เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องนำพลพรรคลิเวอร์พูลประทะ เซาธ์แฮมป์ตัน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 พฤศิจิกายนนี้ ก่อนที่เกมลีกจะทำการพักชั่วคราวเพื่อหลีกทางให้กับศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ งานนี้ นายใหญ่ชาวด๊อยท์ช คงเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อคว้า 3 คะแนนให้ได้ เพราะนั่นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องอันดับบนตารางลีก แต่สิ่งสำคัญที่ "หงส์แดง" ห้ามลืมเด็ดขาดนั่นก็คือ เซาธ์แฮมป์ตัน เพิ่งได้โค้ชใหม่ และด้วยทฤษฎีบอลเปลี่ยนโค้ช งานนี้บอกเลยสาวก "เดอะ ค็อป"มีเสียว ที่สำคัญพวกเขาก็เพิ่งพ่ายให้กับทีมหนีตายทั้ง 2 แมตช์ที่ผ่านมา ยังไงก็ต้องสู้เพื่อชัยชนะสำหรับเป็นของขวัญให้กับแฟนบอล "หงส์แดง" ทั่วโลก
1. เทรนต์ลูกรักชัดเจน
ผลงานเรื่องเกมรับของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีปัญหาอย่างหนักและโดนวิจารณ์มาตลอดโดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ เนื่องจากนักเตะเปรียบเสมือนบ่อน้ำมันชั้นดีสำหรับคู่แข่งที่จ้องจะเล่นงาน "หงส์แดง" ทางริมเส้นฝั่งขวา และประสบความสำเร็จซะด้วย
ก่อนหน้านี้ แกรี่ เนวิลล์ วิพากษ์วิจารณ์ว่า "หนุ่มเทรนต์" จะโดน แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ทีมชาติอังกฤษ เมินใส่แน่ๆ หากทัพ "สิงโตคำราม" ทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ ศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์
งานนี้ คล็อปป์ ถึงกับหัวร้อนที่เห็น ฟูลแบ็กเลือดผู้ดี โดนเหน็บแหนมเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นเกมรับ พร้อมกับปกป้องศิษย์เอกว่าถ้าเล่นเกมรับไม่ดีคงไม่ประสบความสำเร็จทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์หลายรายการ
การแสดงความเห็นแบบนี้แสดงให้เห็นว่า กุนซือชาวเยอรมัน ยังคงไว้วางใจให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่ในตำแหน่งแบ็กขวาต่อไป แม้รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะต้องโดนเล่นงานจากคู่แข่ง แต่เชื่อมั่นว่านักเตะจะสามารถหาทางออก และแก้ปัญหาดังกล่าวได้แน่นอน
2. ผู้เล่นบาดเจ็บเริ่มกลับคืนทีม
ปัญหาหลักของ "เดอะ เร้ดส์" ในฤดูกาลนี้ก็คือผู้เล่นหลายคนโดนปัญหาบาดเจ็บเล่นงาน ทำให้พวกเขาทำผลงานได้กระท่อนกระแท่น และนำไปสู่สถานการณ์ที่น่าผิดหวังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนพักเบรกทีมชาติเพื่อศึกฟุตบอลโลก 2022 นักเตะลิเวอร์พูล เริ่มทยอยกลับมาฝึกซ้อมได้อย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่านี่คือนิมิตรหมายที่ดีที่ กุนซือชาวเยอรมัน ต้องการให้เกิดขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เจมส์ มิลเนอร์ และ โฌแอล มาติป สามารถกลับมาเรียกความฟิต และมีลุ้นที่จะหวนคืนสู่ทีมในแมตช์ปะทะกับ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ขณะที่ นาบี เกอิต้า และ หลุยส์ ดิอาซ เริ่มกลับมาวิ่งเบาๆ ได้แล้ว ฉะนั้นนี่คือเรื่องน่าดีใจที่ทั้งสองคนสภาพร่างกายดีวันดีคืน หลังได้รับบาดเจ็บหลายเดือน
ลองนึกภาพพอจบศึกเวิลด์ คัพ บรรดาแข้งทีมชาติกลับมาร่วมทัพด้วยสภาพร่างกายที่ฟิต ขณะที่แข้งบาดเจ็บหวนคืนสู่ทีม งานนี้มีโอกาสที่ "หงส์แดง" จะกลับมาสยายปีกอีกครั้ง
3. ระวังทีมหนีตายทำพิษ (อีกครั้ง)
