ถึงตอนนี้ฟอร์มของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก กับ ลิเวอร์พูล พอบอกได้เต็มปากว่า -เอาใครมาแลกก็ไม่ยอม-
ความไฉไลของเขาเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ และตัวอย่างในเกมกับ โบโลญญ่า ก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงเรื่องนั้น
ตอนท้ายครึ่งแรกจังหวะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผ่านบอลให้กับเขาท่ามกลางสถานการณ์ที่ถูกกดดันจากสองผู้เล่นทีมเยือน
แต่ กราเฟนแบร์ก โชว์ความเยือกเย็นแกะบอลออกมาได้จนพาเลยเส้นครึ่งสนามก่อนจะจ่ายให้ หลุยส์ ดิอาซ ตรงริมเส้นด้านซ้ายจนเรียกเสียงฮือได้จากผู้ชมในสนาม แอนฟิลด์
มีสมาธิ, มีความมั่นใจ และทรงประสิทธิภาพ คือคำนิยามที่จะเอ่ยถึงเขาในตอนนี้
ตั้งแต่ อาร์เน่อ สล็อต เข้ามารับงานที่นี่ มีหลายอย่างที่ก่อให้เกิดความประทับใจ แต่คงไม่มีเรื่องใดดีไปกว่าการเกิดใหม่ของ กราเฟนแบร์ก
บนค่ำคืนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สร้างโอกาสให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และสอยด้วยซ้ายปิดกล่องคว้าชัยชนะ ส่วนสำหรับ กราเฟนแบร์ก ดูเป็นเรื่องคุ้นชินไปแล้วที่เขารังสรรค์ผลงานผ่านเกมแดนกลาง
89 เปอร์เซ็นต์คือตัวเลขการผ่านบอลเข้าเป้าของอดีตเด็กปั้น อาแจ็กซ์ และอีก 14 จาก 18 ครั้งที่ส่งบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย (78 เปอร์เซ็นต์)
ยังมีการสร้างโอกาส 2 ครั้ง แล้วชิงบอลกลับมาให้ทีมครอบครองได้ 9 หน
พัฒนาการของ กราเฟนแบร์ก มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผลก็มาจากการซึบซับการสอนจาก สล็อต
ความสามารถของเขาคือส่วนสำคัญต่อการเอาตัวรอดของ ลิเวอร์พูล จากการที่ โบโลญญ่า วางหมากด้วยการเล่นประกอบตัวต่อตัว แต่เขาก็ยังพาทีมเดินหน้าต่อไปได้
"มีสองสามทางที่จะโอเวอร์โหลดหรือเล่นงานพวกเขา(โบโลญญ่า) ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการมีผู้เล่นที่สามารถพาบอล, เลี้ยงบอล และเล่นงานฝั่งตรงข้ามได้"
"เพราะเมื่อคุณเอาชนะคู่แข่งได้แล้วนั้น คุณก็จะโอเวอร์โหลดได้ในทันที และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น" เฮดโค้ช ลิเวอร์พูล พูดหลังจบเกม
"ไรอัน เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง ทั้งความสามารถการเลี้ยงบอล และนั่นสำคัญมากกับการเจอทีมแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เราอย่างมองว่าเขาเด่นที่การเลี้ยงบอลจนลืมไปว่าจริง ๆ แล้วการเล่นไม่มีบอลของเขาก็สำคัญมากแค่ไหน รวมถึงเขาทำงานหนักและเอาชนะบอลสองมาเยอะมากเช่นกัน"
...
ฤดูกาลแรกของ กราเฟนแบร์ก กับ ลิเวอร์พูล เขาลงเล่นไป 38 นัดจากทุกรายการ มีเพียง 17 นัดที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง
ในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ นักเตะหมายเลข 6 คือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ วาตารุ เอ็นโด
ขณะที่ กราเฟนแบร์ก ต้องไปแย่งชิงหมายเลข 8 กับ โดมินิค โซโบซไล, เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์
ตลอดซีซั่น 2023/24 มีแค่นัดเดียวเท่านั้นที่ กราเฟนแบร์ก ได้ลงเล่นครบ 90 นาที ซึ่งนั่นบ่งบอกถึงเรื่องสภาพร่างกายที่ยังไม่พร้อมเต็มร้อยเท่าไหร่
ในทางตรงกันข้าม ฤดกาลนี้ ดาวเตะวัย 22 ปีลงเล่นเต็มเม็ดเต็มหน่วยแต่ละเกมไปแล้ว 8 นัดบนเวที พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก
เขาดูแข็งแกร่งขึ้น ใช้สรีระทางร่างกายได้อย่างชาญฉลาด เช่นเดียวกับความนิ่งตอนครองบอล และเพิ่มเติมด้วยเรื่องแทคติคที่ดีขึ้น
นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดมากทีเดียวที่นักเตะที่ทำผลงานโดดเด่นในฤดูกาลกลับเคยเป็นนักเตะที่หลายคนเคยกลัวว่าเป็นการซื้อที่น่าล้มเหลว
นึกย้อนไป หาก มาร์ติน ซูบีเมนดี้ เจรจาย้ายมาเป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล มีโอกาสสูงเลยว่าชีวิตของ กราเฟนแบร์ก คงยังอยู่จุดเดิมเหมือนซีซั่นก่อน
โชคชะตาอาจมีส่วนทำให้เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ก็จริง แต่หลัก ๆ คือ กราเฟนแบร์ก คว้าโอกาสนั้นได้ และไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป
ลิเวอร์พูล ตัดสินใจไม่ใช้แผนบีหลังพลาดได้ตัว ซูบีเมนดี้ เพราะพวกเขารู้สึกว่ายังไม่มีทางเลือกอื่นที่เหมาะสมบนตลาด
ถือเป็นการดำเนินการที่กล้าหาญท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้คว้านักเตะใหม่ แต่เป็นเพราะ สล็อต ที่เชื่อว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนั้นคือ กราเฟนแบร์ก
สล็อต เคยเห็น กราเฟนแบร์ก เล่นหมายเลข 6 มาก่อนกับ อาแจ็กซ์ และเขามั่นใจว่าลูกทีมคนนี้จะทำได้ดีกับ ลิเวอร์พูล ถ้าได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำที่เหมาะสม
สล็อต ต้องการหมายเลข 6 ที่เล่นกับบอลได้มากกว่าหมายเลข 6 แบบทำลายเกมอย่าง ฟาบินโญ่ ซึ่งแน่นอนทักษะของ กราเฟนแบร์ก ตอบโจทย์
เวลาไม่กี่เดือน กราเฟนแบร์ก เปลี่ยนสถานะจากตัวเลือกมาเป็นหัวใจสำคัญของ ลิเวอร์พูล ยุคใหม่
แต่ละนัดที่ลงเล่น เขาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยแบ่งเบางานของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ยืนเป็นมิดฟิลด์คนคู่ ขณะที่ โซโบซไล ก็พัฒนาขึ้นในเกมเจอ โบโลญญ่า
ชื่อของ กราเฟนแบร์ก ถูกตะโกนเรียกจาก เดอะ ค็อป มากขึ้นตามทำนองเพลงที่เคยเป็นของรุ่นพี่ดัตช์ อย่าง จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม
การทดสอบยังรออยู่ข้างหน้า โดยมีเกมกับ เชลซี และ อาร์เซน่อล ที่เป็นโจทย์ยากขึ้นให้เขาได้พิสูจน์อีก
แต่อย่างไรไม่ต้องรอถึงสองเกมนั้นเลย ตอนนี้ กราเฟนแบร์ก ได้ให้คำตอบแก่ทุกคนที่ตั้งข้อสงสัย
และเมื่อใดที่อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดแล้ว คุณจะไม่ยอมแลกเขากับใครทั้งนั้นเลยล่ะ
HOSSALONSO