ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในแมตช์บุกชนะ ฟูแล่ม 3-1 ที่สนามคราเว่น ค็อตเทจ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยการคว้าสามคะแนนในแมตช์นี้ทำให้ทีมเก็บไป 74 แต้มเท่ากับ อาร์เซน่อล จ่าฝูง แต่เป็นรองประตูได้เสีย ที่สำคัญเกมนี้กุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ มีการปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่ง และผลออกมาถือว่าน่าพอใจมากๆ เพราะไม่ใช่แค่การคว้าชัยชนะเท่านั้น แต่ฟอร์มการเล่นยังถือว่ายอดเยี่ยมด้วย แน่นอนว่าตอนนี้เส้นทางการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเต็มไปด้วยความเข้มข้นอย่างยิ่ง และ "หงส์แดง" ต้องรักษามาตรฐานแบบนี้ต่อไปถ้าหากอยากจะมีลุ้นจนถึงเกมสุดท้าย
1. คล็อปป์ กล้าเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
สาวก "เดอะ ค็อป" ทั้งงงปนดีใจที่เห็น คล็อปป์ มีการปรับทีมหลายตำแหน่งโดยเฉพาะในแผงมิดฟิลด์และแนวรุก เพราะช่วง 2 เกมที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าทีมเล่นได้กระท่อนกระแท่นมากๆ แม้จะสร้างโอกาสได้เยอะแต่การจบสกอร์ขาดความเฉียบคม
คล็อปป์ เลือกดร็อป อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล โดยเลือกใช้งาน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ซึ่งทั้งสองคนแสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ และมีส่วนกับประตูที่สองของ "หงส์แดง"
ส่วนในแดนหน้าการเห็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต้องลงไปนั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองร่วมกับ ดาร์วิน นูนเญซ และเปิดโอกาสให้ ดีโอโก้ โชต้า ได้ประสานงานกัล โคดี้ กัคโป และหลุยส์ ดิอาซ ซึ่งผลที่ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าเกมรุกของ "หงส์แดง" มีความหลากหลายและอันตรายมากขึ้น โดยเฉพาะ กัคโป กับ โชต้า ที่ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วน ดิอาซ ฟอร์มอาจดร็อปไปบ้างเพราะเล่นตำแหน่งไม่ถนัด แต่โดยรวมทั้งสามคนถือว่ามีส่วนอย่างยิ่งกับชัยชนะในเกมนี้
แน่นอนว่าการพักตัวหลักหลายคนโดยเฉพาะ โม ซาลาห์ อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขามีอาการล้าจากการกรำศึกหนัก และต้องเตรียมพร้อมสำหรับเมอร์ซี่ย์ดาร์บี้กลางสัปดาห์นี้ แต่ก็คือว่า คล็อปป์ กล้าที่จะดร็อปสตาร์ของทีมเพื่อสร้างความแตกต่าง
2. "รองเทรนต์" เด็ดสะระตี่
หลังจากที่พลาดลงสนามไปหลายเกมเนื่องจากโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน ตอนนี้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาเป็นตัวหลักของทีมอีกครั้ง และฟอร์มของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"รองเทรนต์" เป็นหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในแมตช์นี้ จังหวะการเปิดบอลของเขามีความแม่นยำและอันตรายมากๆ ขณะที่การเล่นเกมรับก็มีความรัดกุมเหนียวแน่น ไม่ปล่อยให้แนวรุกฟูแล่มเข้ามาปั่นป่วนได้มากนัก
นอกจากการเปิดบอลที่สุดเฉียบคมแล้ว อาวุธที่อันตรายมากๆ ของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็คือการเล่นลูกตั้งเตะทั้งเตะมุม และฟรีคิก โดยแมตช์นี้ ฟูลแบ็กเท้าชั่งทอง โชว์ให้เห็นแล้วว่าทำไมเขาถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิงฟรีคิกได้แม่นยำที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน
ตอนนี้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงไป 6 ประตูจากลูกฟรีคิกโดยตรงในเกมพรีเมียร์ลีก มีแค่ เจมี่ เรดแน็ปป์ (8 ประตู) และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (7 ประตู) ที่ทำได้มากกว่าเขาในนามแข้งลิเวอร์พูล
