จริงๆจะพูดว่าไม่เกี่ยวก็คงไม่ได้ แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลที่ แมนฯ ซิตี้ ได้ยื่นเรื่องของฟ้องพรีเมียร์ลีกจนเป็นข่าวใหญ่โตก็มาจาก115ข้อกล่าวหาของพวกเขา นั่นทำให้เชื่อกันว่าผลที่ออกมาชนะหรือแพ้ก็จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เกมลูกหนังลีกมหาชนเคยมีมา
บางตัวหนังสือถึงขนาดเขียนไว้แบบนี้ "civil war in English football’s top flight"
ใช่ ทำไมถึงมีการตีความว่ามันคือสงครามกลางเมืองในลีกสูงสุดอังกฤษก็เพราะทางสโมสรที่เพิ่งฉลองถ้วยแชมป์ลีกไปหมาดๆต้องการให้ยกเลิกกฎ 'APT' (Associated Party Transaction) ต้องการที่จะยึดอำนาจเต็มใบด้วยการเอาเงินสนับสนุนจากทางกลุ่มอาหรับมาใช้ได้เต็มที่
กฎ APT นี้ถูกนำมาใช้ตอนปลายปี 2021ภายหลังจาก นิวคาสเซิ่ล โดนทางซาอุฯ เข้าครอบครอง หลายสโมสรก็วิตกว่าขืนไม่ทำอะไรกันเลย ต่อไปลีกก็จะแข่งขันกันอยู่สองทีมหรือสองรัฐ
ยูเออี v ซาอุ
ความที่ อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป (ADUG) เป็นเบื้องหลังสำคัญเลยที่ส่งเงินให้ทีมเรือใบสีฟ้า ยกตัวอย่างสปอนเซอร์คาดหน้าอกสายการบินเอติฮัด จากการเปิดงบดุลซีซั่น 2022/23 ก็พบว่าพวกเขามีรายได้สูงถึง 712.8 ล้านปอนด์เฉพาะจากพวกสินค้าหรือสปอนเซอร์ สูงกว่า แมนฯ ยูไนเต็ดถึง 13%
จะเรียกว่ากลยุทธก็ได้ เหล่เหลี่ยมก็ดีที่พวกเขาสะท้านเต็มอกว่าให้สู้หมัดต่อหมัดก็ย่อมไม่มีทางทำยอดได้เท่านี้ จะความจุสนาม การขายสินค้าที่ระลึกหรือการตลาดดึงดูดกองเชียร์ต่างชาติย่อมยังเทียบเพื่อนร่วมเมืองผีแดงไม่ได้อยู่แล้ว นี่ยังไม่ต้องนับ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล อีก ดังนั้นวิธีการของพวกเขาคืออาศัยเงินจากสปอนเซอร์เป็นหลัก
พวกเขาเองก็เชื่ออีกว่ากลุ่มอาบูดาบีควรจะสามารถนำเงินที่มีออกมาใช้เท่าไรก็ได้ตามที่พวกเขาคิดว่าสมควร
นั่นจึงทำให้ทีมแชมเปี้ยนของอังกฤษต้องกว้านจ้างทนายความที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดเข้ามาเพื่อฟ้องพรีเมียร์ลีกภายใต้หัวข้อ "tyranny of the majority" (เผด็จการจากคนหมู่มาก)
อืมมมม
อีกหนึ่งเหตุผลก็มาจากที่ทุกวันนี้กฎการเงินทำให้มีตัวอย่างไปแล้วเช่น เอฟเวอร์ตัน กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เจอตัดแต้ม ฤดูกาลที่กำลังมาถึงก็เป็นเลสเตอร์ ทีมน้องใหม่อีกทีมที่เตรียมขึ้นเขียง
ในอนาคตก็มีโอกาสจะมีอีกหลายทีมเลยเจอลงโทษดังนั้นทางซิตี้จึงชักธงเป็นผู้นำต้องการเปลี่ยนกฎ จึงว่ากันว่าก็มีบางสโมสรที่พร้อมเดินตามหลังซิตี้ในเคสนี้
อย่างต่อมาก็แน่นอนว่าทางผู้บริหารของเรือใบย่อมปรึกษาทีมทนายมารอบคอบโดยค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้วว่าจะต้องชนะคดีนี้
ครับ เกมฟุตบอลที่เกิดจากชนชั้นแรงงานก่อนที่แพร่ความนิยมไปทั่วโลกได้เดินทางมาถึงจุดที่ทำให้ความสนุกลดลงไป
เอาแค่ตรงนี้ก่อนนึกภาพว่าสมมติ แมนฯ ซิตี้ ชนะคดีนี้ขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น?
เอาแค่นึกว่าทำไมทีมที่เจอถึง 115 ข้อหา ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้มาหลายปี ขณะที่ทีมที่เพิ่งเจอตรวจสอบต่างเจอลงโทษตัดแต้มไปเรียบร้อย
กระทั่งบทสัมภาษณ์ของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่พูดไว้กับสื่อท้องถิ่นเบลเยี่ยมเองก็ทำให้ต้องโก่งหัวคิ้วสูงถึงความเป็นไปได้ที่จะเก็บเสื้อผ้าไปค้าแข้งในลีกซาอุฯ "ด้วยอายุของผมขนาดนี้ก็ต้องเปิดใจกับทุกสิ่ง คุณต้องคุยถึงเม็ดเงินมหาศาลที่กำลังเข้ามาในทางบั้นปลายของอาชีพ ถ้าผมไปเล่นที่นั่นสองปีก็จะทำเงินได้มากมายโดยที่ก่อนหน้านั้นต่อให้ผมเล่นมา15ปีก็หาได้ไม่มากเท่า"
ถูกต้อง เราคาดหวังอะไรได้อีกนับจากนี้
ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณจะยึดถือคติใดคอยสอนใจก็ตามแต่หากคุณได้รักชอบสิ่งใดหัวปักหัวปำแล้วก็ย่อมไม่อยากสูญเสียสิ่งนั้นไป
ถ้าแมนฯซิตี้ทำได้สำเร็จเหมือนกับที่พวกเขาทำได้ในสนาม ลีกที่พวกเราเฝ้าติดตามอย่างคลั่งไคล้ก็จงเปลี่ยนชื่อซะเถอะเป็น"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แอนด์ พรีเมียร์ลีก"
"ไก่ป่า"