ปอล ป็อกบา ระบุอยากบอกลา แมนยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2019 หลังมองไม่เห็นแววว่าทีมจะไปได้สวย พร้อมพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วย
ปอล ป็อกบา กองกลางชาวฝรั่งเศส กล่าวว่าที่จริงตนอยากย้ายออกจาก แมนยูไนเต็ด ตั้งแต่ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2019 แล้ว
ปอล ป็อกบา ย้ายจาก ยูเวนตุส กลับมาอยู่กับ แมนยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 และฤดูกาล 2018-19 ก็ถือเป็นซีซั่นที่โดดเด่นที่สุดของเขากับทีม อย่างเช่นการทำได้ 16 ประตูจากทุกรายการจนทำให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมในฤดูกาลที่ว่า
อย่างไรก็ตาม ในซีซั่น 2018-19 แมนยูไนเต็ด ไม่มีแชมป์ติดมือเลย แถมเป็นแค่อันดับ 6 ในลีกเท่านั้น โดยหลังจากนั้น ป็อกบา ก็อยู่กับทีมอีก 3 ฤดูกาล ก่อนจะแยกทางกับ "ปีศาจแดง" ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2022
ป็อกบา เผยกับ เดลี่ เมล สื่อของอังกฤษว่า "ผมจะเล่าบางอย่างที่ไม่เคยบอกกับใครมาก่อนให้คุณฟังแล้วกัน ฤดูกาลที่ โชเซ่ ออกจากทีมไปแล้ว โอเล่ เข้ามาน่ะคือฤดูกาลที่ผมทำผลงานกับ แมนยูไนเต็ด ได้ดีที่สุด แต่หลังจากลงเล่นนัดสุดท้ายของฤดูกาลนั้นไปแล้วผมก็บอกกับ โอเล่ และ เอ็ด วู้ดเวิร์ด เลยว่าผมคิดว่ามันจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของผมกับทีม และผมอยากย้ายออกจากทีม"
"ตอนนั้นผมอายุ 27 ปี และหลายอย่างมันไม่เป็นไปตามที่ผมต้องการ ผมเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองได้แล้ว แต่ผมมองไม่เห็นว่าสโมสรจะมีความก้าวหน้าขึ้นเลย ในทางตรงกันข้าม แมนซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ดีกว่าเราและพวกเขาก็พัฒนาขึ้นอีกต่างหาก"
"โอเล่ ตอบตกลงที่จะให้ผมย้ายออกจากทีม และบอกว่าเขาจะไปพูดกับ เอ็ด ให้เอง ตอนนั้นในหัวของผมน่ะคิดถึงเรื่องที่อยากย้ายออกจากทีมสุดๆ แต่ผมก็กลับมาอยู่กับทีมในช่วงปรี-ซีซั่นเพราะผมอยากมีความเป็นมืออาชีพ"
"ผมคุยกับ เอ็ด เพื่อพยายามที่จะหาทางย้ายออกจากทีม แต่เขาขัดขวางในเรื่องนั้น ตอนนั้นผมไม่อยากเล่นให้ แมนยูไนเต็ด อีกต่อไปแล้ว แต่ผมจำเป็นต้องมีความเป็นมืออาชีพ ในด้านสภาพจิตใจน่ะผมไม่พร้อมที่จะเล่นเพื่อทีมอีกต่อไปแล้ว จากนั้นผมก็มาได้รับบาดเจ็บ"
ดาวเตะวัย 31 ปีบอกด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ให้อารมณ์เหมือนแฟนกัน หลังจาก ป็อกบา เคยเหน็บ มูรินโญ่ หลายครั้ง "ความสัมพันธ์ของเรามันเหมือนแฟนหนุ่มกับแฟนสาว เราเลิกกันไปแต่ก็คืนดีกันตลอด"
"มันเริ่มต้นในแบบที่ยอดเยี่ยมเลยนะ เขาเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นที่ แมนเชสเตอร์ เพราะผมได้คุยกับเขาและเขาก็โน้มน้าวใจให้ผมกลับไปเล่นกับที่นั่น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันกลายเป็นฝันร้ายและนำไปสู่การทะเลาะกันของเราได้ เพราะที่จริงผมไม่ได้มีปัญหาเลย ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มการทะเลาะกันของเรา"
"เรามีความเห็นไม่ลงรอยกันบ้างก็จริง แต่มันก็เหมือนกับกรณีของกุนซือกับนักเตะคนอื่นๆ นั่นแหละ ยังไงก็ตาม ผมก็เคารพเขามากๆ ถ้าพรุ่งนี้ผมบังเอิญเจอเขาแล้วล่ะก็ผมก็จะกอดเขาแบบแน่นๆ เลย! แต่ในวันหนึ่งเราจะมานั่งคุยแบบเปิดอกกัน"