ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2004/05 แมนฯ ยูไนเต็ด เคยหยุดสถิติไร้พ่ายของ อาร์เซน่อล เอาไว้ที่ 49 นัด หลังเอาชนะพวกเขา 2-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
และหลังจากกะซวกชัยมา 5 เกมติดต่อกันในฤดูกาลนี้ ทีมสีหนาทปืนใหญ่ก็มีอันพังพาบ โดยถูกหยุดสถิติชนะรวดที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง
พลพรรคปีศาจแดงมีชัยด้วยสกอร์ 3-1 ทำสถิติชนะ 4 เกมติดต่อกันพลางตามหลังจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกแค่ 3 แต้ม ทั้งที่เดือนที่แล้วยังอมบ๊วยอยู่เลย 5555 และต่อไปคือสิ่งที่เด็กผีอย่างผมอยากจะบอกทุกท่าน
เอริค เทน ฮาก จัดเป็นกุนซือที่ไม่ค่อยชอบเปลี่ยนแปลง
ผู้เล่น 11 ตัวจริง เฉพาะอย่างยิ่ง หากทีมชุดนั้นมีผลงานที่ไฉไลอย่างต่อเนื่อง
เกมล่าสุดก็เช่นกันที่เปลี่ยนผู้เล่น 11ตัวจริงแค่ตำแหน่งเดียว แถมเปลี่ยนได้ถูกใจเด็กผีทุกหมู่เหล่าซะด้วย เมื่อเขาส่งดาวเตะใหม่ค่าตัว 85 ล้านปอนด์ อย่าง อันโตนี่ ลงสนามทันทีในตำแหน่งกองหน้ากึ่งปีกขวาแทนที่ แอนโธนี่ อีลันก้า ที่ทำตัวไม่มีประโยชน์มาหลายนัด
ขนาดมิดฟิลด์ตัวรับระดับโลกอย่าง กาเซมิโร่ ยังไม่เคยลงตัวจริงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยครับ เหตุเพราะ สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ยังโชว์ฟอร์มได้โสภาอย่างต่อเนื่อง
เท่านั้นไม่พอ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็กลายเป็นตัวสำรองอย่างถาวรไปแล้ว
ส่วนการให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงเป็นตัวจริงที่ดูจะค้านสายตาประชนชาวปีศาจสามง่ามก็ได้รับคำตอบในการศึกครั้งล่าสุดนี่แหละว่าเพราะอะไร นักเตะทั้ง 2 คนนี้ถึงยังยึดตำแหน่งตัวจริงเหนียวแน่น
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มต้นได้เร้าใจกว่านะครับ
พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็คุมเกมได้แล้วบุกใส่ผู้มาเยือนเป็นระลอกจนเกือบได้ประตูขึ้นนำถึง 2-3 จังหวะในช่วง 10 นาทีแรก
กระทั่ง คริสเตียน เอริคเซ่น ทำบอลเสียตรงกลางแล้ว อาร์เซน่อล ฉวยโอกาสจู่โจมเร็ว ก่อน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จะหลุดไปกระทุ้งตาข่ายได้สำเร็จ
บุญยังรักษาปีศาจแดงนะครับที่ VAR ตัดสินว่ามันเป็นการทำฟาวล์ซะก่อน ซึ่งจากภาพช้า พบว่า มาร์ติน โอเดการ์ด 'แซะ' ดาวเตะพันธุ์โคนมของ แมนฯ ยูไนเต็ด จนเสียหลักล้มคว่ำจริงๆ ไม่มีอะไรต้องสงสัย
แต่ถ้ามีใครสงสัย หรือเคลือบแคลงใจ แนะนำให้กรี๊ดมันออกมานะครับ...กรี๊ดมันออกมา...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!
