เสียงตะโกน "โอเล่! โอเล่!" ในทุกครั้งที่นักเตะเชลซีต่อบอลช่วงหนึ่งของเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อคืนที่ผ่านมาคือความเจ็บปวดอย่างที่สุด
การตะโกน "โอเล่" เมื่อนักฟุตบอลของทีมตัวเองกำลังส่งบอลไปมาคือส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอล มีที่มาจากกองเชียร์ในสังเวียนสู้วัวกระทิงที่จะตะโกนอย่างถูกใจทุกครั้งที่มาทาดอร์ผู้สง่างามพลิ้วตัวหลบการพุ่งขวิดของกระทิงผู้น่าสงสาร
มันแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่า เก่งกว่า ควบคุมฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด และแฟนบอลอดไม่ได้ที่จะแสดงความถูกใจออกมาด้วยการตะโกน "โอเล่" ในทุก ๆ จังหวะของการส่งบอล
มันเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งของเกมเมื่อคืนวันอังคาร ตอนที่ อาร์เซน่อล นำห่าง 5-0 ไปแล้ว..
สิ่งที่ผิดแผกออกไปเพียงอย่างเดียวของเรื่องนี้ก็คือ แทนที่เสียงตะโกน "โอเล่" นั้นจะมาจากกองเชียร์ฝั่งเชลซีที่ทีมกำลังต่อบอลเข้าใส่อาร์เซน่อล มันกลับเป็นเสียงจากกองเชียร์อาร์เซน่อลเสียเอง
กองเชียร์อาร์เซน่อลตะโกน "โอเล่" เชียร์นักเตะเชลซีที่ต่อบอลเข้าใส่ทีมตัวเอง
นั่นล่ะคือความเจ็บปวด เพราะมันคือการเย้ยหยันที่บาดลึกที่สุด นักเตะเชลซีกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำประตูตีไข่แตกสักลูก แล้วทันใดเสียงตะโกน "โอเล่" จากใครสักคนในสนามก็ดังขึ้น มันถูกตอบสนองอย่างครึกครื้นจากเพื่อนร่วมอุดมการณ์ แล้วอีกเพียงไม่กี่อึดใจ เสียง "โอเล่! โอเล่! โอเล่!" ก็ดังลั่นไปทั่ว
แฟนบอลอาร์เซน่อลตะโกนเล่น "โอเล่!" ให้นักเตะเชลซี จังหวะนั้นไปจบที่ความพยายามทำประตูที่ไม่เป็นผล ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าทีมสิงโตน้ำเงินครามทำประตูได้จริง ๆ จะมีเสียงเฮให้หรือเปล่า
ผมคิดว่าด้วยอารมณ์ ณ ตอนนั้น แฟนบอลอาร์เซน่อลก็อาจจะส่งเสียงเฮให้ นำห่างสุดกู่ด้วยผลงานแบบเอ๊าต์คลาสขนาดนี้ เสียให้ทีมร่วมเมืองสักลูกคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง น่าสงสาร..
สำหรับเชลซีแล้วนี่คือเรื่องที่น่าเจ็บปวด ไม่จำเป็นต้องมาสงสารเราหรอก เราดูแลตัวเองได้
แต่ถึงอย่างไรทุกคนที่สวมชุดสีน้ำเงินลงสนามก็จำเป็นต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถ้าคุณแคร์สโมสรจริงคุณต้องเจ็บปวดอย่างที่สุดกับการหยอกล้อที่เจอจากแฟนบอลปืนใหญ่ แล้วความเจ็บปวดยิ่งต้องทบทวีขึ้นอีกเมื่อถูกตอกย้ำด้วยป้าย ๆ นั้นในมือเด็กชายคนหนึ่ง
"I don't want your shirt!! I want you to want to fight for ours"
"ผมไม่อยากได้เสื้อของพวกคุณ แค่ขอให้พวกคุณสู้เพื่อพวกเราหน่อย"
มันเป็นเกมที่เลวร้ายเข้าขั้นโศกนาฏกรรมของเชลซี พวกเขาอาจจะแพ้ได้ถึง 7-8 ลูกเลยด้วยซ้ำถ้าว่ากันตามเกมที่ปรากฏออกมา
