์แดง" จะเป็นหงส์ตีนต้น
หรือทีมอื่นจะเป็นม้าตีนปลายเมื่อจบนัดที่ 38
ด้วยเพราะมันเคยมีเหตุการณ์ "ม้าตีนปลาย" บ่อยๆในPL
นี่คือเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลย...
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดของ เควิน คีแกน คือตัวอย่างชัด
ซีซั่น 1995-96 พวกเขานำแมนฯยูฯ 12 แต้มเมื่อเหลืออีก15 นัด
ช่วงที่นำคือผ่าน 23 นัด 21 ม.ค.1996 ....
สุดท้ายผีไล่ทำแต้มแซง ในจังหวะที่สาลิกาดง สะดุด ช่วงก.พ.
จนถึงต้นเดือนมี.ค. ผีบุกเชือดสาลิกา ทำแต้มเท่า
ก่อนจบซีซั่นพวกเขาคือแชมป์.....
นำ12 แต้มเมื่อถึงปลายเดือนม.ค. ยังเอาไม่อยู่เลยสาลิกา
อีกสักสองตัวอย่างพวกนำเกิน10+
- 1997-98 ซีซั่นนี้ผมทำงานอยู่ที่อังกฤษเป็นปีที่สอง
อาร์เซนอลตามหลังแมนฯยูฯ13 แต้มเมื่อถึงปลายเดือนธ.ค.
จากนั้นปืนใหญ่ค่อยไล่เก็บแต้มพร้อมปล่อยของชนะรวด10 นัด
ช่วง 11 มี.ค.ถึง 3 พ.ค. โดยนัดที่ 33 แซงแมนฯยูฯขึ้นจ่าฝูง
จนนัดที่ 36 คือนัดคว้าแชมป์ที่ไฮบิวรี ถล่มเอฟเวอร์ตัน 4-0
ที่เหลือสองนัดเล่นให้ครบโปรแกรมคือแพ้2 นัดส่งท้าย
- 2008-09 เมื่อ 18 ธ.ค.2008 "จ่าฝูง" ลิเวอร์พูล
พวกเขานำ แมนฯยูฯ 10 แต้ม ก่อนผีแดงไล่แซงคว้าแชมป์
แม้กระทั่ง 14 มี.ค.2009 ทีมราฟา จะบุกถล่มที่โรงละคร 4-1 ก็ตาม
แต่...ลิเว่อ ทานแรงเสียดสีและความกดดันในการลุ้นแชมป์ไม่ไหว
ต้องยอมแพ้ พร้อมกับบทวิจารณ์ของ ราฟา "FACT"
อันหมายถึงลิเว่อ ดีกว่าแต่ไม่ได้แชมป์ (แพ้2 นัดเอง)
แต่ดันเสมอเยอะเกินไปตั้ง11 นัด แต้มหายไปถึง 22 แต้ม
เอาละ...หลังผ่านนัดที่ 14 ทุกทีมต่างมุ่งหน้าสู่กลางซีซั่นคือ 19 นัด
ซึ่งจบสิ้นเดือนธ.ค. ก็จะมีมาตรวัดให้เราเห็นอีกครั้ง
จะว่าไปอาร์เน่อ พูดเอาไว้ตั้งแต่หลายสัปดาห์ก่อนว่า
ครึ่งซีซั่นค่อยว่ากัน
ทีมของเขาจะยืนอยู่ตรงไหนในตารางคะแนน
เขาเป็นคนที่ให้สัมภาษณ์ดีไม่ตายไมค์ แต่ล่าสุดไม่น่าไปแตะ115
แม้ว่ามันจะเป็นมุกตลก...ผมมองมุมนี้ว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน
ต่อให้ทั้งโลกรู้ว่า แมนฯซิตี้ ผิด โดยที่คำพิพากษายังไม่ออก
แต่ผมว่ามีเรื่องอื่นให้แซว โม ซาลาห์ ตั้งเยอะแยะ
