จบลงไปแล้วกับบิ๊กแมตช์ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม โดยที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2-0
นัดดังกล่าว "หงส์แดง" เล่นได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก พร้อมกับทำให้ "เรือใบสีฟ้า" มีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ต่อไป โดยเฉพาะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แพ้เกมลีก 4 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในชีวิตการเป็นกุนซือของตัวเอง โดยสมัยคุม บาร์เซโลน่า กับ บาเยิร์น มิวนิค เขาก็ไม่เคยแพ้ในลีกรัวๆ แบบนั้นมาก่อน และเกมนี้ยังมีเกร็ดอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นกัน
- ยังรักษาเทรนด์ได้
เกมนี้ ลิเวอร์พูล จบครึ่งแรกด้วยการนำ 1-0 ก่อนจะทำประตูเพิ่มได้ในครึ่งหลัง ซึ่งมันก็ส่งผลให้พวกเขาไม่แพ้เกมลีกที่ แอนฟิลด์ ในนัดที่นำคู่แข่งตอนจบครึ่งแรกได้ถึง 149 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว แถมยังเป็นการเก็บชัยชนะได้เป็นนัดที่ 31 ติดต่อกันด้วย
- เกมรุกไปไม่เป็น
ตลอดช่วงที่ผ่านมาทีมที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือนั้น มักจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องมีเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่กลับกลายเป็นว่าในครึ่งแรกของเกมนี้ แมนซิตี้ มีจังหวะยิงแค่หนเดียวเท่านั้น ทั้งที่พวกเขามี เออร์ลิง ฮาลันด์ ลงล่าตาข่ายเป็นตัวจริง โดยคนที่ยิงยังไม่ใช่ ฮาลันด์ ด้วย แต่เป็น ริโก้ ลูอิส
ด้วยเหตุนี้ นี่เลยนับเป็นครั้งที่ 3 ที่ แมนซิตี้ ในยุคของ กวาร์ดิโอล่า มีจังหวะยิงในช่วงครึ่งแรกของเกม พรีเมียร์ลีก แค่ครั้งเดียว โดยหนแรกเกิดขึ้นในเกมกับ ลิเวอร์พูล เหมือนกัน เมื่อช่วงปี 2018 และตอนเจอกับ แมนยูไนเต็ด เมื่อปี 2020
ยิ่งไปกว่านั้น จังหวะยิงในครึ่งแรกของ ลูอิส ก็เกิดขึ้นในนาทีที่ 39 อีกต่างหาก ทำให้มันถือเป็นเกมที่ แมนซิตี้ ต้องรอนานที่สุดกว่าจะได้ยิงเป็นหนแรก นับตั้งแต่วันที่เจอกับ อาร์เซน่อล เมื่อปี 2010 โดยตอนที่เจอกับ "ไอ้ปืนใหญ่" พวกเขาต้องรอจนถึงนาทีที่ 58 กว่าที่จะได้ยิงเป็นครั้งแรกของเกม
- ซาลาห์ ผู้พิชิต เป๊ป
ก่อนลงเล่นเกมนี้ ซาลาห์ ก็คือคนที่ทำประตูใส่ทีมที่มี กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือได้มากที่สุดอยู่แล้ว จากจำนวน 11 ลูก และผลงานในเกมนี้ก็ตอกย้ำว่าเขาเป็นเหมือนคริปโตไนท์ของ กวาร์ดิโอล่า มากขึ้นไปอีก
- ลางดี ?
การเก็บ 3 แต้มในครั้งนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล นำหน้า อาร์เซน่อล กับ เชลซี อยู่ที่ 9 แต้ม ซึ่งนี่ถือเป็นช่วงที่พวกเขามีคะแนนนำอันดับ 2 มากที่สุด นับตั้งแต่วันสุดท้ายของฤดูกาล 2019-20 หรือก็คือซีซั่นที่พวกเขาได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก
- เด็กเกร็ดบอล -