วันก่อนเห็นแฟนเพจของ ดร.พิว โพสต์ถึงเรื่อง ฮวน เซบาสเตียน เวรอน แล้วความทรงจำเก่าๆ มันก็ถูกจุดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะช่วงเวลา 2 ปีที่ดาวเตะอาร์เจนติน่าผู้นี้สวมเครื่องแบบแมนยู ผมถูกหน่วยเหนือเนรเทศไปตะบันชีวิตที่เมืองหลวงลูกหนังพอดี !!!
1. ย้อนกลับไปในปี 2001 แมนยู กระชากตัวพ่อมดลูกหนังผู้นี้มาจาก ลาซิโอ ด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติใหม่สโมสร คือ 28.1 ล้านปอนด์ ท่ามกลางความจั๊กแหล่นของเด็กผีทุกหมู่เหล่า
เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเขาคือนักเตะระดับเทพคนหนึ่งของวงการฟาดแข้ง
2. ช่วงนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องการปรับระบบการเล่นใหม่จาก 4-4-2 เป็น 4-5-1 เพื่อวิ่งตามทีมอื่นๆ ในยุโรปที่เน้นการครองบอลด้วยผู้เล่นในแดนกลาง
นอกจากนี้แดนกลางของ แมนยู ชุดนั้นประกอบด้วย เดวิด เบ็คแฮม, รอย คีน, พอล สโคลส์ และ ไรอัน กิ๊กส์ ไม่มีทางที่จะตัดคนใดคนหนึ่งออกไปตำแหน่งจากตัวจริง
การมาเพิ่มของ 'เซบา' ทำให้ป๋าเพิ่มกองกลางเป็น 5 คน หวยจึงไปออกที่กองหน้าอย่าง แอนดี้ โคล โดยให้ รุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นหัวหอกเพียงคนเดียว
ระบบ 4-5-1 เวรอน กับ คีน คือคู่กลางพลางขยับไอ้หัวแดงอั้งม้อขึ้นไปสวมบทหน้าต่ำ
3. ดาวเตะที่เพื่อนร่วมทีมเรียกสั้นๆ ว่า 'เซบา' มาพร้อมกับความคาดหวังที่ทะลุเพดานห้องน้ำ
ปัญหาคือเขาชอบเล่นท่ายาก เล่นง่ายๆ ไม่เป็น และเล่นตามใจตัวเอง เช่นเดียวกับที่ต้อง 'เหนือชั้น' จึงไม่ค่อยเข้าระบบสักเท่าไหร่
ผมเคยเห็นกับตาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาจ่ายบอลระยะแค่ 5 เมตรให้เพื่อนร่วมทีมด้วยหลังเท้า !!!
เวลาได้บอลก็มักจะดึงจังหวะหรือพยายามทำอะไรให้มันยากขึ้นโดยไม่จำเป็นจนเพื่อนร่วมทีมเอือมระอา
ครั้งหนึ่งผมเห็น ไรอัน กิ๊กส์ เหวี่ยงสายตาไปที่ พอล สโคลส์ ก่อนที่ 'สโคลซี่' จะมองต่อไปที่กัปตันคีโน่ เรียกมาส่งสายตามองกันเป็นทอดๆ
สุดท้าย รอย คีน จึงผายมือพลางยักไหล่ ประมาณว่า...กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำยังไง 5555
สูตร 4-5-1 ในฤดูกาล 2001/02 ของ แมนยู มันยังไม่ค่อยเวิร์คจนจบซีซั่น ด้วยการได้อันดับ 3 เป็นครั้งแรกในยุคพรีเมียร์ลีก
4.ขูดความจำได้ว่า ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ถูกทั้งแฟนบอลและสื่อลูกหนังวิพากษ์-วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องฟอร์มการเล่นที่ไม่ไฉไล แถมไม่เข้ากับระบบการเล่นของปีศาจแดงที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมา 3 สมัยติดต่อกันจน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลุดวลีคลาสสิกออกมาในการแถลงข่าว
'He is a FCUKING GREAT PLAYER and you are all FCUKING IDIOT.' ป๋าด่านักข่าวที่ถามถึงความน่าผิดหวังของดาวเตะค่าตัวแพงผู้นี้จนกลายเป็นข่าวใหญ่
วันรุ่งขึ้น นสพ.เดอะ ซัน เอาคำของคุณป๋ามาพาดหัวสนุกสนาน มิหนำยังทำเสื้อยืดที่สกรีนประโยคนั้นออกมาแจกแฟนบอลอีกต่างหาก
พูดง่ายๆ ว่ากวนตีนนั่นแหละ
5. ฤดูกาลต่อมา (2002/03) แมนยู ถูก อาร์เซน่อล ทิ้งห่างร่วมๆ สิบแต้ม
กระทั่งครึ่งฤดูกาลหลัง ท่านพระยาหมื่นลูกหนังค้นพบสูตร 4-5-1 ที่ลงตัว ด้วยการขยับ ไรอัน กิ๊กส์ เข้ามาเล่นเป็น 'หน้าต่ำ' แล้วถ่าง พอล สโคลส์ ออกไปเป็น 'ปีกซ้าย'
ฤดูกาลนั้นคือฤดูกาลที่ 'สโคลซี่' ระเบิดฟอร์มการเล่นอันเปล่งปลั่งออกมามากที่สุด ด้วยการตะบันถึง 20 ประตู แบ่งเป็น 14 ประตูในพรีเมียร์ลีก ถือเป็นฤดูกาลที่นักเตะพันธุ์หมาเดือดผู้นี้ถล่มตาข่ายได้มากที่สุดในเครื่องแบบอสูรสยอง
ส่วน ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ฟอร์มโดยรวมไม่ถึงกับน่าประทับใจ คือนัดไหนแย่ก็แย่ไปเลย นัดไหนดีก็จะกระฉูดแตกไปเลย เฉพาะอย่างยิ่งการวางบอลยาว และการผ่านบอลแบบเหนือชั้น
ผมเคยเห็นเขาปล่อยบอลกระเด้งดึ๋งๆ หน้ากรอบเขตโทษคู่แข่งแล้วโยกตัวไปทางซ้าย โยกตัวไปทางขวา โยกซ้าย โยกขวา โดยปล่อยให้บอลกระเด้งตรงๆ ไปตามธรรมชาติจนคู่ต่อสู้โยกตามจนเสียหลัก
ทันใดก็สับด้วยหลังเท้าในรูปแบบของ 'วอลเล่ย์' ลูกใบไม้ร่วงเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสุดสวยชนิดที่นางฟ้ายังต้องอาย
อย่างไรก็ตาม
หลังจบฤดูกาลนั้น ป๋ายอมรับความจริง ด้วยการปล่อย 'เดอะ ฟัคกลิ้ง เกรต เพลเยอร์' ของตัวเองผู้นี้ให้ เชลซี ในราคาแค่ 15 ล้านปอนด์เท่านั้น
โบนัส แทร็ค: ใครบอกว่า 'เฟอร์กี้' เป็นกุนซือที่ไม่เก่งเรื่องแท็คติก กรุณาคิดใหม่นะครับ ป๋าคือผู้จัดการทีมคนแรกๆ ในพรีเมียร์ลีกที่นำระบบ 'กลางสาม' มาใช้ในวันที่ทุกทีมในอังกฤษยึดระบบ 4-4-2 เป็นหลัก
มิหนำยังหาสูตรการผสมผสานลูกทีมในระบบ 4-5-1 จนเจอแล้วช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 8 ในฤดูกาล 2002/03 ได้สำเร็จ