ลิเวอร์พูล : คำร่ำลา-การฝากฝังของ คล็อปป์ มีความนัยหลายๆอย่างซ่อนอยู่

ลิเวอร์พูล : คำร่ำลา-การฝากฝังของ คล็อปป์ มีความนัยหลายๆอย่างซ่อนอยู่
ถอดคำพูดวันอำลา ลิเวอร์พูล .. คล็อปป์บอกอะไรเราบ้าง

ผมคิดว่าเราสามารถเรียนรู้ลงไปได้อีกจากคำพูดอำลาของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลางสนามแอนฟิลด์เมื่อคืนวันอาทิตย์

ในคำร่ำลาและการฝากฝังนั้น มีความนัยหลาย ๆ อย่างซ่อนอยู่

เขายังคงสอนเราด้วยทัศนคติของเขา ยังคงแนะนำเราโดยไม่จำเป็นต้องพูดตรง ๆ

มันยังคงเต็มไปด้วยความหวังดี หวังดีต่อทีม หวังดีต่อแฟนบอล หวังดีต่อพวกเราทุก ๆ คน

---------

นี่คือคำพูดของเขาในวันนั้นครับ..

"ผมคิดว่าร่างผมคงแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซะแล้ว แต่ก็ไม่แฮะ ผมมีความสุขมาก ๆ เลย มันน่าเหลือเชื่อนะ ผมมีความสุขเพราะพวกคุณทุกคน เพราะบรรยากาศ เพราะเกม เพราะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ เพราะพวกเรา"

(I thought I would already be in pieces, but I’m not, I’m so happy. I can’t believe it, I’m so happy about you all, the atmosphere, the game, about being part of this family, about us)

"การฉลองอย่างที่เราทำกันในวันนี้ มันแสนวิเศษจริง ๆ ขอบคุณมาก ๆ"

(How we celebrated this day, it’s just incredible. Thank you so much)

(พิธีกรถามเรื่องถ้าย้อนกลับไปเตะใหม่ได้สักเกมที่แอนฟิลด์)

"เกมที่เสมอกับซิตี้สักเกมนั่นแหละ มันอาจจะทำให้อะไรดีขึ้นกว่านี้มั้ง"

(One of the City games we drew! That would’ve helped, eh!)

"ขอบคุณที่ไม่สนใจอะไรเลยกับคำขอของผมตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ว่าอย่าร้องเพลงผม" (ฮา)

(Thanks for ignoring my request to not sing my song completely for weeks)

(หลังพูดประโยคนี้จบ แฟนบอลก็ตะโกนร้องเพลง "I'm so glad. That Jurgen is a red" นานร่วมนาที)

"ถ้าพวกคุณร้องเพลงนี้อีกในปีหน้ามันคงบันเทิงน่าดูนะ!" (ฮา)

(If you sing it next year, that would be funny!)

"ผมไม่ได้รู้สึกว่าเป็นวันสิ้นสุดเลย มันเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ต่างหาก"

(It doesn’t feel like an end, it just feels like the start)

"วันนี้ผมเห็นทีมฟุตบอลที่เต็มไปด้วยผู้เล่นที่มีความสามารถ ยังหนุ่มแน่น เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แรงปรารถนา และความกระหาย (เสียงปรบมือดังกึกก้อง) เรื่องเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาทั้งนั้น"

(I saw a football team today full of talent, youth, creativity, desire and greed. That’s one part of development, that’s what you need)

"ผมได้รับความสนใจมากเกินไปในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มันก็อึดอัดอยู่บ้างนะ แต่ถึงตอนนี้ผมได้เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างเลย"

(Since a few weeks, I got too much attention, it feels really uncomfortable, but in this time I realised a lot of things)

"ผู้คนพากันบอกว่าผมเปลี่ยนพวกเขาจากคนที่สงสัยเป็นคนที่มีความเชื่อ ไม่หรอก มันไม่จริงเลย เดี๋ยวก่อน ๆๆ" (ปรามเสียงปรบมือที่ดังขึ้น ประมาณว่าผมยังพูดไม่จบ รอให้ผมพูดจบก่อน)

(People told me I turned them from doubters to believers. That’s not true. Wait wait wait..)

"การเป็นคนที่มีความเชื่อนั้นเป็นพฤติกรรมที่คุณต้องทำมันขึ้นมาเอง ผมแค่บอกว่าเราต้องทำ แต่คุณต่างหากที่เป็นคนทำมันได้ มันไม่เหมือนกันนะ"

(Believing is an active act, you have to do it yourself. I just said we have to, you did it. That’s a big difference)

"ไม่มีใครบอกคุณให้หยุดเชื่อได้ สโมสรแห่งนี้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดกว่าทุก ๆ ช่วงที่ผ่าน.. เอ่อ.. อาจจะต้องถามเคนนี่ แต่เอาเป็นว่าในช่วงเวลานานเอาเรื่องก็แล้วกัน"

(Nobody tells you now to stop believing. This club is in a better moment than ever, maybe not ever, I’d have to ask Kenny, but since a long time!)

"เรามีสนามฟุตบอลที่วิเศษแห่งนี้ เรามีศูนย์ฝึกซ้อมที่ยอดเยี่ยม และเรายังมีพวกคุณ พลังอันยิ่งใหญ่ในโลกของฟุตบอล ว้าว"

(We have this wonderful stadium, this wonderful training centre, we have you. The superpower of world football, wow)

(หลังพูดประโยคนี้จบ แฟนบอลก็ตะโกนร้องเพลง "We are the famous, the famous kopites")

"เราเองที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะกังวลหรือตื่นเต้นไปกับมัน เราเองต่างหากที่จะเป็นคนเลือกว่าจะยังมีความเชื่อหรือไม่ เราจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าเรายังจะมั่นคงต่อไปหรือเปล่า"

(We decide if we are worried or excited, we decide if we believe or not. We decide if we trust or don’t trust)

"และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมก็เป็นพวกเดียวกับคุณแล้ว และผมจะยังรักษาความเชื่อที่มีต่อคุณ ผมจะยังคงเป็นคนที่มีความเชื่อ ร้อยเปอร์เซนต์เลย"

(And since today, I am one of you, and I keep believing in you. I stay a believer, 100 percent)

"ผมมองเห็นหลาย ๆ คนร้องไห้ มันจะเกิดขึ้นกับผมด้วยเหมือนกันในคืนนี้เพราะผมคิดถึงพวกคุณทุกคน รับประกันได้เลย"

(Obviously I saw a lot of people crying, that will happen to me tonight because I will miss people, that’s clear)

"ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี คุณแค่ไม่รู้ว่ามันมีอะไรรออยู่ แต่ถ้าคุณเผชิญหน้ากับมันด้วยทัศนคติที่เหมาะสม ทุก ๆ อย่างก็จะไปได้ด้วยดี นั่นคือเรื่องพื้นฐานเลย มันอยู่ตรงนั้น"

(Change is good, you just never know what to expect. But if you go with the right attitude into that then everything will be fine, the right basis is 100 percent there)

"นั่นคือทีมและโค้ชคนใหม่ เอ้อ.. ผู้จัดการทีมคนใหม่ ขอโทษที ผู้จัดการทีม"

(That’s the team and the new coach, oh.. manager, sorry, manager)

"และคุณต้องไม่ว่ากันนะถ้าผมอยากจะให้พวกคุณร้องเพลงสักหน่อย เพราะผมมีความคิดอะไรบางอย่าง วันนี้ผมได้ยินเพลงนี้ในบางช่วง พวกคุณร้องมันได้เลยผมไม่มีปัญหาอะไร ไหนเรามาลองดูกันหน่อยซิว่ามันจะเป็นยังไง"

(And you didn’t give a sh*t what I wanted you to sing, but I have an idea. I heard the same today a few times, you can do that I have no problem with that, but let’s see how the response will be)

"อาร์เน่อ สล็อต หล่า ลา ลา ล้า หละ.. อาร์เน่อ สล็อต หล่า ลา ลา ล้า หละ"

(ARNE SLOT! NA, NA, NA, NA.. ARNE SLOT! NA, NA, NA, NA)

"ลองนึกดูสิว่าเมื่อฤดูกาลใหม่เริ่มขึ้นและพวกคุณไม่ได้เก้ ๆ กัง ๆ แต่พร้อมลุยใส่เต็มตัวเลยมันจะเป็นยังไง ขอให้คุณต้อนรับผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างที่ต้อนรับผม แล้วใส่กันสุดตัวตั้งแต่วันแรก!"

(Imagine the next season starts and you are not waiting for what’s going on, no, you go full throttle into it! You welcome the new manager like you welcomed me. You go all in from the first day!)

"ถ้าเจอกับความยากลำบาก ขอให้คุณยังเชื่อมั่น ผลักดันทีม คุณจะไม่รอให้มีประตูเกิดขึ้นก่อนหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่พร้อมลุยไปด้วยกันเลยตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ"

(When it’s hard, you keep believing. You push the team, you wait not for the goal or whatever. Be on your toes before we start)

"พวกเรา.. ผมใช้คำนี้เพราะตอนนี้ผมเป็นพวกเดียวกับคุณแล้ว ผมโคตรรักพวกคุณเลย"

(We, because I am one of you now. I love you to bits)

"เสื้อตัวที่ผมใส่อยู่นี้เขียนไว้ว่า 'Thank you, Luv' and 'I will Never Walk Alone Again' ขอบคุณมาก ๆ พวกคุณคือผู้คนที่ดีที่สุดในโลกใบนี้เลยจริง ๆ"

(On my jumper is 'Thank you, Luv' and 'I will Never Walk Alone Again'. Thank you for that, you are the best people in the world)

"ขอบคุณครับ"

(THANK YOU!)

---------

นี่คือสปีชหรือคำพูดที่กินเวลาประมาณ 7-8 นาที แต่ซ่อนไว้ซึ่งคำแนะนำและคุณลักษณะที่เราสามารถยึดถือเป็นแบบอย่างได้มากมาย

เขายังคงมีอารมณ์ขัน.. ตอนที่อำตัวเองเรื่องขอให้แฟนบอลอย่าร้องเพลงเชียร์ตน

เขายังคงถ่อมตัว.. ตอนที่พูดถึงประโยคอมตะว่า คุณต้องเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเชื่อ

เขายังคงไม่ได้คิดถึงตัวเองเป็นอันดับแรก.. ตอนที่พูดถึงสโมสรและอนาคตที่รออยู่สำหรับสโมสรแห่งนี้

เขายังคงให้เกียรติคนที่อยู่มาก่อน.. ตอนที่พูดถึงความแข็งแรงของทีมในเวลานี้แล้วนึกถึง เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ที่มาร่วมงานด้วย

เขายังคงคิดถึงสโมสรมาก่อน.. ตอนที่กระตุ้นให้ทุกคนทำตัวให้พร้อมที่สุดตั้งแต่ก่อนเกมแรกมาถึง อย่ารอให้ประตูเกิดขึ้นก่อนเพื่อจะได้ดีใจ แต่จงช่วยกันสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน

เขายังคงผลักดันผู้คน.. ตอนที่พูดถึงการหนักแน่นในความเชื่อ อย่าหวั่นไหวไปกับอารมณ์สั่นคลอนที่อาจเกิดขึ้นจากผลการแข่งขันที่ไม่เป็นใจ

เขายังคงช่วยสลายกำแพงแห่งการตั้งแง่.. ตอนที่ชวนเดอะค็อปร้องเพลง อาร์เน่อ สล็อต

เขายังคงให้กำลังใจทุกคน.. ตอนที่พูดถึงการอย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง

เขาไม่ลืมที่จะเตือนทุกคนถึงเรื่องสำคัญที่สุด เป็นคีย์เวิร์ดในทัศนคติที่จะมัดใจทุกคนให้ก้าวเดินไปด้วยกัน นั่นคือ "ความเชื่อ"

งอย่าทิ้งความเชื่อ ขอให้เชื่อต่อไปอย่างที่เคยเชื่อ เชื่อในแนวทาง เชื่อในการทำงาน เชื่อในตัวเอง เชื่อในทีม เชื่อในกันและกัน

ทำตัวเองให้พร้อม และจุดระเบิดกันเลยตั้งแต่วันออกตัว..

ในวันอำลาที่แสงสปอตไลต์ทุกลำพุ่งมาที่เขา เขาพูดถึงตัวเองเพียงแค่ความอึดอัดจากการเป็นที่พูดถึงมากเกินไป และการที่เขาจะร้องไห้แน่ ๆ ในคืนนั้นเท่านั้น

เพราะกระทั่งพูดถึงความสุข เขายังบอกว่ามันมาจากพวกคุณทุกคน จากการได้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้

เวลาเกือบทั้งหมดถูกอุทิศให้กับการพูดถึงคนอื่น.. พูดถึงเดอะค็อป พูดถึงอนาคตของสโมสร ให้กำลังใจคนที่เริ่มกังวลอีกครั้ง สร้างความอุ่นใจด้วยการกระโจนเข้าร่วมเป็นพวกเดียวกัน

เป็นสะพานเชื่อมสู่ผู้จัดการทีมคนใหม่ ปลุกเร้าทุกคนให้พร้อมสำหรับภารกิจใหญ่ที่ยังคงรออยู่ และกล่าวคำขอบคุณ

ในวันอำลาของตัวเอง คล็อปป์กลับพูดถึงตัวเขาเองน้อยมาก

เหตุผลนั้นง่าย ๆ.. ก็เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เขาแคร์ สิ่งที่เขาแคร์คือลิเวอร์พูลต่างหาก

เขาแคร์ทุกสิ่งอย่างรอบข้างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นลิเวอร์พูล แคร์ลูกทีม แคร์แฟนบอล แคร์สโมสร แคร์กระทั่งคนที่จะเข้ามาทำงานต่อจากเขาซึ่งเขารู้ดีว่าเป็นงานหนักมหาศาล

"เสื้อตัวที่ผมใส่อยู่นี้เขียนไว้ว่า 'Thank you, Luv' and 'I will Never Walk Alone Again’"

เขาทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น บางทีนอกจากจะเป็นข้อความแทนคำขอบคุณแล้ว มันยังอาจเป็นการตอกย้ำให้ทุกคนยึดมั่นกับสิ่งที่ควรจะเป็นสำหรับสโมสรแห่งนี้ด้วย

อย่าปล่อยให้ใครต้อง walk alone อีก

คุณอาจจะมีความไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้ผมอยู่กับพวกคุณแล้วนะ เป็นพวกเดียวกับคุณแล้ว

เป็นเดอะค็อปเต็มตัว เป็น "The 'Normal one' Kop"

ลุยไปด้วยกันต่อ ผมอยู่ข้าง ๆ พวกคุณตรงนี้ไม่ได้ไปไหน และมั่นใจได้เลยว่าเดอะค็อปคนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้ใครต้องเดินเดียวดายอีก


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport