ข่าวใหญ่ช่วงฟีฟา เดย์ คือนักเตะทีมชาติทะเลาะกับแฟนบอล
555 ไม่ใช่สิ
โรดริโก เบนตานกูร์ มิดฟิลด์ห้องเครื่องของสเปอร์ส โดนแบน7 นัด
พร้อมปรับเงิน £1 แสน หรือประมาณ 4 ล้านกว่าบาท
กรณีพูดเหยียดเชื้อชาติ ซน ฮึง มิน ลงยูทูปที่อุรุกวัยเมื่อ มิ.ย. ที่ผ่านมา
เรื่องนี้เป็นข่าวเมื่อ ก.ย. ว่าสมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือเอฟเอ ตั้งข้อกล่าวหา
หลังมีคลิปหลุดว่อนโซเชียลจากการพูดติดตลกของ เบนตานกูร์
แต่ เอฟเอ ไม่ตลกด้วย...
เหตุการณ์นี้เกิดที่อุรุกวัยเมื่อ มิ.ย.
เมื่อผู้ดำเนินรายการ ราฟา โกเตโล ขอเสื้อนักเตะสเปอร์ส
"แล้วเสื้อของนักเตะเกาหลีละ"
เขาย้อนถามว่า "ของ ซนนี ใช่ปะ?"
แล้วดันพูดต่อว่า "มันอาจเป็นเสื้อของญาติ ซนนี ก็ได้"
"เพราะพวกเขาหน้าตาเหมือนกันหมดเลย"
มุกตลก....ที่ไม่ตลกสำหรับเอฟเอ
แม้ภายหลัง เบนตานกูร์ ออกมาขอโทษ บอกไม่ตั้งใจเหยียด
ซน โอเค ไม่ติดใจเรื่องนี้ แต่ เอฟเอ ติดใจอย่างมาก
จึงตั้งข้อกล่าวหาตามกฏ ระเบียบ วินัย มารยาทหัวข้อ E3
ไอ้หรืออีผู้ใด....เอ้ยไม่ใช่ การให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ
นั่นคือการใช้ภาษาของ เบนตานกูร์ นั้นดูถูกและเหยียดหยาม
ถือว่าผิดวินัยนักเตะ E3.1 เรื่องการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม
ผิดวินัยนักเตะ E3.2 เรื่องการเหยียดเชื้อชาติ
โดยกำหนดโทษแบนที่ 6-12 นัด (บังคับใช้ปี2020)
มันมีประเด็นที่ว่าเอ๊ะ แล้วทำไม หนังสือขอโทษของเขาไม่ช่วยอะไร
นั่นรวมทั้งการที่ ซน ฮึง มิน ออกมายืนยันว่า เบนตานกูร์ ไม่ได้ตั้งใจ
หรือพูดเหยียดเชื้อชาติ รวมทั้งไม่ใช่เป็นคนแบบนั้นด้วย
เอฟเอ ยังลงโทษ....
เรื่องนี้ เอฟเอชี้แจงว่า..
หนังสือขอโทษนั้นชี้แจงว่าเป็นเพราะรายงานผิดพลาด ไม่ครบถ้วน
หาใช่การยอมรับในสิ่งที่เขาได้พูดแต่อย่างไรไม่
คือ เบนตานกูร์ โทษสื่อรายงานพลาด ส่วนสโมสรนั้นชี้แจงว่านักเตะ
ไม่ได้มีเจตนาเหยียดผิวที่พูดคือตอบโต้นักข่าวเรื่องคนเกาหลี
พร้อมทั้งระบุว่า เบนตานกูร์ ไม่เชื่อว่าคนเกาหลีหน้าตาเหมือนๆกัน
เอฟเอ มองว่าแก้ต่างและไม่ตรงประเด็นจากสิ่งที่ เบนตานกูร์ พูดออกสื่อ
จึงเป็นที่มาของการลงโทษทั้งจำและปรับดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสเปอร์สใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ ส่วนเป็นผลมั้ยอีกเรื่อง
เบนตานกูร์ จะโดนแบนเฉพาะพรีเมียร์ลีก, คาราบาว คัพ ถึง26 ธ.ค.