ตอนนี้ใครเป็นสาวก "เดอะ ค็อป" คงไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาเจอกับคู่แข่งที่ง่ายแสนง่าย อย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน เพราะก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล ก็เจอคู่แข่งที่อยู่อันดับต่ำกว่าอย่าง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ผลก็คือแพ้เรียบวุธ
ฉะนั้นการต้องดวลกับทัพ "นักบุญ" ไม่ใช่งานที่พวกเขาจะเคี้ยวได้ง่ายๆ แน่นอน ยิ่งคู่แข่งเพิ่งจะมีการแต่งตั้งกุนซือคนใหม่เป็น เนธาน โจนส์ บอกเลยว่า "หงส์แดง" ระวังทฤษฎีบอลเปลี่ยนโค้ชเอาไว้ให้ดีๆ
แน่นอนว่า คล็อปป์ แอนด์ โค. คงไม่มีทางประมาทเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ด้วยสภาพแวดล้อม และความฮึกเหิมของคู่แข่ง อาจจะทำให้นักเตะ "เดอะ เร้ดส์" เกิดอาการหลอนได้ง่ายๆ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำให้ได้ก็คือมีสติและเล่นตามเกมของตัวเองเท่านั้น
4. คล็อปป์ โดนแบนจนได้
ในที่สุดสิ่งที่แฟนบอล "หงส์แดง" ไม่อยากเจอก็คือการขาด "บอส" คอยทำหน้าที่กระตุ้นลูกทีมอยู่ข้างสนาม เพราะในแมตช์กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เขาหมดสิทธิ์จะได้ทำหน้าที่ดังกล่าวเนื่องจากถูกเอฟเอสั่งลงโทษแบน 1 เกมจากกรณีแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมใส่ผู้ช่วยผู้ตัดสินในเกมลีกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการอิสระด้านระเบียบวินัยได้มีคำตัดสินโทษ กุนซือชาวด๊อยท์ชไปแล้ว โดยเพียงแค่ปรับเงินเท่านั้นไม่มีเรื่องการแบนข้างสนาม แต่งานนี้สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ไม่เห็นด้วย ก็เลยยื่นเรื่องอุทธรณ์ และตอนนี้ประสบความสำเร็จแล้ว
งานนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างช็อกเลยทีเดียว เพราะนักเตะทุกคนไม่คิดว่าพวกเขาจะขาด คล็อปป์ เนื่องจากคำตัดสินดังกล่าวมีผลทันที นั่นทำให้เขาไม่สามารถยืนกำกับผลงานของลูกทีมอยู่ที่ริมเส้นข้างสนามเกมปะทะ เซาธ์แฮมป์ตัน
เรื่องนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะแข้ง "หงส์แดง" ต้องการแรงกระตุ้นจาก คล็อปป์ อย่างมากในช่วงที่ทีมฟอร์มไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่หากมองอีกมุมพลพรรคลิเวอร์พูล อาจรวมพลังประจัญบานสู้เพื่อ "บอส" ก็ได้
5. ส่งท้ายก่อนพักเบรกเวิลด์ คัพ
เกมเปิดรังแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ "เดอะ เซนต์ส" มีความหมายอย่างมาก ไม่ใช่แค่การได้สามคะแนนเท่านั้น แต่ยังเป็นแมตช์ส่งท้ายเกมลีกก่อนที่จะต้องหยุดพักชั่วคราว 6 สัปดาห์เพื่อหลีกทางให้กับฟุตบอลโลก 2022
แน่นอนว่าชัยชนะจะช่วยขยับอันดับในตารางลีกของ "หงส์แดง" ที่สำคัญการพักเบรกไปนานกว่า 1 เดือนบรรดาแข้งที่ไม่ได้ติดทีมชาติก็ไม่ได้พักผ่อน เพราะ คล็อปป์ มีแผนที่จะวางโปรแกรมซ้อม และอุ่นเครื่องให้แข้งเหล่านี้ได้เตรียมสภาพร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์
ลองนึกภาพหลังจบศึกลูกหนังแห่งมวลมนุษยชาติแล้ว ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมโหดรออยู่โดยพวกเขาจะต้องลงเล่นในแมตช์เยือน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมคาราบาว คัพ รอบ 4 จากนั้นก็ต้องมีคิวลงสนามช่วงบ็อกซิ่งเดย์ โดยต้องดวลกับ แอสตัน วิลล่า ซึ่งมีอูไน เอเมรี่ คุมทัพตอนนี้
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ แข้งลิเวอร์พูล จะต้องจำให้ขึ้นใจว่าพวกเขาต้องเอาชนะ "นักบุญ" ให้ได้ในแมตช์นี้ เพื่อแก้ตัว และทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" มีความสุขในช่วงหยุดยาวแบบนี้
ทอมเม้ง