ผีแพ้น้อยแต่แพ้นะ,รถแห่แชมป์ล้อหมุน?! 5 ประเด็นเกม แมนยู พบ อาร์เซน่อล

ผีแพ้น้อยแต่แพ้นะ,รถแห่แชมป์ล้อหมุน?! 5 ประเด็นเกม แมนยู พบ อาร์เซน่อล
แมนยู เดินหน้าสานต่อผลงานอันแสนเลวร้ายตามคาด แต่ที่ผิดคาดเล็กน้อยคือพวกเขาพ่าย อาร์เซน่อล ทีมที่มีลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ด้วยสกอร์ที่จุ่มจิ๋มแค่ 1-0 เท่านั้นในการฟาดแข้งที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค.ซึ่งการันตีว่าทีม ปืนใหญ่ จะได้ลุ้นแย่งแชมป์กับ แมนซิตี้ ไปจนถึงเกมปิดซีซั่นวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.นี้อย่างแน่นอนแล้ว ขณะที่ ผีแดง มีปัญหาในเรื่องการจบสกอร์อย่างแท้จริงแม้จะหาโอกาสสับไกในเกมนี้ได้มากกว่าผู้มาเยือน

1. แมนยูหันพึ่ง อาหมัด ส่งลงบู๊ตัวจริง

เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจเลือกใช้บริการ อาหมัด ดิยัลโล่ ด้วยการส่งดาวเตะทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ลงเล่นเป็นตัวจริงในศึก พรีเมียร์ลีก นัดแรกของซีซั่นนี้

นอกจากนี้ ผีแดง ยังใช้งาน โซฟียาน อัมราบัต กองกลางทีมชาติ โมร็อกโก ออกสตาร์ตอีกราย พร้อมทั้งได้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ หายเจ็บกลับมาลงสนามโดยกองกลางทีมชาติ สกอตแลนด์ ได้สวมปลอกแขนกัปตัน

อย่างไรก็ดี เจ้าบ้านยังไม่มี บรูโน่ แฟร์นันด์ส จอมทัพคนสำคัญที่บาดเจ็บจนพลาดลงเล่นนัดก่อน และส่งผลให้ทีมออกไปแพ้ คริสตัล พาเลซ อย่างไม่มีชิ้นดี 4-0 เช่นเดียวกับ เมสัน เมาท์

ขณะเดียวกัน เร้ด เดวิลส์ ยังปราศจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ซึ่งไม่มีชื่อนั่งข้างสนามทั้งคู่แม้จะกลับมาลงซ้อมได้แล้วก็ตาม

สำหรับ ดีโอโก้ ดาโลต์ เกมนี้เขาลงเล่นให้  แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึก พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 50 พอดี และเป็นดาวเตะโปรตุกีสรายที่สี่ของสโมสรที่ผ่านหลักนี้ต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (123นัด) , บรูโน่ แฟร์นันด์ส (79นัด) และ นานี่ (74นัด)

2. ปืนใหญ่ใช้ชุดถล่ม บอร์นมัธ ปะทะผี

มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่ อาร์เซน่อล ยังยึดมั่นในขุมกำลังชุดล่าสุดจากเกมเปิดบ้านไล่ต้อน บอร์นมัธ สบายเท้า 3-0 บุกมาฟาดแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

จากโผตัวจริงของ เดอะ กันเนอร์ส หมายความว่าสองคีย์แมนทั้ง มาเคฮิโระ โทมิยาสึ และ บูคาโย่ ซาก้า ที่มีปัญหาด้านความฟิตฟื้นตัวทันลงเล่นเป็น 11 คนแรกได้เช่นเดิม

3. ฮาแวร์ตซ์ สร้างความแตกต่าง

ว่าตามจริง ก่อนเสียประตูให้ อาร์เซน่อล ยิงนำอย่างง่ายดายในนาทีที่ 20 แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มตั้งลำได้ และมีโอกาสบุกไปคุกคามทีม ปืนใหญ่ ได้ด้วย แต่บทจะเสียประตูก็ตาข่ายขาดง่ายเกินคาดจากจังหวะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ทะยานขึ้นมาทางขวาแล้วปาดบอลจากเส้นหลังมาหน้าประตูให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ เข้าฮอสเผาขนอย่างง่ายดาย

จากประตูออกนำ 1-0 ของ เดอะ กันเนอร์ส ทำให้สตาร์ทีมชาติ เยอรมัน จัดแอสซิสต์ในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้เพิ่มเป็น 7 ประตูแล้วมากกว่าตลอดสามซีซั่นแรกที่เขาค้าแข้งในลีกเมืองผู้ดีกับ เชลซี สโมสรร่วมเมืองด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกัน ทรอสซาร์ สอยตาข่ายเม็ดนี้ได้เป็นเม็ดที่สามของเกม พรีเมียร์ลีก จากสี่นัดหลังจึงถือว่าพ่อค้าแข้งทีมชาติ เบลเยี่ยม เป็นดาวเตะทีม ปืนใหญ่ อีกรายที่อยู่ในช่วงมีฟอร์มคลำเป้าที่น่ายำเกรง