กรณีที่โม พูดว่าเล่นกับซิตี้ นัดสุดท้าย ทั้งที่ยังเหลืออีก1 เกม
แต่ อาร์เน่อ แกไปบอก โม ลืม 115 ไปละมั้ง ก่อนแก้เก้อว่ามุก"ตลก"
พูดจบ นัดต่อมาเสมอนิวคาสเซิล 3-3
พร้อมทั้งปัญหาเริ่มเกิดขึ้นให้เห็น
เมื่อมีตัวหลักแนวรับเจ็บ1-2 คน ต้องโยกย้ายนักเตะแทน
บวกกับ "เจ้าบ้าน" นิวคาสเซิล ที่เอดดี ฮาว วางเกมแพลนมาแล้วใช้ได้
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเสมอแมนฯซิตี้ และชนะอาร์เซนอลมาแล้ว
เล่นดุดัน ถึงลูกถึงคน เพรสได้ไม่มีหมด
แม้ว่าทีมอาร์เนอ จะยังมีประสิทธิภาพเกมรุกสูงส่ง
แต่เมื่อเกมรับเริ่มมีปัญหา การเสีย 3 ลูกคือเรื่องผิดปกติของทีมนี้
เคยเสียมากสุด 2 ลูกให้ อาร์เซนอล นอกนั้นก็แค่1 ลูก
นี่คือสิ่งที่เราจะได้เห็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้น
รอดูผลกระทบในเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่รอเล่นงานหงส์แดงอยู่
จะว่าไปหลังจบนัดที่ 14 ทั้งผลโหวต, บริษัทพนันและ สำนักสถิติ
ยังคงเชื่อในทีมลิเวอร์พูลอยู่ แต่ตัวเลขลดลง เมื่อเทียบนัดชนะซิตี้
กระนั้นทุกคนทราบดีว่าลีกนี้ สำหรับผู้มาร่วมลุ้นแชมป์ไม่มีง่าย
ยกเว้น แมนฯซิตี้ที่ง่ายอยู่ทีมเดียว
6 สมัยจากนิ้วของ เป๊ป ที่แอนฟิลด์ ยืนยันได้
พวกเขาเพลี่ยงพล้ำให้ลิเวอร์พูลทีมเดียว
ไม่งั้นจะกวาด7 แชมป์รวดอย่างแน่นอน
ดังนั้นที่ว่าลีกนี้ไม่มีง่ายขอมอบให้ ผู้ท้าชิง ละกัน
มันพิสูจน์ให้เห็นแล้ว... อาร์เซนอลเคยเป็น "จ่าฝูง" 284วัน
แต่สุดท้ายกลับมาหลุดช่วงพ.ค. ให้เรือใบคว้าแชมป์ไปครอง
ผู้ท้าชิงปีนี้คือลิเวอร์พูลที่ออกตัวได้ดี แพ้ 1 เกมในทุกรายการที่ลงสนาม
ล่าสุดสะดุดเสมอเป็นเกมที่สองในซีซั่น แต้มหล่นไป 2
ส่งผลให้ผู้ตามอย่าง เชลซี, อาร์เซนอล กระทั่งแมนฯซิตี้ ที่ต่างชนะรวด
มองเห็นโอกาสในการลดช่องว่างเพิ่มขึ้น
14 เกมเอง...และเดือนธันวาคมมีเกมโหดรอทุกทีมอยู่
ลิเวอร์พูล...
(ย)เอฟเวอร์ตัน
(ห) ฟูแล่ม
(ย)สเปอร์ส
(ห) เลสเตอร์
(ย) เวสต์ แฮม ....29 ธ.ค.
เชลซี...
(ย) สเปอร์ส
(ย) เบรนตฟอร์ด
(ย) เอฟเวอร์ตัน
(ห) ฟูแล่ม
(ย) อิปสวิช
อาร์เซนอล...
(ย) ฟูแล่ม
(ห)เอฟเวอร์ตัน
(ย) พาเลซ
(ห) อิปสวิช
แมนฯซิตี้..
