ลิเวอร์พูลเรียกความมั่นใจก่อนดวลแมนซิตี้

ลิเวอร์พูลเรียกความมั่นใจก่อนดวลแมนซิตี้
สามคะแนนเหนือเรอัล มาดริด ทำให้ลิเวอร์พูลเป็นทีมแรกและทีมเดียวในเวลานี้ที่การันตีพื้นที่ในรอบน็อคเอ๊าต์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นที่เรียบร้อย

อย่างน้อย ๆ ทีมหงส์แดงจะติด 1 ใน 24 ทีมสำหรับรอบต่อไปแน่ ๆ 11 คะแนนที่ทิ้ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมอันดับ 25 นั้นไกลเกินกว่าจะถูกไล่ทันหรือแซงให้หล่นไปอยู่อันดับต่ำกว่า 24

และ 5 คะแนนที่ทิ้งห่าง แอสตัน วิลล่า ทีมอันดับ 9 ของตารางก็ยังเท่ากับว่าอีก 3 เกมที่เหลือ อาร์เน่อ ชล็อต และลูกทีมขออีกแค่ 5 คะแนนเท่านั้นก็จะได้บายเข้าไปรอในรอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยไม่ต้องเตะเพลย์ออฟให้เหนื่อยอีก 2 นัด

นั่นคือในทางทฤษฎีนะครับ แต่ในทางปฏิบัติลิเวอร์พูลอาจไม่จำเป็นต้องเก็บถึง 5 คะแนนก็ได้สำหรับการติดพื้นที่ทีมวาง 8 อันดับแรก

ถ้าถามกันในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล จะมีใครคิดบ้างไหมว่าผลงานของ ชล็อต จะยอดเยี่ยมขนาดนี้

เตะ 19 นัด ชนะ 17 เสมอ 1 แพ้ 1 โดยที่ต้องไม่ลืมว่านี่คือฤดูกาลแรกของเขากับงานที่แอนฟิลด์และการรับช่วงต่อจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งถือเป็นงานที่ใหญ่มหึมา

ถ้าถามกันต่อว่าแล้วหลังจากเกมที่แพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในนัดที่ 4 ของฤดูกาลพร้อมคำดูถูกต่าง ๆ นานาจากบางคน.. "ทองลอก" บ้าง "อวยกันเยอะเป็นไงล่ะ" บ้าง "ไม่เคยเชื่อมือไอ้นี่เลย" บ้าง หรือ "เจอโลกแห่งความจริง" บ้าง

จะมีใครคิดบ้างไหมว่าการก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไปของชล็อต แก้ไขจุดที่ผิดพลาดแล้ว เขาจะกลับมาตอบคำถามด้วยผลงานแบบนี้

เตะ 15 ชนะ 14 เสมอ 1

ชนะ 8 นัดติดต่อกัน คั่นด้วยเสมออาร์เซน่อลที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แล้วชนะรวดมาอีก 6 นัดติดต่อกันโดยยังจะนับต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่สะดุดอีก

ผลงานแบบนี้จะใจร้ายไม่ให้เครดิต อาร์เน่อ เลยก็คงใจร้ายเกินไปหน่อย..

แน่นอนครับเขาได้รับมรดกที่ดีมาจาก คล็อปป์ แต่ถ้างอมืองอเท้าเอาแต่กินบุญเก่า ไม่มีไอเดียของตัวเอง ไม่ปรับเปลี่ยนแก้ไขจุดอ่อนเสริมจุดแข็ง ไม่ทำงานหนักเพื่อรับมือกับหนึ่งในงานที่กดดันที่สุดในโลก เขาไม่มีทางพาทีมมาถึงจุดนี้ได้

ไม่มีทางเลย..

ลิเวอร์พูลมีการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นอย่างที่เราเห็นและมีการวิเคราะห์กันมา ด้วยนักเตะชุดเดิมของคล็อปป์นี่แหละ ชล็อตไม่รีบรื้อหรือซื้อใครมาแทนที่ เขาขอดูผลงานของแต่ละคนก่อนว่าใครเล่นได้หรือไม่ได้อย่างไรในฟุตบอลของเขา

เขาเป็นแบบนี้ ตอนที่เข้าไปคุม อาแซด อัลค์มาร์ ก็อย่างนี้ ไมรอน โบอาดู, อุสซามา อีดริสซี่, คัลวิน สเตงส์ ตัวรุกทั้งสามคนยังได้รับโอกาสพิสูจน์ฝีเท้าทั้งหมด

ไม่รีบรื้อ ไม่ร้อนผ่าทีม ไม่ได้มีใครที่ต้องเอามาแทนในทันที เขาให้โอกาสทุกคนก่อน ขอทำความรู้จักกันให้ดีก่อน คุณเล่นไม่ได้ในมือเจ้านายเก่าไม่ได้หมายความว่าคุณจะเล่นไม่ได้ในทีมของผม

แล้วซีซั่นนั้น (2019/20) ทั้ง โบอาดู, อีดริสซี่, สเตงส์ และยังมี เทิน คูปไมเนอร์ส กองกลางตัวรุกที่อยู่กับทีมมาก่อนอีกคนก็โชว์ฟอร์มโดดเด่นพาทีมแล่นฉิวนำเป็นจ่าฝูงของลีก ถ้าไม่โดนพิษโควิด-19 ทำให้พรีเมียร์ดัตช์ตัดจบ อาแซดอาจจะเป็นแชมป์ไปแล้ว

หรือครั้งที่เข้าไปคุม เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม ก็เช่นกัน เขามีลูกทีมจากอาแซดมากมายที่รู้มือกันดีแต่ไม่ดึงลูกทีมเก่าไปเลยแม้แต่คนเดียวในปีแรก เขาให้โอกาสคนที่อยู่ก่อนอย่าง ไบรอัน ลินส์เซ่น และ หลุยส์ ซินิสเตร์ร่า ได้พิสูจน์ผลงานร่วมกับนักเตะใหม่บางคนจากทีมสรรหาของสโมสร

จากนั้นเมื่อได้รู้จักทีมของตัวเองมากพอแล้ว ซีซั่นต่อมาชล็อตจึงดึงสมาชิกใหม่เข้ามาเสริมในจุดที่เห็นว่าควรเสริม

ซานติอาโก้ ฮิเมเนซ หัวหอกทีมชาติเม็กซิโกจากครูซ อาซูล มาเล่นกองหน้าตัวเป้าแทนลินส์เซ่น จาไวโร ดิลโรซุน จากแฮร์ธ่า เบอร์ลิน มาเล่นปีกแทนซินิสเตร์ร่า และยืมตัว อีดริสซี่ ลูกน้องเก่าที่ย้ายไปเซบีย่ามาช่วยงาน ผลลัพธ์คือจากอันดับ 3 ซีซั่นก่อนเฟเยนูร์ดทะลุเป็นแชมป์พรีเมียร์ดัตช์ที่รอมานาน 6 ปี

บางทีเราก็ควรปล่อยให้เขาและทีมงานได้ทำงานก่อน อย่าเพิ่งรีบเอาความวิตกกังวลหรือความต้องการของตัวเองไปสวมทับเขา กดดันเขา แล้วก็ด่วนตัดสินเขา ยังจำช่วงซัมเมอร์ที่ทีมไม่ซื้อใครเสริมเลยได้ไหม หรือตอนที่พลาด มาร์ติน ซูบิเมนดี้ เราหลายคนโวยวายราวกับว่าทีมจะพังทลายลงตรงหน้า ทำราวกับว่านักเตะที่มีอยู่มันไม่ได้เรื่องเลยยังไงยังงั้น

แล้ว ไรอัน กราเฟนแบร์ค ก็กลายเป็นนักเตะใหม่เกรด 60-70 ล้านปอนด์โดยไม่คาดคิด คอสตาส ซิมิกาส พัฒนาขึ้น เคอร์ติส โจนส์ ดีขึ้น

เวลานี้ โดมินิก โซโบซไล ยังเล่นไม่ค่อยได้กับตำแหน่งเบอร์ 10 ดาร์วิน นูนเญซ ยังไม่ค่อยยิงกับบทบาทเบอร์ 9 ยังต้องต่อสู้และพยายามต่อไป ท่ามกลางความรำคาญของแฟนบอลบางคนที่มองทั้งคู่เป็นตัวถ่วงของทีม

สำหรับผมแล้วยังรอได้เสมอ ใจก็ยังเฉย ๆ กับเรื่องการซื้อนักเตะใหม่ คิดว่ายังพร้อมจะให้โอกาสทั้ง 2 คนต่อไป แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็เป็นของ ชล็อต ที่อยู่กับทีมตลอดเวลา เขาตัดสินใจอย่างไรผมก็ยอมรับ ไม่ได้ตั้งแง่อะไร ก็เหมือนที่มอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับคล็อปป์นั่นแหละ

ถ้าส่งลงเล่นก็เชียร์ ถ้าดร็อปเป็นสำรองก็เชียร์คนที่ลงมาแทน แล้วก็รอดูว่าเจ้าตัวจะกลับมาคว้าโอกาสของตัวเองได้ไหม

หากชล็อตกับลูกทีมยังพยายามแก้ไขปัญหาด้วยกันผมก็พร้อมให้กำลังใจ บ่นก็แค่ตอนเกมเตะ แต่จบเกมแล้วก็จบกัน ไม่มีใครอยากเล่นไม่ดีหรอก เราก็ทำหน้าที่วิเคราะห์วิจารณ์ไปตามเหตุและผล ไม่คิดไกลไปถึงขั้นผลักไสใครออกจากทีมอยู่แล้ว ทุกอย่างให้เป็นการตัดสินใจของคนหน้างาน