อย่างไรก็ดี เป็นอย่างที่บอกว่า เร้ด เดวิลส์ เล่นได้ไม่เลวสำหรับเกมนี้ และดีเกินคาดด้วยซ้ำไปเนื่องจากจบครึ่งแรกทีมเจ้าบ้านครองบอลได้มากกว่าในสัดส่วน 54.9%:45.1% แถมได้ยิง 8 ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบเลย ขณะที่ทีมเยือนได้ยิง 5 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง

จากการโดนคู่แข่งหาช่องส่องยิงมากถึง 8 ครั้งของ อาร์เซน่อล ถือเป็นสถิติในครึ่งแรกที่แย่ที่สุดของพวกเขาสำหรับเกม พรีเมียร์ลีก ของซีซั่นนี้เทียบเท่าเกมบู๊กับ สเปอร์ส เมื่อเดือนเม.ย.ซึ่ง เดอะ กันเนอร์ส โดน ไก่เดือยทอง ยิงใส่ 8 หนเช่นกันหลังจบ 45 นาทีแรก

ในทางกลับกัน ผีแดง ได้ยิง 8 ครั้งในเกมครึ่งแรกของศึก พรีเมียร์ลีก แต่ส่งบอลเข้ากรอบไม่ได้เลย และมันเป็นผลงานที่เลวร้ายของสโมสรนับตั้งแต่เกมบู๊กับ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนส.ค.2019 ซึ่งคราวนั้น เร้ด เดวิลส์ หาโอกาสยิงประตูได้ 9 ครั้งในครึ่งแรก แต่ส่งบอลเข้ากรอบไม่ได้เช่นกัน

4. ไร้ บรูโน่ ปืนโตไม่สะท้าน

ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็หนีไม่พ้นเพิ่มสถิติที่ย่ำแย่แพ้เกมลีกซีซั่นนี้เป็นนัดที่ 14 เข้าไปแล้วจากการพ่าย อาร์เซน่อล คารัง 1-0 แม้จากรูปเกมโดยรวม ทีมของ เทน ฮาก จะเล่นได้ดีกว่านัดก่อนที่ออกไปแพ้ คริสตัล พาเลซ เละเทะ 4-0 

จะอย่างไรก็ตาม แม้สถิติหลากหลายในเกมนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเหนือกว่า อาร์เซน่อล แต่สิ่งที่พวกเขาขาดหายไปคือไอเดียในการพังประตูคู่แข่งซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผีแดง ชุดนี้ขาดใครก็ได้ แต่จะขาด แฟร์นันด์ส ไม่ได้เด็ดขาดเนื่องจากสองเกมที่ผ่านมาพวกเขาทำประตูคู่แข่งไม่ได้เลย

โดยเฉพาะเกมบู๊กับ อาร์เซน่อล ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมของ อาร์เตต้า เกร็งกันพอสมควรเนื่องจากมีผลงานไม่สู้ดีในยามบุกมาเล่นที่ โรงละครแห่งความฝัน และแม้จะออกนำก่อนแต่ทีมจากลอนดอนออกอาการไม่กล้าได้กล้าเสียเหมือนหลายเกมที่ผ่านมาอันทำให้เจ้าบ้านมีโอกาสทำประตูตีเสมอ แต่การปราศจาก "เดอะแบก" จอมทัพคนสำคัญชาวโปรตุกีสที่เป็นทุกอย่างให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งยิงประตู ยิงลูกโทษ ยิงลูกฟรีคิก และสร้างโอกาสทำให้ เร้ด เดวิลส์ ไม่มีปัญญาตีเสมอแม้จะหาโอกาสสับไกได้มากกว่าอาคันตุกะ

และที่สำคัญ เกมนี้จะเห็นได้ว่า อเลฮานโดร การ์นาโช่ มีโอกาสทำประตูให้ทีมเจ้าบ้านมากที่สุด แต่ปีกอาร์เจนไตน์ไม่มีความหลากหลายในการจบสกอร์ แถมไร้ความเฉียบขาดในการสับไก อาร์เซน่อล ซึ่งมีเกมรับที่ดีที่สุดในลีกซีซั่นนี้จึงรักษาสกอร์นำได้อย่างไม่มีปัญหา และคว้าชัยไปในที่สุด 