(ย) พาเลซ
(ห) แมนฯยูฯ
(ย) วิลล่า
(ห) เอฟเวอร์ตัน
(ย) เลสเตอร์
น่าแปลก...โปรแกรมสี่ทีมนี้จะต้องเจอเอฟเวอร์ตัน ทุกทีมเลย
ว่ากันตามจริง...ชั่วโมงนี้ ทอฟฟี มีแต่แจกแต้มมากกว่าซิวแต้ม
ยกเว้นเวลาเจอหงส์แดงใน กูดิสัน พาร์ค พวกเขาจะมีความแข็งแกร่งทันที
มีแรงขับที่ไม่มีในนัดอื่นๆ
55555
ถามว่า 4-5 นัดที่เหลือนี้ มี1 ทีมที่ผมคิดว่าชนะรวดได้
ทีมนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครับ
ขณะที่ "หงส์แดง" ถ้าผ่านทอฟฟี ได้ ก็มีลุ้นชนะรวดเหมือนกัน
ส่วนทีมอื่นๆต้องลุ้นนะครับ....อย่าลืมว่า มันมีหลายทีมที่ฟอร์มไม่แน่นอน
ฟูแล่ม โดน วูล์ฟแฮมป์ตัน ถล่มเละ กลับมาต้อน ไบรท์ตันได้3-1
สเปอร์สถล่มแมนฯซิตี้ 4-0 ล่าสุดแพ้บอร์นมัธ 1-0
ทีมที่เล่นเอาแน่เอานอนไม่ได้แบบนี้แหละ....."น่ากลัว"ที่สุด
ยิ่งเดือนหฤโหดธันวาคม...แบบนี้ยิ่งเข้าทางพวกเขาเลยล่ะ
ปิดท้ายด้วยควันหลงหงส์แดงซะหน่อย
หลังผลเสมอ นิวคาสเซิล 3-3 มีนักเตะสองคนโดนวิจารณ์เยอะอยู่
ควีวิน เคลละเฮอร์ ที่พลาดเสียลูก3-3 และ ดาร์วิน นูนเยส
เคลละเฮอร์ ถือว่าทำผิดพลาดชัดเจน ประมาทเกินไป
แม้แต่ อาร์เน่อ ยังบอกเลยว่า misjudge
กับจังหวะที่ฟาเบียร แชร์ สไลด์บอลเข้าไปง่ายๆ นาทีที่90
ก็พลาดจริงๆครับ นิวคาสเซิลเวลาเตะฟรีคิกเนี่ย จะเปิดลึกเสาสอง
มีตัวสอดมาโหม่ง...คือคู่เซนเตอร์ บอลจะลึกไปทางนั้น
ลองสังเกตการเล่นฟรีคิกของพวกเขาดูนะครับ
เคลละเฮอร์ อ่านจังหวะจะออกไปตัด แต่บอลเลยไปเกือบเส้นหลัง
ทำให้โดนตีเสมอเสียสองแต้ม...
ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ.....พลาดโอกาสทองสองครั้งในกรอบ6 หลา
การร่วมเล่นอื่นๆ ก็คือขยัน ไล่บอล ไล่เพรส
แต่การร่วมเล่นกับตัวรุกด้วยกัน...แทบไม่มี
บางครั้งวิ่งไปทับตำแหน่งกัคโปอีก
แฟนๆที่ไม่ปลื้มผลงานเริ่มวิจารณ์
ถึงขั้นเรียกร้องให้ขายเพราะเข็นไม่ขึ้น
แฟนบอลก็มีทั้งสนับสนุนและรู้สึกไม่อยากสนับสนุน
ความเป็นจริงของโลกของฟุตบอลอาชีพมันโหดร้ายมากครับ
มันคือการแข่งขัน แก่งแย่ง เพื่อความเป็นเลิศ
เพื่อการอยู่รอด เพื่อชัยชนะ
ใครอ่อนแอ จิตใจไม่พร้อมสู้
คงต้องยอมรับว่าอยู่ในโลกของบอลอาชีพยาก
ดังนั้น กรณี ควีวิน เคลละเฮอร์ และ ดาร์วิน นูนเยส
ผมมองว่า....เมื่อทำพลาดต้องโดนวิจารณ์เป็นเรื่องปกติ
แค่อย่าล้ำเส้น รุกรานพื้นที่ส่วนตัวเขาเท่านั้น
ที่เหลือคือการแก้ไขให้กลับมาคืนฟอร์ม
ส่วนกรณี ดาร์วิน นูนเญซ จะเข็นขึ้นหรือไม่ขึ้นนั้น
รอไม่นานครับ...เดี๋ยวก็รู้ อย่าพึ่งรีบตีตนไปก่อนไข้
JACKIE