แน่นอนครับ เราไม่รู้หรอกว่าบทสุดท้ายจะเป็นอย่างไร มันอาจจะไปได้ดีตลอดทางก็ได้ หรือสะดุดหกล้มหัวทิ่มตกม้าตายก็ได้ ทุกการตัดสินใจย่อมมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาด ตรงนั้นคือเรื่องที่อนาคตจะให้คำตอบกับเรา

แต่ที่แน่ ๆ จนถึงเวลานี้ลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นว่านี่คือทีมที่ไม่ได้ขี้เหร่เลย มีรูปแบบการเล่นที่ดี มีความยืดหยุ่น มีการปรับแก้เกมที่เหมาะสม สม่ำเสมอ คงเส้นคงวา เก็บเกี่ยวผลการแข่งขันที่ต้องการได้

ทุกตำแหน่งมีการแย่งชิงตัวจริงกันอย่างมีคุณภาพและเป็นไปในแบบมืออาชีพ บางคนยังสามารถเล่นได้มากกว่าหนึ่งตำแหน่งที่จะทำให้ทดแทนกันได้ในยามเจอสถานการณ์คาดไม่ถึงด้วย

หากแบ๊กขวาหายไปทั้ง 2 คน โจ โกเมซ เซนเตอร์แบ๊กอันดับสามก็ไปเล่นแทนได้ ถ้าตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก โซโบซไล ไม่อยู่ ดีโอโก้ โชต้า ก็เล่นได้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่กำลังจะหายเจ็บกลับมาก็เล่นได้ หรือดัน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ขึ้นไปเล่นก็ยังได้

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เจ็บหรือติดโทษแบน โยก หลุยส์ ดิอาซ ไปเล่นก็ได้ ใช้ เอลเลียตต์ ก็ได้ ขยับ โซโบซไล หรือดัน คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ ขึ้นไปเล่นก็ยังได้ จริงอยู่ประสิทธิภาพไม่มีใครสู้ซาลาห์ได้หรอก แต่ด้วยระบบที่ลงตัวและความเข้าใจเกมเชื่อว่าลิเวอร์พูลจะไม่แย่หรือยวบจนกลายเป็นทีมกระจอกเช่นกัน

ทุกอย่างมีแผนสองแผนสามรองรับอยู่ เมื่อผนวกกับการใช้งานนักเตะในแต่ละเกมด้วยความละเอียดก็พอจะมองเห็นถึงความรอบคอบ กับสถานการณ์ปกติน่าจะรับมือได้ตลอดรอดฝั่ง เว้นแต่จะเจอสถานการณ์ไม่ปกติ ฟ้าฝ่ากลางวันแสก ๆ หรือดวงแตกมาเยือน ซึ่งต้องภาวนากันว่าอย่าได้เจอเลย

เกมกับ เรอัล มาดริด ลิเวอร์พูลแสดงผลงานระดับมาสเตอร์พีซให้เห็น นักเตะเล่นได้ดีทุกคน กระทั่ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่ทำผิดพลาดก็แค่ครั้งเดียว ที่เหลือเก็บเรียบ

แบร๊ดลี่ย์รุก-รับสะเด่า ความห้าวไม่กลัวบารมีของ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ในเวทีนี้ยิ่งฉายขับให้เข้าตา เกมนี้ทั้งเขาและร็อบโบ้รุ่นพี่ร่วมตำแหน่งฟูลแบ๊กได้แอสซิสต์ด้วยกันทั้งคู่

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ร่ายเพลงแข้งหนักแน่นสมกับเป็นแชมป์โลก รางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ไม่ได้ค้านสายตาอะไร ควีวิน เคลเลเฮอร์ ไว้ใจได้เหมือนเคย การป้องกันลูกจุดโทษของเขายังคงโดดเด่น เป็นความภูมิใจของเดอะค็อป

ดาร์วิน สำหรับผมแล้วมีเกมที่น่าพอใจ อาจจะยิงประตูไม่ได้แต่มีส่วนร่วมเล่นกับเพื่อนอยู่ตลอด ขยัน เร็ว วิ่งเยอะทั้งยังเป็นประโยชน์ เข้าปะทะทุกจังหวะ สร้างความหนักใจให้กองหลังทีมชุดขาวได้พอสมควร

มันเป็นเกมที่ถ้าให้คะแนนการเล่น จากเต็มสิบลิเวอร์พูลก็น่าจะได้สัก 9.5 หรือมากกว่านั้น

เป็นความประทับใจที่ได้ชม มันคือการรักษาโมเมนตัมและเรียกความมั่นใจที่ดีก่อนลงเตะศึกใหญ่ที่สุดของฤดูกาลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์วันอาทิตย์นี้

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport