ลิเวอร์พูล กลับมาร่วมงานกับ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ อีกครั้งแล้ว เมื่อ เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป (เอฟเอสจี) กลุ่มทุนเจ้าของสโมสร แถลงการณ์แต่งตั้งเขาอย่างเป็นทางการ และจะเริ่มงานกับ "หงส์แดง" ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป
เอ็ดเวิร์ดส์ จะเข้ามาทำหน้าที่ใหม่ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฎิบัติการฟุตบอล โดยดูทั้งการสรรหาและวิเคราะห์ทีม หลังอำลำตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของทัพ “เดอะ เร้ดส์” ไปเมื่อปี 2022
สำหรับ เอ็ดเวิร์ดส์ ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญยุคสร้างทีมของ ลิเวอร์พูล โดยเขาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมไว้มากมายให้กับ "หงส์แดง" หลังมีส่วนสำคัญในการดึงนักเตะมาเสริมทัพด้วยดีลที่คุ้มค่าหลายคน
ผู้เล่นเหล่านี้ได้แก่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, อลีสซง เบ็คเกอร์, ซาดิโอ มาเน่ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เป็นต้น ก่อนจะหวนกลับมาช่วยทีมอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ที่จะไม่มี เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมแล้วหลังจบฤดูกาลนี้
แน่นอนว่าการกลับมาของ เอ็ดเวิร์ดส์ ในตำแหน่งที่ใหญ่กว่าคงจะได้เห็นการปรับโฉมของ "เดอะ เร้ดส์" ในยุคใหม่ และเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของเขา งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" มาย้อนอดีตการเซ็นสัญญาของ เอ็ดเวิร์ดส์ ที่มีส่วนร่วมตอนที่เป็นผอ.กีฬาเมื่อปี 2016 กันซะหน่อย
การเซ็นสัญญาที่น่าเหลือเชื่อ
- แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, อลีสซง เบ็คเกอร์, ซาดิโอ มาเน่
สำหรับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน อาจจะผลงานไม่เปรี้ยงปร้างในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาก็ตาม แต่เขาคือผู้เล่นแบ็กซ้ายที่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 8 ล้านปอนด์ (ราว 352 ล้านบาท) จาก ฮัลล์ ซิตี้ แรกเริ่มเดิมทีนักเตะถูกย้ายมาในฐานะยางอะไหล่ของ อัลแบร์โต้ โมเรโน่ แต่ด้วยฟอร์มที่สุดยอดทำให้เขากลายเป็นฟูลแบ็กตัวหลักของทีม และมีส่วนสำคัญกับความสำเร็จของสโมสรมากมาย
ขณะที่ ฟาน ไดค์ กลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนัง (ก่อน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จะทำลายสถิติ) ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,300 ล้านบาท) เมื่อเดือนมกราคม 2018 การมาของ ปราการหลังชาวดัตช์ทำให้แนวรับของทีมแข็งแกร่งขึ้นทันตาเห็น และตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาคือหนึ่งในกองหลังที่แกร่งที่สุดในโลก ที่สำคัญปัจจุบันเจ้าตัวรับบทกัปตันทีมคนใหม่แทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
ส่วนอีกรายที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ อลีสซง เพราะการได้นายทวารชาวบราซิเลียนมาเฝ้าเสา ทำให้ "หงส์แดง" มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ทีมมีปัญหาเรื่องผู้รักษาประตูมาตลอด ดังนั้นการจ่ายเงิน 66.8 ล้านปอนด์ (ราว 2,939 ล้านบาท) เป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากๆ ที่สำคัญเขาไม่ใช่แค่ป้องกันเก่งเท่านั้น ยังมีส่วนในการช่วยเกมรุกด้วยการเปิดบอลที่แม่นยำ ที่สำคัญสาวก "เดอะ เร้ดส์" ยังจำไม่ลืมกับการโหม่งสุดสำคัญในเกมชนะ เวสต์บรอม ซีซั่น 2020/2021 ที่ช่วยให้ทีมติดท็อปโฟร์
นอกจากนี้ เอ็ดเวิร์ดส์ ยังมีส่วนในการให้ทีมสร้างแนวรุกสุดมหัศจรรย์นั่นก็คือ 3 ประสาน "หินเหล็กไฟ" (เอสเอ็มเอฟ) ด้วยการดึงตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ โดยทั้งสองคนเข้ามาประสานงานกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และทำให้แดนหน้าของ "เดอะ เร้ดส์" สุดอันตราย รวมทั้งมีส่วนยิงประตูคู่แข่งกระฉูดแตกจนทีมคว้าแชมป์เป็นกอบเป็นกำ
การเซ็นสัญญายอดเยี่ยม
- ฟาบินโญ่, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ดีโอโก้ โชต้า, อิบราฮิม่า โกนาเต้
