แมนฯ ซิตี้ สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกไปแล้วนับตั้งแต่ ชีค มานซูร์ แห่ง อาบูดาบี เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2008
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นว่าเล่นโดยเฉพาะซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขาสร้างสถิติเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ลีกอิงลิชได้สี่ปีติดต่อกันเพิ่มเติมจากการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในซีซั่นก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จของ แมนฯ ซิตี้ เป็นผลมาจากเม็ดเงินลงทุนซื้อนักเตะค่าตัวแพง และนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาพวกเขาเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ด้วยการทำลายสถิติค่าตัวของสโมสรมาแล้วทั้งสิ้นแปดครั้งดังนี้
- โรบินโญ่ 32.5 ล้านปอนด์
กลุ่มทุนจาก อาบูดาบี เข้ามาเทคโอเวอร์ แมนฯ ซิตี้ อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.ย.2008 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของตลาดนักเตะพอดี
ก่อนตลาดวาย เรือใบสีฟ้า พยายามเซ็นสัญญากับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กองหน้าทีม สเปอร์ส ในราคา 30 ล้านปอนด์ แต่สตาร์ทีมชาติ บัลแกเรีย เลือกย้ายไปร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด
กระนั้นก็ดี แมนฯ ซิตี้ ประสบความสำเร็จในการคว้า โรบินโญ่ ดาวยิงทีมชาติ บราซิล มาจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติใหม่ของลีกอิงลิช 32.5 ล้านปอนด์
ในฐานะนักเตะใหม่ โรบินโญ่ เปิดตัวได้สวยด้วยการสอยตาข่ายได้ตั้งแต่เกมประเดิมสนามนัดแพ้ เชลซี 3-1 รวมแล้วเขากระทุ้งได้ 8 ประตูในการลงบู๊เกม พรีเมียร์ลีก 11 นัดแรก
อย่างไรก็ดี ผลงานของดาวเตะ เซเลเซา ตกลงอย่างรวดเร็ว และจบซีซั่นโดยยิงได้ทั้งสิ้น 15 ประตูจากการลงบู๊ในทุกรายการ 41 นัด และถูกส่งให้ ซานโต้ส อดีตต้นสังกัดยืมตัวก่อนผละไปร่วมทีม เอซี มิลาน ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์
- เซร์คิโอ อเกวโร่ 38 ล้านปอนด์
สามปีหลังคว้าตัว โรบินโญ่ แมนฯ ซิตี้ ควักกระเป๋าทำลายสถิติอีกหนด้วยการดึงกองหน้าทีมชาติ อาร์เจนติน่า มาจากสโมสร แอตเลติโก มาดริด แต่ที่ต่างกันคือพวกเขาไม่ผิดหวังเหมือนในรายของสตาร์แซมบ้า
หลังย้ายสู่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในเดือนก.ค.2011 อเกวโร่ สร้างชื่อกับ เรือใบสีฟ้า ได้ทันทีด้วยการผงาดเป็นจอมล่าตาข่ายตัวอันตรายของ พรีเมียร์ลีก
จากผลงานกระทุ้งได้ 260 ประตูจาก 390 นัด หัวหอกละตินจึงรั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร แถมสร้างชื่อเป็นที่จดจำได้อีกต่างหากจากการยิงประตูชัยนัดชนะ คิวพีอาร์ ในช่วงทดเวลาพาทีมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปีในเกมปิดซีซั่น
- ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 49 ล้านปอนด์
แมนฯ ซิตี้ จ่ายหนัก 44 ล้านปอนด์บวกกับค่าแอดออนอีก 5 ล้านปอนด์ฉุด สเตอร์ลิ่ง ปีกวัย 20 ปีมาจากทีม ลิเวอร์พูล ในปี 2015 หลังจากมีการเจรจากันอยู่นานกระทั่งนักเตะประกาศไม่ขอเดินทางไปทัวร์ช่วงปรีซีซั่นกับ หงส์แดง
ตลอดเจ็ดปีกับ แมนฯ ซิตี้ สเตอร์ลิ่ง ทำประตูได้ 131 ลูก และพาทีมซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก สี่ครั้ง รวมทั้งได้ตำแหน่งรองแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2021
จนในที่สุด เรือใบสีฟ้า ตัดสินใจถอนทุนคืนด้วยการขายเขาให้กับ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 แลกกับการรับทรัพย์ 47.5 ล้านปอนด์
- เควิน เดอ บรอยน์ 54 ล้านปอนด์
แมนฯ ซิตี้ ทำเอาใครต่อใครตะลึงไปตามๆกันจากการทุ่มเงิน 54 ล้านปอนด์เซ็นสัญญากับ เดอ บรอยน์ ในเดือนส.ค.2015 ทำลายสถิติการซื้อนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรเป็นครั้งที่สองในเวลาหกสัปดาห์
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะกองกลางทีมชาติ เบลเยี่ยม เคยเล่นในลีกเมืองผู้ดีมาก่อน แต่ไม่อาจสร้างชื่อกับ เชลซี ได้จีงทำให้ เรือใบสีฟ้า ถูกมองว่าใช้เงินมากเกินจริง
อย่างไรก็ดี เดอ บรอยน์ ย้ายจาก เชลซี ไประเบิดฟอร์มกับ โวล์ฟสบวร์ก ได้อย่างน่าทึ่งในเวลาสองปีครึ่งซึ่งเขาได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของ บุนเดสลีกา ในซีซั่นสุดท้ายของตัวเองกับลีกเมืองเบียร์
ในเวลาเก้าปีกับสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม เดอ บรอยน์ ประกาศศักดาได้อย่างระบือลือลั่นด้วยการกระโดดขึ้นเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ พรีเมียร์ลีก จากการคว้าแชมป์ลีกได้หกครั้ง , แชมป์ เอฟเอคัพ สองครั้ง และแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก
- เอมเมอริค ลาปอร์กต์ 57 ล้านปอนด์
หลังพลาดได้ตัว เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่เลือกย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติ 75 ล้านปอนด์ในเดือนม.ค.2018 แมนฯ ซิตี้ ก็หันไปคว้า ลาปอร์กต์ มาจากทีม แอธเลติก บิลเบา ในเดือนเดียวกันด้วยเม็ดเงิน 57 ล้านปอนด์
ด้วยเหตุที่สโมสรจาก ลา ลีกา ไม่เต็มใจขายสตาร์ดัง เรือใบสีฟ้า จึงจำเป็นต้องยอมจ่ายค่าฉีกสัญญานักเตะ แต่ปรากฏว่าทีมเงินถังของ พรีเมียร์ลีก น่าจะลงทุนสูงเกินไป
จากการเล่นที่เยือกเย็น และมีลูกกลางอากาศที่ทรงพลัง ลาปอร์กต์ นับเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์ฮาล์ฟชั้นดีของ แมนฯ ซิตี้ และ พรีเมียร์ลีก หากว่าเขาจะไม่ประสบกับปัญหาบาดเจ็บ
หลังได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ห้าสมัย ตลอดจนแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก เขาก็ถูกขายให้กับ อัล นาสเซอร์ ทีมจาก ซาอุดิ อาระเบีย ในเดือนส.ค.2023
- ริยาด มาห์เรซ 60 ล้านปอนด์
หลังซิวตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ จากผลงานพา เลสเตอร์ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน่าทึ่งในซีซั่น 2015/16 มาห์เรซ ก็กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมของลีกเมืองผู้ดีทันที
ปีกทีมชาติ แอลจีเรีย ทำท่าว่าจะลงเอยกับ เชลซี อยู่แล้ว แต่สุดท้าย แมนฯ ซิตี้ ควักกระเป๋า 60 ล้านปอนด์ดึงเขาไปเสริมทัพในเดือนก.ค.2018 และในเวลาเกินกว่าห้าปีกับ เรือใบสีฟ้า มาห์เรซ ถือเป็นกำลังสำคัญของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จากการกระหน่ำประตู 78 ลูกและ 56 แอสซิสต์
กระทั่งปี 2023 มาห์เรซ อำลาทีมแกร่งของ พรีเมียร์ลีก ไปหากินกับ อัล อาห์ลี สโมสรในลีก ซาอุดิ อาระเบีย ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์
- โรดรี้ 62.8 ล้านปอนด์
หนึ่งในโจทย์สำคัญของ กวาร์ดิโอล่า คือเขาจะสานต่อความสำเร็จให้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างไรโดยเฉพาะการหาตัวตายตัวแทนของ แฟร์นานดินโญ่ กองกลางตัวรับที่เริ่มมีอายุมากขึ้นทุกที
จนในที่สุดช่วงซัมเมอร์ปี 2019 นายใหญ่ เรือใบสีฟ้า ตอบคำถามนี้ด้วยการทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรดึง โรดรี้ มาร่วมชายคาด้วยค่าตัว 62.8 ล้านปอนด์
หลังเริ่มค้าแข้งกับ บียาร์เรอัล มิดฟิลด์สแปนิชซึ่งมีลีลาละม้าย เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ก็ย้ายไปสร้างชื่อต่อกับ แอตเลติโก มาดริด หนึ่งซีซั่น ก่อนกลายมาเป็นคีย์แมนของสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม หลังจาก แฟร์นานดินโญ่ ย้ายกลับบ้านเกิดในปี 2022
จากการพา แมนฯ ซิตี้ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ โรดรี้ ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นดังกล่าว ก่อนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของศึก ยูโร 2024 หลังพาทีมกระทิงดุครองความเป็นเจ้าแห่งทวีป
- แจ็ค กรีลิช 100 ล้านปอนด์
แมนฯ ซิตี้ ตัดสินใจจ่ายค่าฉีกสัญญาคว้า กรีลิช มาจากทีม แอสตัน วิลล่า ในเดือนส.ค.2021 ซึ่งทำให้ปีกทีมชาติ อังกฤษ กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของประเทศตลอดกาล
แรกทีเดียว กรีลิช ปรับตัวให้เข้ากับระบบของ กวาร์ดิโอล่า ได้อย่างเชื่องช้าจากการยิงได้ 6 ประตูและ 4 แอสซิสต์ในซีซั่นแรกของเขากับสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งปีกจอมลีลาได้ลงสนาม 39 นัด
กระทั่งซีซั่นต่อมา เด็กปั้นของ วิลล่า เริ่มฉายฟอร์มกับ แมนฯ ซิตี้ ได้ด้วยการพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์จากผลงาน 5 ประตู 11 แอสซิสต์จากการลงเล่น 50 นัด
อย่างไรก็ดี ซีซั่นที่ผ่านมาฟอร์มของ กรีลิช ตกต่ำลงไปหลังจาก เรือใบสีฟ้า คว้าตัว เฌเรมี่ โดกู มาเสริมเขี้ยวเล็บ และส่งผลให้ดาวเตะค่าตัวแพงไม่มีตำแหน่งในทีมตัวจริงของสโมสร รวมทั้งหลุดโผทีมชาติ อังกฤษ ชุดทำศึก ยูโร 2024