สำหรับ การ์นาโช่ ถึงตอนนี้ดาวเตะเลือดฟ้าขาวต้องหัดพัฒนาฝีเท้าให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ดังจะเห็นว่าทุกครั้งที่พาบอลกระชากขึ้นกราบซ้ายได้ เจ้าหนูวัย 19 ปีไม่คิดมองหาใคร ไม่คิดประสานงานกับใคร และเลือกก้มหน้าก้มตายิงประตูตลอดเวลาเหมือนกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่มีผิด และมันจบลงด้วยการคว้าน้ำเหลวทุกครั้งชนิดที่ไม่ได้ทำให้ ดาบิด ราย่า หนักใจอะไรเลย

หลังเกมจบลง ผีแดง ยังครองบอลได้มากกว่า 54.4%:45.6% และได้ยิงมากกว่าเช่นกัน 14- 11 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบเป็นรอง 5-2 ครั้ง และพ่ายไปตามระเบียบเนื่องจากไม่มีนักเตะคนไหนเป็นที่พึ่งในการจบสกอร์ได้

ด้าน อาร์เซน่อล หลังบุกมาเฮที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พวกเขาเพิ่มผลงานน่ายำเกรงจากการกำชัยในศึก พรีเมียร์ลีก ได้ครบทุกนัดของซีซั่นนี้หากมีสกอร์นำคู่แข่งก่อนหลังจบครึ่งแรกรวมเกมล่าสุดนี้เป็นนัดที่ 18 เข้าไปแล้ว แถมไม่แพ้นานถึง 45 นัดเช่นกันหากเป็นฝ่ายนำหน้าในช่วง 45 นาทีแรก (ชนะ 42 เสมอ 3)

5. รถแห่เตรียมออกสตาร์ต??

หลังบุกมาคว่ำ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ ส่งผลให้ อาร์เซน่อล กลับไปนำเป็นจ่าฝูงอีกรอบเหนือ แมนฯ ซิตี้ ที่ยังไม่ลงสนามหนึ่งแต้ม พร้อมทั้งมีประตูได้เสียที่ดีกว่า เรือใบสีฟ้า

ด้วยเหตุนี้ มันจึงหมายความว่าทีมของ อาร์เตต้า ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก เต็มตัวแล้ว และมันแจ๋วกว่าซีซั่นก่อนด้วยที่พวกเขามีอันต้องอกหักโดนทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แซงหน้าเข้าเส้นชัยได้ทั้งๆที่ เดอะ กันเนอร์ส อุตส่าห์นำเป็นจ่าฝูงอยู่นานสองนาน แต่ออกอาการแผ่วปลายจนถึงขั้นไม่ได้ลุ้นแย่งแชมป์ในเกมสุดท้ายเหมือนกับคราวนี้

ถึงตอนนี้ อาร์เซน่อล จึงมีหน้าที่แค่รอลุ้นเกมที่ แมนฯ ซิตี้ จะออกไปเยือน สเปอร์ส ในนัดรองสุดท้ายวันอังคารนี้ซึ่งหากว่าแชมป์เก่าทำแต้มหลุดชนิดที่ไม่ต้องถึงกับแพ้ ไก่เดือยทอง ก็ได้ ทีม ปืนใหญ่ ก็จะได้เฮลั่นกับการมี 86 แต้มเท่ากันซึ่งหมายความว่าทีมของ อาร์เตต้า จะมีภาษีเหนือกว่าทันทีในนัดสุดท้ายด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า

และเท่าที่ผ่านมา มันเหมือนฟ้องอยู่ว่า อาร์เซน่อล มั่นใจกันอยู่ลึกๆว่าพวกเขาจะได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ไปครองอย่างแน่นอนถึงขนาดประกาศวันฉลองแชมป์ล่วงหน้าด้วยรถแห่ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันจันทร์ที่ 20 พ.ค.ทั้งๆที่ความจริงแล้ว แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสป้องกันแชมป์มากกว่าด้วยซ้ำ แต่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ซึ่งมีโอกาสซิวแชมป์เป็นสมัยที่สี่ติดต่อกันเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ยังนิ่งเฉยโดยไม่ได้ประกาศกำหนดวันแห่แชมป์ออกมาล่วงหน้าเหมือน เดอะ กันเนอร์ส ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่มีอะไรแน่นอน

จะอย่างไรก็ตาม เอาเป็นว่าไม่ว่าผลการฟาดแข้งที่ ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม  ในวันอังคารนี้จะออกมาอย่างไร แมนฯ ซิตี้ ก็จะต้องลุ้นแย่งแชมป์กับ อาร์เซน่อล ในนัดสุดท้ายอยู่ดี และเมื่อนั้นเราจะได้เห็นกันว่าทีม ปืนใหญ่ จะได้ฉลองใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีหรือว่าจะรับประทานแห้วหนักกว่าซีซั่นก่อนชนิดที่น้ำใบบัวบกก็คงช่วยอะไรไม่ได้


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport