ก่อนอำลา ลิเวอร์พูล! 10 การเซ็นสัญญายอดแย่ของ เจอร์เก้น คล็อปป์

ก่อนอำลา ลิเวอร์พูล! 10 การเซ็นสัญญายอดแย่ของ เจอร์เก้น คล็อปป์
แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดผู้จัดการทีม แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เป็นเหมือนกุนซือทั่วๆไปที่เคยก่อความผิดพลาดในการเซ็นสัญญากับนักเตะ

แน่นอนว่ากุนซือชาวเยอรมันแสดงให้เห็นถึงสายตาที่เฉียบแหลมต่อการคว้า โม ซาลาห์ , เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ อลิสซง มาช่วยยกระดับให้กับ หงส์แดง 

นอกจากนี้ คล็อปป์ ได้รับการปรบมือในการคว้า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มาร่วมทีมในราคาที่ย่อมเยาแค่ 10 ล้านปอนด์ รวมถึงการดึง โฌแอล มาติป มาเสริมทัพแบบไม่มีค่าตัว

แต่อย่างที่บอก ใช่ว่า คล็อปป์ จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเสมอไป และนี่คือ 10 การเซ็นสัญญาที่เลวร้ายที่สุดของนายใหญ่ด๊อยทช์แห่งถิ่น แอนฟิลด์

10. ติอาโก้ อัลกันตาร่า

แฟนบอล ลิเวอร์พูล แฮปปี้กันสุดขีดที่ คล็อปป์ ดึงมิดฟิลด์คุณภาพสูงมาเสริมทัพได้ แต่กลายเป็นว่าดาวเตะสแปนิชเป็นการเซ็นสัญญาที่เลวร้ายที่สุดรายหนึ่งของผู้จัดการทีมชาวเมืองเบียร์

อดีตสตาร์ทีม บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค ย้ายมาค้าแข้งกับ หงส์แดง พร้อมด้วยประสบการณ์ที่เปี่ยมล้น แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บ เจ้าตัวจึงไม่เคยตอบแทนนายใหญ่ด๊อยทช์ได้เลยแม้แต่น้อย

ถึงตรงนี้ จอมทัพค่าตัว 25 ล้านปอนด์จึงทำให้ ลิเวอร์พูล ขาดทุนป่นปี้เนื่องจากเขากำลังจะย้ายสโมสรแบบไม่มีค่าตัวในฐานะนักเตะฟรีเอเจนต์หลังจบซีซั่น

9. คาลวิน แรมซีย์

ว่ากันตามจริง แบ็คขวาวัย 20 ปีพร้อมต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งในทีมอย่างเต็มที่ แต่ช่วยไม่ได้ที่เขามีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ซีซั่นแรกหลังย้ายมาจาก อเบอร์ดีน เมื่อปี 2022

แรมซีย์ ถูกดึงตัวมาให้เป็นแบ็คอัพของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แต่ในซีซั่นแรกของเขากับรั้ว แอนฟิลด์ เขาไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่เกมเดียว

สำหรับซีซั่นนี้ กองหลังสกอตต์ถูกปล่อยออกไปแบบยืมตัวให้กับ เปรสตัน ทีมใน แชมเปี้ยนชิพ ในครึ่งแรกของซีซั่น และล่าสุดตามด้วย โบลตัน ทีมใน ลีกวัน ทีมเดียวกับที่ คอเนอร์ แบรดลีย์ เคยย้ายไปเล่นให้แบบยืมตัวก่อนที่ดาวเตะทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือ จะกลับมาสร้างชื่อได้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสรอย่างที่เห็น

8. ทาคูมิ มินามิโนะ

ดาวเตะทีมชาติ ญี่ปุ่น ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรที่ใหญ่ขึ้นหลังโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจกับ เร้ด บูลล์ส ซัลซบวร์ก ซึ่งเขาได้ร่วมค้าแข้งกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

แต่แล้วเทพนิยายก็จบลงในเวลาไม่นานเนื่องจากกองกลางตัวรุกไม่ดีพอที่จะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ท่ามกลางซูเปอร์สตาร์ทั้งหลายได้ และถูกส่งให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ยืมตัว