ส่วนยูโรปา ลีก เล่นได้ เพราะคนละถ้วยกัน
กรณีคล้ายๆกันนี้เคยมี แบร์นาโด ซิลวา แบนหนึ่งนัดเมื่อปี2019
ใส่ อีโมจิ เด็กดำ เมื่อโพสต์ถึง เบนชาแม็ง เมนดี
เอดิสัน กาวานี โดนแบน 3 นัดปี 2021 หลังโพสต์ลงโซเชียลว่า
"negrito" หรือ "ไอ้ดำ"
ถ้าลองดูเคสที่โดนแบนกัน ทำไมมาจากคนอุรุกวัย
ตั้งแต่ หลุยส์ ซัวเรส กับ ปาทริซ เอวร่า , กาวานี ล่าสุด เบนตานกูร์
แน่นอน...คำว่า "ดำ" หรือการเหยียดเชื้อชาติอาจเป็นเรื่องปกติที่นั่น
ที่อุรุกวัย...แต่ที่อังกฤษคงไม่ใช่แน่นอน
เช่นกันแม้พูดที่ อุรุกวัย แต่นักเตะเล่นบอลในอังกฤษ
มันคือการมีส่วนร่วมในสังคมฟุตบอลนี้ที่มีกฏ กติกามารยาท
ทำไม เอนโซ่, โรดรี้ ไม่โดนแบนล่ะ?
ขณะที่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ตะโกนร้องเพลงเหยียดเชื้อชาตินักเตะฝรั่งเศส
เสียงดังฟังชัด แต่กลับไม่โดนลงโทษจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ
กลายเป็น เบนตานกูร์ โดนซะ 7 นัด
ทำไม....ทำไม...และทำไม
คำตอบของเอฟเอ คือ....
เงื่อนไขของจังหวะเวลา
คำอธิบายเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างงงๆเล็กน้อยก็แล้วกัน
เอฟเอ ชี้แจงว่า กรณี เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ นั้นเป็นช่วงเล่นให้ทีมชาติ
ส่วน เบนตานกูร์ คือ "เวลาส่วนตัว"
อ้าว..เหยียดเชื้อชาติเหมือนกัน คนหนึ่งโดนอีกคนรอด
กรณีเอนโซ่ นั้นเอฟเอ มองว่าเป็นเรื่องที่ฟีฟ่า
รวมทั้งคอนเมโบล (สหพันธ์บอลอเมริกาใต้) ดำเนินการ
เหมือนไม่ใช่ขอบเขตอำนาจของเอฟเอ จะไปแทรกแซงได้
ส่วน เบนตากูร์ เมื่อถูกเหมาว่าเป็นช่วงเวลา "ส่วนตัว"
จึงเข้าข่ายความผิดที่ถือว่าเขาคือส่วนหนึ่งของฟุตบอลอังกฤษ
เพราะเข้ามาทำมาหากินในยูเค จำต้องโดนลงโทษ
กรณี โรดรี้ และ อัลบาโร โมราต้า ตะโกน "ยิบรอลตาร์ เป็นของสเปน"
หลังฉลองแชมป์ยูโร 2024
จริงๆ เอฟเอ น่าเล่นงานนะ เพราะ ยิบรอลต้า เป็นของUK
แต่นักเตะสเปนดันเคลม....
55555
โอเค มันเกิดช่วงรับใช้ทีมชาติดังนั้น ยูฟ่า กับ ฟีฟ่า ต้องจัดการ
กลุ่มนี้จึงรอดตัวจากการโดนเอฟเอแบน 6-12 นัดตามกฏE3 ดังกล่าว
ทีงี้...ไม่ใช้ "สามัญสำนึก"
อันนี้ผมคิดว่า...จะเวลาส่วนตัวหรือทีมชาติในเมื่อ "เหยียดเชื้อชาติ"
ก็ควรโดนลงโทษเหมือนกัน ไม่ใช่ เบนตากูร์ "รับเคราะห์" คนเดียว
จะว่าไป เบนตานกูร์ แกคงสนุกปากมากกว่าที่จะเหยียด
เพียงแต่พอมันออกสื่อโซเชียล เจอกดไลค์ แชร์แล้ว แชร์อีก
เรียบร้อย....โดนลงโทษ
อันเก้ (สำเนียงกรีก) หรือ แอนจ์ ปอสเตโคกลู กุมขมับอีกครั้ง
กับปัญหานักเตะที่ไม่เจ็บแต่ไม่ได้ลงสนามเพราะโดนแบน
เอาเป็นว่า....เรื่องนี้ ปากเป็นเอก เลขเป็นโท
ปลาหมอตายเพราะปาก
อะไรทำนองนั้น
JACKIE