สถานการณ์ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล เริ่มน่าเป็นห่วงเมื่อพวกเขาทำพลาดมหันต์ในเกมแพ้ คริสตัล พาเลซ 0-1 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และแน่นอนว่าคนที่โดนตำหนิมากที่สุดก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ !!
"หงส์แดง" มีสถิติที่ยอดเยี่ยมมากๆ กับการเล่นในบ้านฤดูกาลนี้เมื่อพวกเขายังไม่แพ้ใครเลยในลีก แต่สถิติต้องจบลงไปเรียบร้อยจากความยอดเยี่ยมของทัพ "ดิ อีเกิ้ลส์" แถมยังส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ด้วย
แมตช์ดังกล่าวมีการวิเคราะห์กันว่า คล็อปป์ ทำผิดพลาดหลายจุด แต่ที่เห็นชัดเจนก็คือสามจุดที่ส่งผลเสียต่อทีม และนำไปสู่ความพ่ายแพ้ชนิดหักปากกาเซียน ซึ่งแน่นอนนี่อาจจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของทัพ "เดอะ เร้ดส์" ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น
1. วางใจ เคอร์ติส โจนส์ มากเกินไป
หลังจากที่ เคอร์ติส โจนส์ กลับมาฟิตสมบูรณ์ คล็อปป์ ไม่ลังเลที่จะให้โอกาสเขาลงเล่นตัวจริงทันทีในแมตช์แพ้ยับ อตาลันต้า 0-3 ที่แอนฟิลด์ ศึกยูโรปา ลีก โดยประสานงานกับ วาตารุ เอ็นโด กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
สำหรับแมตช์ดังกล่าว โจนส์ ไม่สามารถประสานงานกับ เอ็นโด และ แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้เลย ทำให้แดนกลางของ "หงส์แดง" สู้ อตาลันต้า ไม่ได้ แต่ "บอส" กลับไม่เข็ดจากบทเรียนในเกมนั้น และยังคงให้โอกาส ดาวเตะเลือดผู้ดี อีกครั้งในแมตช์รับมือ พาเลซ
เห็นได้ชัดเลยว่า โจนส์ เล่นไม่ออก และบางครั้งก็คิดช้าทำช้าจนทำให้ทีมเสียจังหวะการเล่น แถม เอ็นโด กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็ดันพร้อมตื้อพอดียิ่งทำให้แผงมิดฟิลด์ "เดอะ เร้ดส์" ที่ขึ้นชื่อว่าเต็มไปด้วยพละกำลัง ไม่สามารถสร้างโอกาสอะไรได้มากนัก และยังปล่อยในมิดฟิลด์ทีมเยือนมีพื้นที่เยอะมากในการเล่น
หลายคนอาจมองว่านี่เป็นการหาแพะรับบาปชัดๆ แต่ถ้ามองอย่างเป็นกลางจะเห็นได้ว่า โจนส์ ควรจะเป็นสำรองไปก่อนเพราะเพิ่งหายเจ็บกลับมา และใช้งาน โดมินิค โซโบซไล ที่เล่นได้เข้าขากับ สตาร์ชาวญี่ปุ่น และ "แม็คก้า" มากกว่าลงเป็นตัวจริง
2. ไม่ควรฝากความหวังกับ นูนเญซ
ด้วยผลงานตะบันไป 11 ประตูกับ 8 แอสซิสต์จากการลงเล่น 29 เกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แน่นอนว่า ดาร์วิน นูนเญซ มีอิทธิพลในด้านบวกสำหรับ ลิเวอร์พูล แต่โชคร้ายที่การจบสกอร์ของเขาบางครั้งมันน่าผิดหวัง และส่งผลกระทบต่อความมั่นรใจ
ย้อนกลับไปในเกมแพ้ อตาลันต้า "น้องนูน" มีโอกาสรับไม่ถ้วนแต่ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้เลย ขณะที่ในเกมกับ พาเลซ แม้โอกาสจะไม่ได้เยอะ แต่เขาได้โอกาสทองฝั่งเพชรและดันยิงพลาดอย่างไม่น่าเชื่อโดยเฉพาะจังหวะวอลเล่นย์ระยะ 10 หลาที่ดันยิงไปติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน น่าตาเฉย
ตอนนี้ นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำอะไรซักอย่างกับ นูนเญซ เพื่อทำให้นักเตะมีความมั่นใจในการยิงประตูเหมือนที่เขาเคยทำได้ตอนที่เล่นให้ เบนฟิก้า และทีมชาติอุรุกวัย
ยิ่งตอนนี้แนวรุกของ ลิเวอร์พูล กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และมันอาจถึงเวลาที่ คล็อปป์ จำเป็นต้องจับ นูนเญซ นั่งเรียกสติในซุ้มม้านั่งสำรอง และให้โอกาส ดีโอโก้ โชต้า หรือ โคดี้ กัคโป ลงเป็นตัวจริงแทน
ขณะที่หลายคนอาจจะมองว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ฟอร์มตกในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน แต่อย่างน้อยยังพอจะฝากผีฝากไข้ในบางจังหวะ และสามารถขู่แนวรับพาเลซได้ แต่ถ้าพูดแบบไม่ลำเอียง "บังโม" ก็แย่พอๆ กัน !!
3. แก้เกมพลาดและช้า
อีกหนึ่งจุดที่หลายคนตั้งคำถามก็คือการแก้เกมของ คล็อปป์ เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่เขาไม่สามารถรีดฟอร์มของลูกทีมออกมาได้อย่างที่ต้องการ ในขณะเดียวกันเมื่อต้องปรับเปลี่ยนแท็กติกดูเหมือนว่ามันจะไม่ตรงจุดและก็ช้าเกินไป
ช่วงที่แดนกลางของทีมมีปัญหา คล็อปป์ เลือกถอด เอ็นโด ออกซึ่งถามว่าถูกไหมถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะคนที่ควรจะถูกเปลี่ยนน่าจะเป็น โจนส์ มากกว่าแต่ดันให้โอกาสอยู่ในสนามต่อ แถมคนที่ส่งลงมาแทนอย่าง โดมินิค โซโบซไล ก็เล่นไม่ออก ที่สำคัญยังเล่นพลาดจนทีมเกือบโดนยิงอีกประตู
กว่าที่ โจนส์ จะโดนเปลี่ยนออกก็รอไปถึงช่วง 8 นาทีสุดท้าย และพอ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงสนามเกมรุกของ ลิเวอร์พูล วูบวาบทันตาเห็น นั่นทำให้หลายคนเชื่อว่าถ้า "เจ้าจุก" ลงเล่นตั้งแต่ต้นครึ่งหลังสถานการณ์ของทีมอาจดีกว่านี้
เช่นเดียวกันแนวรุก คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยน หลุยส์ ดิอาซ กับ นูนเญซ ออก ซึ่งสาวก "เดอะ ค็อป" ถึงกับนั่งเกาหัวที่เห็น สตาร์ชาวโคลอมเบีย ออกจากสนามแต่ ซาลาห์ ยังอยู่ เพราะจริงๆ ซาลาห์ กับ "น้องนูน" ควรจะถูกถอดออกมากกว่า
ตอนที่ โคดี้ กัคโป กับ โชต้า ลงสนามทั้งสองคนทำให้แนวรุกของ "หงส์แดง" อันตรายมากยิ่งขึ้นทันที ถ้าหากนึกภาพสามประสานช่วงครึ่งหลังเป็น ดิอาซ, กัคโป และ โชต้า มีโอกาสที่เจ้าบ้านจะได้ประตูมากยิ่งขึ้น