3. โชต้า กลับมาแล้ว
การที่ผู้เล่นบาดเจ็บของ ลิเวอร์พูล หลายคนค่อยๆ ทะยอยกลับมาอยู่ในทีมช่วงโค้งสุดท้าย ถือเป็นข่าวดีมากๆ โดยเฉพาะ ดีโอโก้ โชต้า เพราะนี่คือกองหน้าที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ทุกครั้งที่ลงสนาม
คล็อปป์ ตัดสินใจใช้งาน สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ลงตัวจริง โดยหวังจะความคล่องตัวของนักเตะเข้าไปปั่นป่วนแนวรับ "เจ้าสัวน้อยไ และก็ได้ผลจริงๆ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังนักเตะสามารถประสานงานกับ กัคโป และสร้างโอกาสในการจบสกอร์หลายครั้ง แต่ไม่คอยเฉียบคมเท่าไหร่
จนกระทั่งในช่วงนาทีที่ 70 การผ่านบอลที่แม่นยำของ กัคโป และการวิ่งเลี้ยงไลน์ที่ฉลาดหลักแหลงของ โชต้า ทำให้เขามีชื่อเป็นผู้ทำประตู และยังเป็นประตูสำคัญช่วยทำให้ทีมเล่นได้สบายยิ่งขึ้นด้วย
สำหรับประตูตอกฝาโลงของ โชต้า ทำให้ตอนนี้นักเตะซัดไปแล้ว 100 ลูกจากการเล่นให้กับสโมสรในประเทศอังกฤษทุกรายการตั้งแต่ตอนที่อยู่กับ "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (44 ประตู) และ "หงส์แดง" (56 ประตู)
4. ฟูแล่ม เล่นสนุกในยุค ซิลวา
แม้ว่าเกมนี้ ฟูแล่ม จะแพ้ แต่เป็นอีกครั้งที่พวกเขาแสดงให้เห็นว่าสามารถปั่นป่วนทีมใหญ่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะการได้เล่นในถิ่นคราเว่น ค็อตเทจ พวกเขาไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น และพร้อมที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับอาคันตุกะเสมอ
ก่อนหน้านี้ ลูกทีมของ มาร์โก ซิลวา จัดการยัดเยียดความปราชัยให้กับ อาร์เซน่อล มาแล้วในฤดูกาลนี้ และเล่นได้อย่างสูสีในการปะทะกับ ลิเวอร์พูล ทั้งเกมเหย้า และเยือน แน่นอนว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีเยี่ยมว่า "เจ้าสัวน้อย" ในมือของ ซิลวา ยังมีอนาคตสดใส
ฟูแล่ม ไม่ใช่ทีมเงินถุงเงินถังและมีผู้เล่นระดับสตาร์ แต่พวกเขาสามารถกดดัน "หงส์แดง" ได้พอสมควร และด้วยฟอร์มดังกล่าวทำให้ทีมสามารถไล่ตีเสมอในช่วงทดเจ็บครึ่งแรกได้
น่าเสียดายที่ความผิดพลาดส่วนบุคคลนำไปสู่การเสียประตูที่สอง ซึ่งนั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะก่อนหน้าที่จะเสียประตูดังกล่าว ฟูแล่ม ยังสามารถรับมือกับเกมรุกที่ดุดันของทีมเยือนได้เป็นอย่างดี
แม้ว่า ฟูแล่ม จะอยู่ในอันดับ 12 มี 42 คะแนนก็ตาม แต่เมื่อมองดูทีมที่มีอันดับเหนือกว่า และใช้เงินสร้างทีมมหาศาลอย่าง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บอกเลยว่า "เจ้าสัวน้อย" ควรยืดอกภูมิใจกับผลงานของพวกเขาได้เลย
5. เส้นทางลุ้นแชมป์ยังอยู่
การคว้าสามคะแนนในเกมนี้ถือเป็นการต่ออายุการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล ต่อไป เพราะตอนนี้พวกเขาสามารถทำแต้มเท่ากับ อาร์เซน่อล จ่าฝูง แต่เป็นรองแค่ประตูได้เสียเท่านั้น
แน่นอนว่า "เดอะ เร้ดส์" ถือว่าเป็นรอง "ปืนใหญ่" และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งแข่งน้อยกว่า 1 เกม ก็ตาม แต่ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นมันเต็มไปด้วยความกดดัน และมีสิทธิ์ที่แต่ละทีมอาจจะสะดุดขาตัวเองก็ได้
สิ่งสำคัญในตอนนี้ที่ คล็อปป์ แอนด์ โค. ต้องทำก็คือการเก็บชัยชนะให้ได้ทุกแมตช์ที่เหลืออยู่ และจากนั้นก็ไปลุ้นให้ อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ ทำพลาดในเกมของพวกเขา
หลายคนอาจจะบอกว่ามันเป็นไปได้ยาก แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ และถ้าบุญมาวาสนาส่ง ลิเวอร์พูล อาจจะได้สั่งลา "บอส" ด้วยโทรฟี่แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีกับคาราบาว คัพ ก็ได้ ใครจะไปรู้ !!!
ทอมเม้ง