แม้ มินามิโนะ จะมีลีลาละม้าย โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แต่ฟอร์มของเขาขาดความคงเส้นคงวาที่จะเป็นทายาทของดาวเตะแซมบ้าได้ และในที่สุด หงส์แดง ก็ขายเขาให้กับ โมนาโก ในปี 2022

7. โดมินิค โซลันกี้

ณ ขณะนี้ โซลันกี้ ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าชั้นดีของ พรีเมียร์ลีก โดยในช่วงต้นอาชีพเขาสร้างชื่อได้ในฐานะเด็กปั้นของ เชลซี

อย่างไรก็ดี อาชีพของ โซลันกี้ ถูกคั่นกลางด้วยความล้มเหลวหลัง ลิเวอร์พูล ตกลงจ่ายค่าชดเชยดึงเขามาเสริมทัพทันทีที่เจ้าตัวหมดสัญญากับ สิงห์บลูส์

จากการลงบู๊ให้กับ หงส์แดง เป็นเรื่องน่าช็อกอย่างแรงที่ โซลันกี้ ส่งบอลปะทะตาข่ายได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

แม้ คล็อปป์ จะพยายามให้ความเชื่อมั่นในตัวหัวหอกหนุ่ม แต่ โซลันกี้ ไม่สามารถยึดตำแหน่งในทีมตัวจริงของสโมสรได้ และถูกโละทิ้งให้กับ บอร์นมัธ ในท้ายที่สุด

6. มาร์โค กรูยิช

นี่คือการเซ็นสัญญารายแรกของ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล แต่กองกลางทีมชาติ เซอร์เบีย เป็นอีกรายที่ไม่อาจคว้าตำแหน่งในทีมตัวจริงของ เร้ด แมชีน ได้

ในซีซั่นแรกกับถิ่น แอนฟิลด์ กรูยิช ได้ลงเล่นแค่แปดนัด และลดลงเหลือหกนัดในซีซั่นที่สองซึ่งไม่มีเลยแม้แต่เกมเดียวที่เขาจะได้ออกสตาร์ตในโผ 11 คนแรก

ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูล จึงต้องโละเขาออกจากทีมเริ่มจากการส่งให้ คาร์ดิฟฟ์ ยืมตัว และตามด้วย แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ก่อนขายทิ้งให้กับ ปอร์โต้ หลังดึงเขามาจากทีม  เร้ดสตาร์ เบลเกรด ในราคาย่อมเยาแค่ 5.1 ล้านปอนด์

5. เบน เดวิส

เดวิส ไม่เคยลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล เลยหลังถูกซื้อมาจาก เปรสตัน ในราคาเริ่มต้น 500,000 ปอนด์

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นการเซ็นสัญญาแบบฉุกเฉินเนื่องจากในระยะนั้น เร้ด แมชีน มีปัญหากองหลังล้มเจ็บหลายราย แต่ถือเป็นโชคร้ายสำหรับทั้งสโมสรและนักเตะเนื่องจากเจ้าตัวล้มเจ็บตามไปด้วย

จนในที่สุด เดวิส ก็ถูกส่งให้ เชฟฯ ยูไนเต็ด ยืมไปใช้งานก่อนโดนขายขาดให้ เรนเจอร์ส แบบได้กำไร

4. สตีเว่น คอลเกอร์

เป็นอีกรายที่ถูกดึงตัวมาแบบฉุกเฉินเมื่อเดือนม.ค.2016 ในช่วงจ่ายตลาดรอบแรกของ คล็อปป์ โดยอดีตกองหลังเด็กปั้นของ สเปอร์ส ย้ายมาจาก ควีนส์พาร์ค 

อย่างไรก็ดี คอลเกอร์ ถูกจดจำแบบแปลกประหลาดในฐานะกองหน้าจำเป็นหลังถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงท้ายเกม

รวมแล้วเขาได้ลงเล่นครบ 90 นาทีแค่นัดเดียวจากทั้งหมดสี่นัดในสีเสื้อ หงส์แดง ภายใต้บทบาทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่เจ้าตัวช่ำชองในศึก เอฟเอคัพ

3. อาร์ตูร์ เมโล่

ฐานที่ค้าแข้งกับทีมยักษ์อย่าง บาร์เซโลน่า  และ ยูเวนตุส โดยมีค่าตัวรวมกันเกินกว่า 100 ล้านยูโร ลิเวอร์พูล จึงถูกมองว่าได้ของดีมีคุณภาพมาประดับชายคา

กระนั้นก็ดี หงส์แดง อาจลืมไปว่ากองกลางชาวเมืองกาแฟมีผลงานไม่สู้ดีในระยะหลังที่ เซเรียอา แถมมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอีกต่างหากหลังตัดสินใจยืมเขามาจากทีม ม้าลาย ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022

ด้วยปัญหาทางด้านความฟิต เมโล่ จึงไม่ได้เล่นให้ หงส์แดง ในศึก พรีเมียร์ลีก เลยแม้แต่เกมเดียวหลังได้ประเดิมสนามในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นตัวสำรองเกมแพ้ นาโปลี

จากการจ่ายค่ายืม 4.5 ล้านยูโร มันจึงชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล ประสบกับหายนะสำหรับดีลนี้

2. โลริส คาริอุส

น่าเศร้าที่ คาริอุส ถูกจดจำในฐานะทำให้ ลิเวอร์พูล ปราชัยในเกมชิงดำถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2018 เนื่องจากเขาก่อความผิดพลาดจนเสียประตูให้กับ เรอัล มาดริด

จากลานที่น่าผิดหวัง มันจึงเป็นนัดสุดท้ายที่นายทวารชาวเมืองเบียร์ได้เฝ้าเสาให้กับ หงส์แดง  แถมมันยังส่งผลกระทบทำให้แทบไม่มีสโมสรไหนอยากคว้าเขาไปเสริมทัพด้วย

ในวัย 23 ปีขณะนั้น คาริอุส ถูกดึงมาจาก ไมนซ์ ในราคาเกือบ 5 ล้านปอนด์ในปี 2016 ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ไม่เลวแม้มันจะเทียบไม่ได้กับผลงานของ อลิสซง ที่ย้ายมาเป็นมือหนึ่งแทนเขาด้วยค่าตัวที่มหาศาลกว่า

และในที่สุด คาริอุส ก็โบกมือลาถิ่น แอนฟิลด์ แบบฟรีๆในปี 2022 

1. นาบี้ เกอิต้า

กองกลางทีมชาติ กินี ถูกมองว่าเป็นความหวังใหม่ของ ลิเวอร์พูล หลังมีการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยค่าตัวเกินกว่า 48 ล้านปอนด์

และด้วยเหตุที่ทีมลูกหนังของ บุนเดสลีกา คว้าโควต้าลงเล่นถ้วย ยูโรปาลีก ซีซั่น 2018/19 ได้สำเร็จ หงส์แดง จึงต้องควักกระเป๋าจ่ายโบนัสเพิ่มเป็น 52.75 ล้านปอนด์ตามที่ตกลงกันเอาไว้

และที่สำคัญ เกอิต้า ได้รับเสื้อหมายเลขแปดสืบทอดจากที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เคยสวมใส่ แตน่าเศร้าที่สาวก เดอะ ค็อป ไม่เคยได้เห็นผลกระทบของสตาร์แอฟริกันที่มีต่อทีมเลยนอกจากการถูกอาการบาดเจ็บคุกคามอย่างต่อเนื่อง

ในซีซั่นแรกของเขากับ ลิเวอร์พูล เกอิต้า ได้ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก 25 นัดโดยเขาได้ออกสตาร์ตแค่ 16 นัดซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีพอสำหรับนักเตะค่าตัวแพง

ยิ่งไปกว่านั้น หงส์แดง เสียเขาแบบไม่มีค่าตัวด้วยหลังหมดสัญญาในปี 2023 โดยเจ้าตัวกลับไปหากินในลีกเมืองเบียร์อีกหนกับ เบรเมน


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport