พระเอกของ ลิเวอร์พูล จากเกมที่ผ่าน ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในรอบ 3 ของศึก คาราบาว คัพ ได้นั้น คงจะหนีไม่พ้น ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูหนุ่มชาวไอริช หลังจากเขาโชว์ฟอร์มเซฟลูกจุดโทษในช่วงดวลเป้าได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน
ผลงานจากนัดล่าสุดทำให้ถ้าจะบอกว่า เคลเลเฮอร์ เป็นคนที่ถูกโฉลก หรือไม่ก็เชี่ยวชาญด้านการดวลเป้าในถ้วยนี้ก็คงจะไม่ผิด เพราะย้อนกลับไปในฤดูกาล 2019-20 เขาก็เคยเซฟลูกจุดโทษในรอบ 4 ได้ 1 ครั้งจนทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่าน อาร์เซน่อล ได้มาแล้ว ส่วนในซีซั่น 2021-22 เขาก็ป้องกันการยิงในช่วงดวลเป้าของ เลสเตอร์ ได้ 2 ครั้ง ตอนที่ หงส์แดง" เจอกับอีกฝ่ายในรอบก่อนรองชนะเลิศด้วย
ทั้งนี้ มันมีไม่บ่อยครั้งที่คนเป็นผู้รักษาประตูจะทำการเซฟในช่วงดวลเป้าได้อย่างน้อย 3 หนภายในเกมเดียว ซึ่งวันนี้เราจะมายกตัวอย่างคนที่เคยทำอย่างนั้นได้กัน
- อดัม บ็อกดาน (ลิเวอร์พูล) เซฟช่วงดวลเป้า 3 ครั้ง vs คาร์ไลส์ ยูไนเต็ด : แคปปิตอล วัน คัพ รอบ 3 วันที่ 23 กันยายน 2015
แม้ว่าจะได้เล่นใน แอนฟิลด์ แถมยังเจอกับคู่แข่งที่มาจาก ลีก ทู แต่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ก็ยังใช้งานตัวหลักหลายคนเป็นตัวจริงในวันนั้นเพราะเขากำลังเจอกับกระแสกดดันอย่างหนัก อย่างเช่น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, แดนนี่ อิงส์, เดยัน ลอฟเรน, เจมส์ มิลเนอร์ และ เอ็มเร่ ชาน ขณะที่บนม้านั่งสำรองก็มีนักเตะอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ ดิว็อค โอริกี้ พร้อมใช้งานอีกต่างหาก
ทั้งนี้ ในนัดดังล่าว บ็อกดาน ได้รับโอกาสให้ลงเฝ้าเสาแทน ซิมง มิโญเล่ต์ นายทวารชาวเบลเยียม ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นว่าเกมนั้นจบช่วง 90 นาทีด้วยการเสมอกัน 1-1 แถมในช่วงต่อเวลาพิเศษก็ยังไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้อีกจนต้องหาผู้ชนะกันในช่วงดวลเป้า
ท้ายที่สุดแล้ว บ็อกดาน ก็กลายเป็นฮีโร่ที่หลายคนคาดไม่ถึง โดยเขาเซฟลูกยิงของ แดเนี่ยล เกรนเจอร์ มือแรกของทีมเยือนได้, พุ่งไปปัดลูกยิงของ ลุค จอยซ์ คนยิงลำดับที่ 3 ได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะเซฟลูกยิงของ บาสเตียง เอรี่ ซึ่งเป็นมือสังหารคนที่ 5 ของ คาร์ไลส์ ได้ จนทำให้ ลิเวอร์พูล ชนะในช่วงดวลเป้าไป 3-2
- เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ (แมนฯ ยูไนเต็ด) เซฟช่วงดวลเป้า 3 ครั้ง vs เชลซี : คอมมิวนิตี้ ชิลด์ วันที่ 5 สิงหาคม ปี 2007
เกมชิงโล่การกุศลในวันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นในฐานะแชมป์ของ พรีเมียร์ลีก จากฤดูกาล 2006-07 ส่วน เชลซี มาในฐานะแชมป์ เอฟเอ คัพ จากซีซั่นเดียวกัน ซึ่งเกมเล่นกันได้สนุกในระดับหนึ่งก่อนจะจบ 90 นาทีด้วยการเสมอกัน 1-1
ในช่วงดวลจุดโทษนั้น เชลซี เป็นฝ่ายได้ยิงก่อน แต่พวกเขาก็พลาดตั้งแต่ไม้แรกเมื่อ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ยิงไปติดเซฟของ ฟาน เดอร์ ซาร์ ขณะที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ซึ่งเป็นเพชฌฆาตลำดับ 2 กับ 3 ก็ยิงไม่ผ่านเซฟของอดีตยอดนายทวารชาวดัตช์เช่นกัน ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะในช่วงดวลเป้าไป 3-0
- ดาเนี่ยล บัตซ์ (ซาร์บรุคเค่น) เซฟช่วงดวลเป้า 4 ครั้ง vs ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ : เดเอฟเบ โพคาล รอบก่อนรองชนะเลิศ วันที่ 3 มีนาคม 2020
ตอนนั้น ซาร์บรุคเค่น ถือเป็นม้ามืดของทัวร์นาเมนท์ เพราะพวกเขาเป็นทีมเดียวจาก รีเจนัลลีกา หรือเทียบเท่ากับลีกระดับ 4 ของประเทศเยอรมนี ที่มาได้ไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ขณะที่คู่แข่งของพวกเขาในวันนั้นอย่าง ดุสเซลดอร์ฟ เป็นทีมจาก บุนเดสลีกา ซึ่งเป็นลีกสูงสุด
นัดดังกล่าวจบช่วง 90 นาทีด้วยการเสมอกัน 1-1 โดยที่จริงในช่วงเวลาปกติ ดุสเซลดอร์ฟ ได้ลูกจุดโทษด้วย แต่ว่า บัตซ์ สามารถป้องกันได้ ขณะที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษก็ไม่มีใครยิงเพิ่มได้จนต้องไปตัดสินกันในช่วงดวลเป้า
ทั้งนี้ บัตซ์ พกฟอร์มอันยอดเยี่ยมจากช่วงเวลาปกติไปใช้ในช่วงดวลจุดโทษได้ เพราะเขาเซฟลูกจุดโทษของนักเตะ ดุสเซลดอร์ฟ ได้ถึง 4 ครั้งด้วยกัน จนทำให้ ซาร์บรุคเค่น ชนะในช่วงดวลเป้าไป 7-6 และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้แบบพลิกล็อก ก่อนที่เส้นทางของพวกเขาจะจบในรอบตัดเชือกจากการแพ้ เลเวอร์คูเซ่น 0-3
- เด็กเกร็ดบอล -