หลังจากพวกพรี่ๆ เขา "คาบ้าน" ไปก่อนตอนคืนวันเสาร์
หาก แมนฯ ยูไนเต็ด ยัดเยียดความปราชัยให้ผู้มาเยือนอย่าง เวสต์แฮม ไม่สำเร็จ หรือทะลึ่งคาบ้านเหมือนกัน รับรองได้เลยว่า....หนักแน่
แต่สุดท้าย พลพรรคปีศาจแดงก็เฉือนเอาชนะขุนค้อนไปได้อย่างหวุดหวิด
และนี่คือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก
1. ทันทีที่รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถูกประกาศออกมาก่อนเกมก็เกิดความฮือฮาไปทั้งแผ่นดิน
เมื่อปรากฏชื่อของ แฮร์รี่ "เดอะ คิง" แม็กไกวร์ ลงเป็นตัวจริงแทนที่ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่เข้าใจว่าน่าจะมีอาการบาดเจ็บ
เท่านั้นไม่พอ
จอมหมุน 720 องศาอย่าง อันโตนี่ ก็ไม่มีชื่อในทีมชุดนี้ทั้งตัวจริงและตัวสำรอง
มองโลกในแง่ดีว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บแล้วกัน หรือไม่ก็มีอาการวิงเวียนศีรษะตกค้างมาจากการหมุนรอบตัวเองเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา - หวังว่าคงมิได้ถูก เอริค เทน ฮาก ลงโทษ
ข้อหา 'มึงจะหมุนหาป้ามึงเหรอครับ' จนต้องส่ง แอนโธนี่ อีลันก้า ลงมาแทนในตำแหน่งหน้าขวา
ระบบการเล่นเหมือนเดิมคือ 4-2-3-1 โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเป็นหัวหอกตัวเป้าอีกครั้งพลางขยับเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกไปทางซ้าย
2. สิ่งที่แตกต่างจาก 2-3 เกมล่าสุด คือ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นบอลช้าๆ อย่างระมัดระวัง และไม่ได้โหมกระหน่ำพลางพุ่งเข้าบดบี้ใส่คู่แข่งแบบเต็มกำลังสักเท่าไหร่
บางทีอาจเพราะลงเล่นติดต่อกันมาแบบซอยยิกๆๆๆๆ หลายนัด แถมวันพฤหัสฯ นี้มีศึกสำคัญกับ เรอัล โซเซียดาด ใน ยูโรปา ลีก รออยู่อีกจึงจำเป็นต้องเซฟแรงเอาไว้บ้าง
รูปเกมที่ออกมาจึงดูเนือยๆ ไปหน่อย โดยเน้นเกมรุกทางฝั่งซ้ายเป็นพิเศษ เพราะทางขวาปราศจากปีกจอมหมุนสายพันธุ์แซมบ้านี่แหละ
อย่างไรก็ตาม
ด้วยคุณภาพและระดับชั้นของผู้เล่นที่เหนือกว่า ก่อนหมดครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ชิงจังหวะขึ้นนำ 1-0 จนได้จากการทะยานเข้าโขกลูกจมตาข่ายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด
3. การลงมาในครึ่งหลัง ด้วยสกอร์นำ 1-0 ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ง่ายขึ้น และไม่กดดันมากนัก ขณะที่ เวสต์แฮม พยายามเร่งเกมรุกมากขึ้นตามธรรมชาติของทีมที่ต้องการทวงประตูคืน
ความน่าสนใจอยู่ตรงนี้ครับทุกท่าน
เมื่ออาการของผู้มาเยือนกระเตื้องขึ้น ครองบอลบุกได้มากขึ้นคำถามคือผู้เป็นกุนซือปีศาจแดงจะแก้ไขสถานการณ์แบบนี้อย่างไร ???
คำตอบอยู่ที่การเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนแรก
เห็นๆ กันอยู่นะครับว่า แอนโธนี่ อีลันก้า ทำตัวไม่มีประโยชน์จนสมควรถูกถอดออกจากสนาม
บนม้านั่งสำรองก็มีผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันอย่าง เจดอน ซานโช่ และอเลฮานโดร การ์นาโช่ วางตูดอยู่แท้ๆ
ทว่า เอริค เทน ฮาก กลับเลือกที่จะส่งมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงมาแพ็คเกมในแดนกลางพลางขยับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ออกไปทางขวา
แทนที่เกมจะดีขึ้นกลับกลายเป็นรองมากกว่าเดิม
ว่าแล้วกุนซือชาวดัตช์ก็แก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง
คราวนี้ คริสเตียน เอริคเซ่น ที่ขึ้นไปเป็นหน้าต่ำถูกกระชากออก แล้วส่ง เฟร็ด ลงไปช่วยเกมรับอีกคน
เมื่อมีคู่หู 'แม็คเฟร็ด' อยู่ด้วยกันในแดนกลาง แล้วมันจะไปคุมเกมเหนือกว่าคู่ต่อสู้ได้อย่างไรล่ะครับคุณ
เกมจึงเป็นรองหนักกว่าเดิมอีก !!!
4. ชัดเจนนะครับว่า เอริค เทน ฮาก เลือกที่จะให้ลูกทีมเล่นแบบ 'รักษาสกอร์' มากกว่าเล่นเพื่อเอาประตูเพิ่ม
เมื่อเลือกแบบนั้น มันจึงเป็นเหตุผลที่บอกว่าทำไมช่วงท้ายเกม ผู้มาเยือนจาก ลอนดอน จึงเป็นฝ่ายบุกขย่มใส่เจ้าถิ่นอยู่เพียงข้างเดียว
เดชะบุญที่แผงหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำหน้าที่ได้แบบไม่มีอะไรผิดพลาดทุกคน เฉพาะอย่างยิ่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้หลายจังหวะ ขณะที่ปราการหลังอย่างไอ้หัวแตงโมก็ไม่ทำอะไรที่เฟอะฟะออกมา
ฟูลแบ็ค 2 ข้างอย่าง ดิโอโก้ ดาโลต์ กับ ลุค ชอว์ ก็ช่วยได้เยอะ
เหนือสิ่งอื่นใดคือนายทวารอย่าง ดาบิด เด เคอา ที่โชว์ฟอร์มวานรเทวดา สำแดง 'ซูเปอร์เซฟ' ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตูแบบเห็นๆ ถึง 3-4 จังหวะ
เรียนตามตรงว่าถ้าไม่ได้นายทวารอย่าง 'เฮียเดฟ' มาช่วยเซฟ ปีศาจแดงเด๊ดห่าไปแล้ว !!!
5. ฟอร์มการเล่นโดยรวมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ค่อยน่าประทับใจในรูปทรงสักเท่าไหร่นะครับ
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนตัว เพื่อแก้เกมของผู้จัดการทีมที่ดันทำให้ลูกทีมกลายเป็นรองคู่แข่งมากขึ้น...ซะอย่างนั้น
แถมไม่กล้าแตะต้อง 'พี่โด้' ที่พลังหมดแล้วอีกต่างหาก
แต่ในเมื่อสุดท้ายแล้วตัวเองเป็นผู้ชนะ แถมชนะแบบไม่เสียประตูด้วยก็ถือว่ารอดตัวไปนะครับ
เล่นไม่ค่อยดีแล้วมีชัยมันย่อมดีกว่าเล่นดีแล้วไม่ชนะแน่นอน
บอ.บู๋