เป็นลอนดอนดาร์บี้แมตช์ที่ห่างชั้นกันที่สุดเกมหนึ่ง สกอร์ที่ออกมานั้นเรื่องหนึ่ง แต่รูปเกมตลอด 90 นาทีนั้นบ่งชัดว่า ณ เวลานี้ อาร์เซน่อล ทิ้ง เชลซี ไปไกลแค่ไหน
-----------
กับอาร์เซน่อลเองมันคือเกมที่ยืนยันให้พวกเขามั่นใจว่าตัวเองเติบโตขึ้นจริง ๆ
ย้อนกลับไปช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อาร์เซน่อลแหกโค้งลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเอาในเดือนนี้นี่แหละ.. เมษายน
เป็นเมษายนอันน่าเศร้า เริ่มต้นงดงามด้วยชัยชนะ 4-1 เหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ 4 เกมต่อมาเก็บได้แค่ 3 คะแนน เสมอลิเวอร์พูล เสมอเวสต์แฮม เสมอเซาแธมป์ตัน และแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แชมป์พรีเมียร์ลีกหลุดลอยไปในช่วงนั้นนั่นเอง
แน่นอนมีความกังวลเกิดขึ้นอยู่บ้างเมื่ออาร์เซน่อลจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์ ยังต้องรอคอยไปอีกนานแค่ไหนไม่น่าวิตกเท่ากับว่าทีมจะยังเล่นได้แบบเดิมหรือเปล่าในซีซั่นใหม่ กูนเนอร์สแทบทุกคนคงอยากให้ทีมเล่นได้เหมือนที่เป็น สวยงาม ดุดัน ทรงพลัง มีสไตล์
จนถึงตอนนี้ความวิตกเหล่านั้นหายไปแล้ว ความกังวลจากความผิดหวังครั้งใหญ่กลายเป็นความโล่งใจ ภูมิใจ และอุ่นใจเข้ามาแทน
โล่งใจที่อาร์เซน่อลยังเล่นฟุตบอลที่สร้างสรรค์น่าดูเหมือนเดิม
ภูมิใจที่ทุกคนยังทำหน้าที่ได้ดี สปิริตทีมยังกลมเกลียว และยังคงเดินหน้าไล่ล่าความฝันไปด้วยกัน
อุ่นใจที่ทีมต่อยอดด้วยนักเตะที่ถูกต้อง ทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นไปกว่าเดิม ดีแคลน ไรซ์ ระเบิดฟอร์มได้ทันที ไค ฮาแวร์ตซ์ เครื่องร้อนช้าหน่อยแต่คุ้มค่าการรอคอย
เกมแล้วเกมเล่าที่ขุนพลปืนใหญ่ยังคงเรียกรอยยิ้มและความหวังให้เกิดขึ้นกับพวกเขา เกมยากเกมง่ายไม่เคยเห็นนักเตะของ มิเกล อาร์เตต้า ยอมแพ้
หนึ่งปีผ่านไป อาร์เซน่อลยังคงลุ้นแชมป์เหมือนเดิม และที่เพิ่มเติมเข้ามายังเป็นผลงานที่ดีขึ้นในเดือนชี้เป็นชี้ตายนี้
จากเตะ 5 ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 1 เก็บได้แค่ 6 จาก 15 คะแนนเต็ม..
เป็นเตะ 4 ชนะ 3 แพ้ 1 เก็บ 9 จาก 12 คะแนนเต็มก่อนลงสนามนัดส่งท้ายเดือนในเกมอันตรายที่สุดของฤดูกาลที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม วันอาทิตย์นี้
-----------
เกมรับมือเชลซีเมื่อคืนวันอังคารถูกจับตามองว่าเป็นหนึ่งในเกมสุ่มเสี่ยงที่สุดที่อาร์เซน่อลมีโอกาสพลาด
ด้วยการลงสนามอย่างต่อเนื่องเสาร์-พุธ-เสาร์-พุธ มาตลอดตั้งแต่กลับมาจากฟีฟ่าเดย์รอบล่าสุดปลายเดือนที่แล้ว ด้วยความยากโดยธรรมชาติของศึกดาร์บี้แมตช์ และด้วยคุณภาพของทีมอย่างเชลซีที่เต็มไปด้วยนักเตะฝีเท้าดี
แต่บทสรุปก็เป็นอย่างที่เห็น อาร์เซน่อล ปูพรมไล่ถล่ม เชลซี ด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาเคยเอาชนะเพื่อนร่วมเมืองทีมนี้
5 ประตูต่อ 0..
