อาร์เซน่อล เกือบทำชัยชนะของตัวเองหล่นแตกในบ้าน แต่สุดท้ายบดบี้หนักหน่วงจนยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ
1. ดูกันตามเชิง มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับเจ้าถิ่นที่เหนือกว่าด้วยศักยภาพทีม และฟอร์มการเล่น
ว่าแล้วก็เปิดเกมรุกบุกเข้าใส่เป็นชุดๆ ด้วยการต่อบอลที่รวดเร็วและแม่นยำ ก่อนจะปลดล็อคได้ในเวลาไม่นาน
เท่านั้นไม่พอ ก่อนหมดครึ่งแรกยังบวกเพิ่มได้อีกดอกเป็น 2-0
เกมจบแบบไม่เป็นทางการ
2.ต่อเมื่อนำห่าง 2 ประตู ผู้ชมทางบ้านอย่างผมเข้าใจว่าครึ่งหลัง มิเกล อาร์เตต้า คงวางแผนให้ลูกทีมเล่นแบบประคองตัว เพื่อเน้นผลการแข่งขันเป็นสำคัญตามสไตล์ในฤดูกาลนี้
แต่มันดันเกิดการ "ผิดคิว" ขึ้นมาซะอย่างนั้น เมื่อผู้มาเยือนตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1 อย่างรวดเร็วมาก
3. พลันก็เกิดอาการ "เครื่องสะดุด" กับ อาร์เซน่อล ขึ้นมาดื้อๆ !!!
โมเมนตั้มเหวี่ยงไปทาง เลสเตอร์ แบบเต็มๆ เมื่อพวกเขาครองบอลบุกได้มากขึ้น ขณะที่ อาร์เซน่อล เบรคเกมของ 'จิ้งจอกสยาม' ไม่อยู่ แล้วมาได้ประตูตีเสมอจากลูกยิงผีจับยัดของ เจมส์ จัสติน
ใครไม่เห็นประตูนี้ กรุณาไปหาดูไฮไลท์นะครับ เพราะมันสวยแบบลากไส้เลยทีเดียว
4.นำห่างอยู่ดีๆ ดันถูกตีเสมอซะอย่างนั้น แถวบ้านเรียก...งานเข้า
ว่าแล้ว อาร์เซน่อล ที่เหมือนถูดฟาดจนตาสว่างก็ตั้งหน้าตั้งตาเร่งเกมรุก บุกแหลกแบบเหยียบทะลุดาร์กซ์ โดยหาโอกาสยิงได้ทั้งหมด 36 ครั้ง
พาลูกเข้าเขตคู่แข่งทั้งหมด 76 ครั้ง
เตะมุมอีก 17 ครั้ง
สุดท้ายมาได้ประตูที่ต้องการจากอาวุธทำลายล้างของตัวเองอย่างลูกเตะมุมอีกครั้งในนาทีที่ 94
5. ถึงนาทีที่ 93 ผมคิดว่า อาร์เซน่อล คงทำชัยชนะของตัวเองหล่นแตกแบบน่าเสียดายแล้วล่ะ
เพราะกระหน่ำยิงอย่างไรก็ไปติดนายทวารของทีมเยือน
เกมกำลังจะเสมออยู่รอมร่อ สุดท้ายก็แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของทีมที่จะประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับแสดงให้เห็นว่าความพยายามอยู่ตรงไหน ความสำเร็จก็อยู่ตรงนั้น
ถ้าไม่โหมเกมรุกบุกแบบไม่คิดชีวิต ไอ้ปืนโตไม่มีทางทะลักจุดแตกแบบนี้
บัดดลก็สะท้อนใจอย่างรุนแรงยิ่งนัก เมื่อย้อนกลับมามองทีมตัวเอง
จิตวิญญาณและความหื่นกระหายในชัยชนะ
ต้องการชัยชนะ แทนที่จะโขยกแบบไม่ยั้งหยุด เพื่อเผด็จศึกคู่แข่ง ดันกลัวหลังลอยแล้วเสียประตู
เฮ่อออออ..อ..อ..อ..อ !!!