มันคือหนึ่งในรูปที่ผมชอบที่สุดท่ามกลางรูปถ่ายมากมายตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ประจำการในอังกฤษ
นึกถึงช่วงเวลาที่ต้องขึ้นไปปักหลักที่เมืองแมนเชสเตอร์คราวนั้นทีไร ผมก็มักจะหยิบแล็ปท็อปออกมาเปิดดูและมองหารูปนี้เสมอ แล้วก็จะยิ้มให้กับผมยาว ๆ ของตัวเองที่อยู่เมืองไทยไม่มีโอกาสได้ไว้
แล้วก็หมวกไหมพรมของเจ้าต๊อบ วาทิต รุ่นน้องครีเอทีฟสยามกีฬาทีวี ที่เวลานี้เป็นผู้บรรยายและพิธีกรกีฬาชื่อดัง ผู้คนรู้จัก
แล้วก็.. สเวนนิส
รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2007 มันก็นานเอาเรื่องนะครับ.. 17 ปีเข้าไปแล้ว
เราน่าจะกำลังคุยกันถึงมุมมองของ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน ที่มีต่อนักฟุตบอลไทยและทีมชาติไทย
ทีมชาติไทยเวลานั้นอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมลงเตะฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกโซนเอเชียที่อยู่กลุ่มเดียวกับ ญี่ปุ่น โอมาน บาห์เรน และได้เดินทางไปเก็บตัวที่เมืองแมนเชสเตอร์ 2 รอบ
ได้ใช้สนามซ้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รอบแรกที่สนามซ้อมแคร์ริงตัน รอบสองที่ แพล็ตต์ เลน สปอร์ตส์ คอมเพล็กซ์ ด้วยอานิสงส์ที่ทีมเรือใบสีฟ้ามีคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของสโมสร
มันเป็นช่วงเดียวกับที่ผมประจำการอยู่ที่นั่นพอดี หน่วยเหนือจึงมีคำสั่งให้ขึ้นไปปักหลักที่เมืองแมนเชสเตอร์ยาว ๆ ไปเลย
อันที่จริงผมกับเจ้ามึน ครีเอทีฟคู่ใจที่ไปไหนไปด้วยกันทุกทริปต้องขึ้นไปอยู่ที่แมนเชสเตอร์ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วครับ เพราะ สุรีย์ สุขะ เกียรติประวุฒิ สายแวว และ ธีรศิลป์ แดงดา ถูกส่งไปฝึกและทดสอบฝีเท้ากับซิตี้ก่อน
กินนอนอยู่กับนักเตะที่อพาร์ตเมนต์ใกล้ ๆ สถานีรถไฟแมนเชสเตอร์พิคคาดิลลี่ เดินทางไปสนามซ้อมย่านแคร์ริงตันด้วยกัน จากรถตู้ที่สโมสรจัดหาให้พร้อมคนขับ แล้วก็รอกลับด้วยกัน ระหว่างวันที่เจ้าเปรม เจ้าคาร์ เจ้ามุ้ยซ้อม ผมก็เขียนข่าว ส่งข่าว หาประเด็นทำสกู๊ปกลับมาเมืองไทย
ไปสนามซ้อมแคร์ริงตันทุกวัน ได้เห็นนักเตะไทยลงซ้อมกับพวกตัวจริงตัวสำรองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีของน้อง ๆ ทั้ง 3 คนรวมทั้งตัวผมเอง
แน่นอนครับ ผมกับเจ้ามึนก็ได้เจอมิสเตอร์อีริคส์สันทุกวัน
สเวน-โกรัน อีริคส์สัน คนเดียวกับที่เป็นยอดโค้ชอีกคนหนึ่งของวงการ ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวมาอย่างโชกโชน พาโกเตนเบิร์กคว้าทริปเปิลแชมป์ลีก-ถ้วย-ยูฟ่า คัพ พาเบนฟิก้าเข้าชิงยูฟ่า คัพ กับ ยูโรเปี้ยน คัพ พา โรม่า กับ ซามพ์โดเรีย คว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย
พา ลาซิโอ เถลิงบัลลังก์แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา พ่วงโคปปา อิตาเลีย ในฤดูกาลเดียวกัน 1999/2000 คว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ ได้รองแชมป์ยูฟ่า คัพ