อาร์เซน่อล ไม่เคยชนะ เชลซี ด้วยผลต่างขาดลอยขนาดนี้มาก่อน ในรอบ 3 ทศวรรษหลังกลายเป็น เชลซี ด้วยซ้ำที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้โหด ๆ ให้เหล่ากูนเนอร์สได้เจ็บช้ำ
แพ้คาบ้าน 0-5 ในลีก คัพ ฤดูกาล 1998/99.. แพ้ 0-6 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013/14.. แพ้ 1-4 ในนัดชิงยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2018/19
รวมไปถึงความปวดร้าวที่ถูกประตูของ เวย์น บริดจ์ เขี่ยตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2003/04 ซีซั่นที่ อาร์แซน เวนเกอร์ พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบ "Invincible" ไม่แพ้ใคร
เกมเมื่อคืนที่ผ่านมา อาร์เซน่อล เล่นอย่างคึกคะนองตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่ม เคลื่อนที่ทำเกมไหลลื่น เอาชนะในการดวลกัน ปะทะกัน ชิงจังหวะกัน
บอลที่เร็วและแม่นยำของพวกเขาสร้างปัญหาให้ผู้มาเยือนมาก ประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 4 ก็มาจากการผ่านบอล 4-5 ทอด บูกาโย่ ซากา ไหลให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ถอยลงมาเชื่อมเกมทำชิ่งคืนให้ โธมัส ปาร์เตย์ ป้ายออกซ้ายเร็วให้ ดีแคลน ไรซ์ ลากจี้เข้าใส่กองหลังก่อนจะผ่านให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ยิงคมกริบเสียบเสาแรก
อาร์เซน่อลคุมเกมได้อยู่หมัด กองกลางทั้งสามคน ไรซ์-ปาร์เตย์-มาร์ติน โอเดการ์ด เก็บกวาดทุกอย่างเรียบวุธและยังเคลื่อนเกมอย่างมีพลัง
บอลจากเท้าโอเดการ์ดยังคงเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ กัปตันทีมชาวนอร์เวย์มีเซนส์การผ่านบอลสูง มองเห็นช่องที่คู่ต่อสู้ไม่ทันเห็น กว่าจะรู้ตัวบอลก็ถูกปล่อยไปถึงเป้าหมายแล้ว
เกมนี้โอเดการ์ดได้ 2 แอสซิสต์โดยสถิติ แต่การสร้างสรรค์เกมให้กับทีมมีอีกมากมาย เขาเล่นเหมือนกำลังแสดงโชว์ คิดและทำทุกอย่างได้ตามใจชอบ แทงบอลเข้าช่อง ไหลบอลขึ้นหน้า ทำชิ่งหนึ่งสอง ส่งบอลไปพื้นที่ว่าง ตักบอลข้ามแนวรับ
เนี้ยบ.. คงต้องใช้คำนี้บรรยายผลงานส่วนตัวของเขาในนัดนี้
ผมยกให้โอเดการ์ดเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ของเกมแม้จะไม่ได้ยิงเลยสักประตู แต่เราเพลิดเพลินไปกับการเล่น การผ่านบอล การอ่านเกมของเขาจริง ๆ ประตู 3-0 ที่จ่ายแบบฉีกเกมรับเป็นวิ่น ๆ ให้ ฮาแวร์ตซ์ หลุดเข้าไปยิงนั่นเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง
เกมยิ่งมาขาดในครึ่งหลังที่อาร์เซน่อลรัวทะลุอีก 4 ประตูและโอกาสยิงเพิ่มอีกนับไม่ถ้วน ประตูจากโอเพ่นเพลย์และลูกนิ่งมาครบ เป็นวันที่พวกเขาเล่นได้เข้าฝักบวกกับเชลซีคู่เตะฟอร์มตกทั้งทีม ความมั่นใจหดหาย ทั้งยังไม่มีคนที่เป็นความหวังสูงสุดอย่าง โคล พาลเมอร์
ผมคิดว่าเกมนี้อาร์เซน่อลได้ปล่อยจินตนาการโลดแล่นเต็มพื้นที่และยังเปลี่ยนเป็นผลการแข่งขันได้อย่างเป็นรูปธรรม
เป็นหนึ่งในเกมที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของฤดูกาล
อาร์เซน่อลในวันนี้ชัดเจนเหลือเกินกับการพุ่งทะยานไปข้างหน้า การตอบสนองต่อการสะดุดแพ้ แอสตัน วิลล่า เมื่อ 2 เกมก่อนและการตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยน้ำมือของ บาเยิร์น มิวนิค ทำได้ยอดเยี่ยมราวกับไม่ส่งผลกระทบอะไรเลย
บุกชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส นัดที่แล้ว ต่อด้วยถล่ม เชลซี ในเกมนี้.. อาร์เซน่อลเข้าสู่ 4 เกมสุดท้ายของฤดูกาลด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม
คืนนี้กับคืนพรุ่งนี้คงเป็นคืนที่แฟนบอลอาร์เซน่อลได้ตื่นเต้นอย่างมีความสุข เตะก่อน ชนะก่อน โยนความกดดันให้ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้..
พลาดสักทีมก็ได้ประโยชน์ พลาดทั้ง 2 ทีมก็ยิ่งได้ประโยชน์ หรือกระทั่งไม่พลาดเลยสักทีม อาร์เซน่อลก็ไม่เสียหาย ไปว่ากันใหม่ในเกมสุดสัปดาห์.. แมตช์เดย์นี้มีแต่เจ๊ากับเจี๊ยะจริง ๆ สำหรับกูนเนอร์ส
ตังกุย