ราฟาแอล วาราน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดปากอธิบายถึงปัญหาส่วนตัวแล้วกรณีถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามกลางคันบ่อยครั้ง
วาราน ปราการหลังจอมเก๋าชาวเมืองน้ำหอมถูกมองว่ามีปัญหาทางด้านสภาพความฟิตเนื่องจากเจ้าตัวขยันเจ็บถี่ยิบ และพลาดการลงสนามหลายต่อหลายหน
กระทั่งล่าสุดในเกมที่ ปีศาจแดง ออกไปเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก อดีตดาวเตะทีม เรอัล มาดริด ถูกเปลี่ยนตัวออกอีกตามเคยในช่วงพักครึ่งโดย เอริค เทน ฮาก ส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ลงสนามแทน
ต่อปัญหาดังกล่าว วาราน ได้เผยกับ แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ สั้นๆก่อนเดินขึ้นรถบัสของทีมออกจากสนาม จีเทค คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม ว่าไม่มีอะไรร้ายแรง
กระทั่งล่าสุดเมื่อ 2 เม.ย.สตาร์วัย 30 ปียอมเปิดปากกับ เล กิ๊ป สื่อในบ้านเกิดแล้วว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากการโหม่งบอลมานานตลอดอาชีพการค้าแข้งซึ่งก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนทางศีรษะจนส่งผลลุกลามมาถึงสายตาของเขา
"ในระหว่างเกม ผมต้องโหม่งบอลตลอดเวลา และในวันถัดมา ผมรู้สึกผิดปกติที่สายตา" วาราน เอ่ย
"ผมแจ้งกับสตาฟ์ว่าผมไม่ฟิตมากพอที่จะเล่น และพวกเขายืนยันหนักแน่นว่าผมเล่นไม่ได้ ผมเข้ารับการตรวจเช็กจากแพทย์ ผลลัพธ์ถูกส่งไปถึงสตาฟฟ์ และผมไม่ได้เล่นในเกมต่อมา"
"แต่ถ้าผมไม่ได้ขอเข้ารับการตรวจเช็ก บอกตามตรงผมน่าจะได้เล่นในเกมต่อมา ผมรู้สึกแย่ที่ไม่ได้เล่นเกมต่อมา"
ขณะเดียวกัน วาราน ย้อนไปถึงฟุตบอลโลกปี 2014 ซึ่งเขาต้องลงเล่นกับ เยอรมัน หลังโดนบอลยิงใส่ศีรษะในเกมก่อนหน้ากับ ไนจีเรีย ด้วย
"ผมไม่อยากพลาดรอบแปดทีมฟุตบอลโลกเพียงเพราะว่าผมเหนื่อยเล็กน้อย ผมรู้สึกว่าดวงตาอ่อนล้า เมื่อมองย้อนกลับไป ผมบอกกับตัวเองว่าหากผมรู้ว่ามันเป็นอาการกระทบกระเทือนทางศีรษะ ผมจะบอกกับพวกเขาดีหรือเปล่าแม้มันอาจหมายความว่าผมจะไม่ได้ลงเล่น?"
"สตาฟฟ์สงสัยว่าผมพร้อมหรือเปล่า แต่ในที่สุดผมได้เล่น และเล่นได้ค่อนข้างดีแม้ผมจะแพ้การดวลกับ มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ ที่ทำให้ เยอรมัน ได้ประตูชัย"
"สิ่งที่เราไม่มีทางรู้คือจะเกิดอะไรขึ้นหากผมถูกยิงบอลใส่ศีรษะอีก เมื่อคุณรู้ว่าต้องมีความกระทบกระเทือนซ้ำแล้วซ้ำอีกซึ่งมันส่งผลกระทบ คุณบอกกับตัวเองว่าสิ่งต่างๆอาจเป็นไปอย่างเลวร้าย"
สุดท้ายแล้ว วาราน ระบุถึงความผิดพลาดสองหนของเขาในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความกระทบกระเทือน
"ผมรู้สึกตั้งแต่ช่วงอบอุ่นร่างกาย ผมบอกกับตัวเองว่า "ตื่น" ผมไม่มีสมาธิในสนามเลย"
"เกมเป็นไปอย่างเลวร้ายสำหรับผม ผมตระหนักดีว่ามันน่าช็อกมาก"