อย่างไรก็ตาม
นับตั้งแต่จังหวะที่ อาร์เซน่อล ยิงได้ แม้จะไม่ได้ประตู แต่เกมของทีมเจ้าบ้านก็ช๊อตไปเลย
ประหนึ่งรู้ตัวว่าเพลิดเพลินกับการบุกมากเกินไปไม่ได้ และต้องเล่นอย่างระมัดระวังกันมากขึ้น
บ่อยครั้งที่ฟุตบอลแมร่งไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น
นับตั้งแต่นาทีที่ 15 เป็นต้นมา หรือตั้งแต่ยิงประตูได้แล้วถูก VAR ยึดคืน พลพรรคปืนโตก็อาศัยรูปแบบการเล่นที่เป็นระบบ และมีทีมเวิร์คมากกว่า ครองบอลบุกใส่เจ้าบ้านอยู่ข้างเดียว
ทว่ากลับเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ขึ้นนำ 1-0 ซะอย่างนั้น
คิดแล้วก็ขำกลิ้งลิงกับหมา คือตอนตัวเองครองเกมบุกกระหน่ำดันไม่ได้ประตู แล้วอยู่ๆ ก็มาขึ้นนำแบบไม่คาดคิด แถมดราม่าตรงที่ผู้ซัลโวเข้าไปตุงคาข่ายคือนักเตะใหม่ที่ถูกปรามาสว่าค่าตัวแพงเกินจริงอย่าง อันโตนี่ ซะด้วย !!!
ถือเป็นการเปิดตัวที่พสุธากัมปนาทระดับ 8 ริกเตอร์เลยทีเดียว
พูดถึงรูปเกมที่เกิดขึ้น
เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด สู้ อาร์เซน่อล ไม่ได้เลยนะครับ
ขอโทษ
ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ครองบอลบุกพลางหาจังหวะทำลายตาข่ายได้มากกว่าชัดเจน โดยเฉพาะช่วง 15 แรกของครึ่งหลังที่ครองบอลถึง 85%
จังหวะนั้น ผู้ชมทางบ้านอย่างผมที่กำลังกัดเล็บตัวเองเล่นแก้เครียดภาวนาให้ เอริค เทน ฮาก ทำอะไรสักอย่าง เช่นส่ง
กาเซมิโร่ ลงมาช่วยเล่นเกมรับผนึกกำลังกับ 'แม็คทอม' ตรงกลาง
แต่กุนซือชาวดัตช์กลับถอด อันโตนี่ ออกแล้วส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงมาแทน
แล้วการเล่นแบบรอโดนก็โดนจริงๆ เมื่อ บูกาโย่ ซาก้า ตะบันประตูตีเสมอให้ผู้มาเยือน
สถานการณ์ของปีศาจแดง ณ จุดนั้น เรียกว่าพญายมแสยะยิ้มเตรียมกระชากวิญญาณไปลงนรก เพราะโมเมนตั้มเหวี่ยงไปที่ อาร์เซน่อล แบบเต็มๆ
บัดดลคำว่า "คาบ้าน" ก็ผุดขึ้นมาในมโนสำนึกของผม
แต่อย่าลืมว่าบ่อยครั้งที่ฟุตบอลไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น !!!
ทั้ง 3 ประตูของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เกิดจากการครองเกมรุกพลางบุกกดดันคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง แต่เกิดจากการตัดบอลได้แล้วเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว โดยต่อบอลกันเพียงไม่กี่ครั้ง
จุดหนึ่ง เพราะ อาร์เซน่อล ดาหน้าบุกใส่หวังกดให้สิ้นซากมากเกินไปจนหลังลอยสูง แถมแนวรับยืนห่าง และเปิดพื้นที่ว่างมากมาย
ที่ต้องชื่นชม แมนฯ ยูไนเต็ด คือจังหวะจู่โจมที่จ่ายบอลกันแม่นยำ แถมเมื่อมีโอกาสแล้วไม่พลาด
หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "เด็ดขาด" นั่นแหละ
กระนั้นก็ขอเตือนใจเด็กผีทุกหมู่เหล่าที่กำลังกระดี๊กระด๊าว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจปีศาจแดง เพราะหลายครั้งแล้วที่พวกเขาหลอกให้หลงระเริงจนจมูกบานเข้า-บานออก แล้วก็จากไปดื้อๆ
ว่าแล้วขอให้ดูกันยาวๆ อย่าเพิ่งมั่นอกมั่นใจว่า...
ปีศาจแดงตัวจริงกลับมาแล้ว !!!
บอ.บู๋