เป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษ พาทีมสิงโตคำรามบุกถล่มเยอรมันถึงมิวนิค 5-1 เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2002 ยูโร 2004 และฟุตบอลโลก 2006
เป็นผู้จัดการทีมนอกสหราชอาณาจักรคนแรกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นผู้จัดการทีมชาวสวีดิชคนแรกของพรีเมียร์ลีก
ประวัติการทำงานของเขายาวเหยียด เกียรติคุณมากมาย แต่เขาก็ยังใส่ใจทักทายนักข่าวตัวเล็ก ๆ จากประเทศเล็ก ๆ บนแผนที่โลกฟุตบอลอย่างผมกับเจ้ามึนเสมอ และยังให้เวลาในการสัมภาษณ์
บุคลิกน่าประทับใจ สุขุม สุภาพ พูดจาเรียบร้อย อธิบายสิ่งต่าง ๆ อย่างมีหลักการ ตอบคำถามด้วยถ้อยคำที่กลั่นกรองเรียบเรียงเป็นอย่างดี เลือกใช้ประโยคที่ให้กำลังใจ
เขานั่งอมยิ้มน้อย ๆ ท่าทีผ่อนคลาย ทำให้ความประหม่าเราลดลงไปด้วย
ช่วงเวลาที่เป็นประสบการณ์ดี ๆ ของผมที่อังกฤษ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ในวันที่ทราบข่าวว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ผมตกใจ
ในวันที่เห็นรอยยิ้มและทุกอากัปกิริยาของเขาในเกมนัดพิเศษที่สโมสรลิเวอร์พูลเชิญเขามาเป็นผู้จัดการทีมตำนานหงส์แดงเตะกับทีมตำนานอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่แอนฟิลด์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา.. ผมรู้สึกยินดีปนเศร้า
ชีวิตคนเราก็เท่านี้ บางทีก็เหมือนถูกโชคชะตากลั่นแกล้งจนอยากหัวเราะดัง ๆ ให้กับมัน คุมทีมน้อยใหญ่มาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่กลับไม่เคยมีโอกาสได้คุมลิเวอร์พูลทีมรักเลย และพอความฝันนั้นมาถึงเข้าจริง ๆ กลับเหลือเวลาให้เขาดื่มด่ำมันเพียงไม่นาน
แค่ไม่กี่เดือนให้หลังเท่านั้นเอง..
ในคลิปร่ำลาพวกเราก่อนเตรียมตัวเดินทางไกล สเวนนิสยังคงสุขุม สุภาพ พูดจาเรียบร้อย และ.. ให้กำลังใจ
"ผมมีชีวิตที่ดีนะ.. ใช่แล้วล่ะ (มันก็เป็นชีวิตที่ดี)
"ผมคิดว่าเราทุกคนล้วนกลัววันที่ทุกอย่างสิ้นสุดลง วันที่คุณจะต้องตายจากไป
"แต่ชีวิตมันก็ต้องพบกับความตายจริง ๆ นั่นล่ะ คุณต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน เข้าใจว่ามันคืออะไร
"ผมหวังว่าในท้ายที่สุดผู้คนจะพูดกันว่า 'โอ้ ใช่แล้ว เขาเป็นคนดีนะ' แต่คงไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะพูดอย่างนั้น
"ผมหวังว่าคุณจะจดจำผมในด้านบวก จดจำว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองสามารถทำได้
"อย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย จงยิ้มรับมัน
"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างครับ โค้ช นักฟุตบอล กองเชียร์ มันน่าเหลือเชื่อที่สุด
"ดูแลตัวเองให้ดี ดูแลชีวิตของคุณด้วย แล้วก็อยู่กับมัน ใช้ชีวิตต่อไป
"ลาก่อนครับ"
สเวน-โกรัน อีริคส์สัน จากโลกนี้ไปในวัย 76 ปี
ในวันที่เขาจากไป.. ผมคิดถึงผลงานของเขา บุคลิกของเขา รวมทั้งช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เคยมีโอกาสได้พบเขา
สเวน-โกรัน อีริคส์สัน.. ผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับอย่างสูงในวงการฟุตบอล ขอให้คุณไปสู่สุคติครับ
ตังกุย