เป็นเพียงหนที่สามเท่านั้นในศตวรรษ 21 ที่ตัวแทนจากเกาะอังกฤษไม่มีเลยสักทีม ที่เข้ารอบตัดเชือก รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ ยูโรปา ลีก
ผลการแข่งขันเมื่อกลางสัปดาห์ได้บทสรุปว่าทั้ง อาร์เซน่อล, แมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล จนถึง เวสต์แฮม ต่างจูงมือนัดกันร่วงพร้อมกัน ซึ่งก่อนหน้านี้นับแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เคยเกิดขึ้นแค่สองครั้งเท่านั้น ได้แก่ซีซั่น 2002/03 กับ 2014/15
เท่ากับว่าเหลือเพียง แอสตัน วิลล่า เท่านั้น ที่ยังพอเป็นหน้าเป็นตาในรายการที่เพิ่งถือกำเนิดมาได้สามปีอย่าง ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก
แน่นอนครับ ก็ปกติที่เสียงข้างนอกย่อมดังขึ้น
ก็ปกติเพราะ พรีเมียร์ลีก เป็นลีกหมายเลขหนึ่ง เป็นลีกที่มีการลงทุนใช้เงินเยอะที่สุดและเป็นลีกที่ใครๆก็ให้ความสนใจ
ให้วิเคราะห์ถึงสาเหตุก็น่ามีหลายปัจจัยประกอบกันแต่อย่างหนึ่งที่คล้ายกันเป็นเรื่องของสภาพร่างกายที่กรำศึกหนักติดต่อกันมานาน พอมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ก็เร่งไม่ขึ้น ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เราต่างรู้ดีมาตลอด
ก่อนหน้านี้โรดรี้ มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนของ แมนฯซิตี้ ได้ออกมาพูดผ่านไมโครโฟนว่า "ร่างกายผมไม่ไหวแล้ว ผมต้องการพัก"
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่นักเตะระดับนี้จะออกมาเอ่ยปากทำนองนี้ ยิ่ง โรดรี้ ด้วยที่ทุกเกมแสดงถึงความกระหายในการเล่นเต็มร้อยเสมอ อีกนั่นแหละนักบอลก็เป็นมนุษย์ที่ก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว เจาะลึกลงไปตลอดสองเกมเหย้า-เยือนที่เรือใบสีฟ้าเจอ เรอัล มาดริด ก็ต้องเจอคู่แข่งที่นอกจากวางแท็กติกยอดเยี่ยมแล้ว ความสดของทีมยังเยอะกว่าด้วย
เกมแรกตรงกับสัปดาห์นัดชิง โกปา เดล เรย์ ทำให้ มาดริด ไม่มีเตะ
เกมสอง คาร์โล อันเชล็อตติ เลือกพักตัวหลักกว่าครึ่งทีมในเกมไปเยือน มายอร์ก้า เนื่องจากมองว่าแต้มในตารางค่อนข้างทิ้งห่าง
ทางตรงข้ามที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังต้องใช้งาน เอร์ลิ่ง ฮาลันด์ กับ เควิน เดอ บรอยน์ ในเกมลีกกับ ลูตัน ทาวน์ เพราะเขาไม่ต้องการประมาทกับโอกาสที่จะกวาดชัยในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่ปรากฎทั้งคู่ต่างโดนเปลี่ยนออกระหว่างแมตช์กับ มาดริด พอทีมแพ้ดวลจุดโทษก็มีการพูดถึงว่าถ้าทั้งสองคนอยู่ก็คงเป็นตัวสังหารที่ไว้ใจได้
แต่ไหนแต่ไรลีกของแต่ละประเทศก็มักจะ 'หนุน' ตัวแทนตัวเองยามมีเกมยุโรปรอ บางทีก็จัดให้เตะคืนวันศุกร์ บางทีก็ให้พักไปเลยวีกนั้น(อย่างเช่น ลีลล์ กับ เปแอสเช)แต่สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นกับพรีเมียร์ลีก เพราะพวกเขาก็เห็นตัวเองมาก่อน ลิขสิทธิทีวีที่ขายไปมูลค่ามหาศาล
การที่พวกเขาเลือกมาเล่นกับ เอฟเอ คัพ ให้ยกเลิกการเตะรีเพลย์นับจากฤดูกาลหน้าเป็นต้นไปก็เหมือนช่วยการลดโปรแกรม กระนั้นผลกรรมได้มาโยนให้พวกทีมลีกล่างที่บ่อยครั้งก็ได้เกมรีเพลย์นี่แหละเป็นตัวจุดประกาย
เรื่องรายได้ด้วยถ้าเจอทีมใหญ่
เรื่องความฝันด้วยเกิดรีเพลย์ได้ไปเตะที่โอลด์ แทร็ฟฟฟอร์ด, แอนฟิลด์ หรือ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
เมื่อคืนพฤหัสฯตอนที่กล้องจับไปยังข้างสนามก็พบใบหน้ายอมรับสภาพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นี่ไม่ใช่ภาพที่น้อยครั้งจะเจอกับชายคนนี้ตลอดเกือบทศวรรษที่เข้ามาเป็นบอสใหญ่ให้ชาวหงส์
ในสัปดาห์เดียวเครื่องจักรสีแดงที่เคยบดขยี้คู่แข่งก็ช็อตไปดื้อๆ
เกมรุกหมดไอเดีย เกมรับก็มีช่องโหว่เปิดตลอด
แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็เป็นเราไม่ได้พบความกระปรี้กระเปร่าจากผู้เล่น ลิเวอร์พูล อย่างเคย เพราะหนึ่งในจุดแข็งที่สุดการทำทีมของ คล็อปป์ อยู่ตรงนี้...
อย่างไรก็ตามมันก็อาจเรียกได้ว่าอุบัติเหตุที่ทีมจากอังกฤษนัดกันตกรอบแปดทีม ซีซั่นหน้าพวกเขาก็จะกลับมาได้ ในเมื่อคนบ้าๆอย่างเป๊ปไม่ยอมหยุดแค่นี้ ในเมื่อประสบการณ์ของ มิเกล อาร์เตต้า กับลูกทีมย่อมโตขึ้นกว่าเดิมและในเมื่อ เดอะ ค็อป จะได้ต้อนรับผู้นำคนใหม่กับไอเดียใหม่สู่ทีม
เหนืออื่นใดยังไงซะพรีเมียร์ลีกก็ยังคือพรีเมียร์ลีก
ฟุตบอลก็เหมือนกับชีวิตนั่นแหละ มีวัฐจักรของมัน
"ไก่ป่า".......