ฟาบินโญ่ สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรักที่เก่งที่สุดในโลก หลังจากย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล โดยบางครั้งเขายังต้องสวมบทบาทเซนเตอร์แบ็กได้ดีซะด้วย นั่นทำให้เจ้าตัวได้รับฉายาว่า "เดอะ ไลท์เฮ้าส์" (The Lighthouse) จากเพื่อนร่วมทัพ
"หงส์แดง" คว้าตัว เอลเลียตต์ ตอนที่ยังอายุเพียง 16 ปีจาก ฟูแล่ม ด้วยการจ่ายค่าชดเชยให้กับทัพ "เจ้าสัวน้อย" เขาได้ลงเล่นนิดหน่อยในช่วงซีซั่น 2019/2020 ก่อนที่จะสร้างผลงานบรรเจิดตอนที่ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในปีถัดมา แน่นอนว่า คล็อปป์ มีส่วนช่วยให้ "เจ้าจุก" โชว์ฟอร์มสุดยอดในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง มากกว่าผู้เล่นปีก ที่สำคัญ เอลเลียตต์ ได้รับการชื่นชมว่าเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์สูงในลีกไปแล้ว
สโมสรต้องเจอกับงานยากลำบากในการควานหากองหน้าคุณภาพชั้นยอดเพื่อมาแข่งกับ โม ซาลาห์, มาเน่ และ ฟีร์มีโน่ จนกระทั่ง เอ็ดเวิร์ดส์ ได้เจอกับ โชต้า และจัดการดึงตัวมาร่วมทัพในปี 2020 ด้วยเม็ดเงินเพียง 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,980 ล้านบาท) เท่านั้น และเขาก็งัดฟอร์มเทพออกมาตลอด จนกลายเป็นหนึ่งในตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดในอังกฤษ
ขณะที่ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก "หงส์แดง" ได้ตัว อิบราฮิม่า โกนาเต้ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 36 ล้านปอนด์ (ราว 1,584 ล้านบาท) ในปี 2021 และเจ้าตัวสามารถขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งกับ โฌแอล มาติป เพื่อจะได้ยื่นคู่กับ ฟาน ไดค์ โดย สตาร์ชาวฝรั่งเศส มีจุดเด่นอยู่ที่ความเร็ว และแข็งแกร่ง นั่นทำให้เขากลายเป็นคู่หูเซนเตอร์แบ็กของ กัปตันชาวดัตช์ มาตลอดในฤดูกาลนี้
การเซ็นสัญญาพอใช้ได้
- เซอร์ดาน ชากีรี่, คอสตาส ซิมิกาส, ติอาโก้
ชากีรี่ อาจไม่ใช่นักเตะในสไตล์ที่ คล็อปป์ ต้องการ แต่เขาทำผลงานได้ดีตลอดเวลาที่อยู่กับทีม และมีส่วนในการช่วยสร้างความสำเร็จด้วย นักเตะย้ายมาจาก สโต๊ค ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียง 13.5 ล้านปอนด์ (ราว 594 ล้านบาท) เท่านั้น และลงเล่นกับสโมสร 63 เกม โดยหนึ่งในเกมที่ สตาร์ชาวสวิส สร้างเอาไว้จนเป็นที่ติดตาตรึงใจแฟนบอล "หงส์แดง" ก็คือการทำ 2 ประตูในเกมชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แอสซิสต์ให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ทำประตูเกมพลิกนรกบรรลือโลกชนะ บาร์เซโลน่า 4-0
ด้าน คอสตาส ซิมิกาส ย้ายมาเพิ่งเป็นออปชั่นของ โรเบิร์ตสัน โดยแบ็กซ้ายชาวกรีกค่อยๆ พัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง และทำหน้าที่กำลังเสริมของ สตาร์ชาวสกอตแลนด์ ได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญเขามีส่วนกับความสำเร็จของทีมมาตลอด และไม่เคยพร่ำบ่นเวลาที่เป็นเพียงตัวสำรอง นั่นทำให้เจ้าตัวเป็นที่รักของสาวก "เดอะ ค็อป" อย่างมาก
สำหรับนรายของ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ถูกคาดหวังเอาไว้สูงมากตอนที่้ย้ายมาจาก บาเยิร์น มิวนิค โดย ลิเวอร์พูล ต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นแนวเฮฟวี่เมทัล เพื่อให้เหมาะกับสไตล์ของ ติอาโก้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถงัดฟอร์มเทพเหมือนตอนอยู่กับ "เสือใต้" แต่ทุกคนเข้าใจได้เพราะ ดาวเตะชาวสแปนิช โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่ได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของเขา
การเซ็นสัญญาน่าผิดหวัง
- อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน, อาเดรียน, เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, แอนดี้ โลเนอร์แกน
ตอนที่ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน ย้ายมาร่วมทีมถือเป็นเรื่องที่ฮือฮามากๆ เพราะเขาสร้างผลงานได้สุดยอดกับทีมก่อนจะโดนอาการบาดเจ็บหัวเข่าเล่นงานในช่วงระหว่างฤดูกาล 2017/2018 และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่กลับมาสู่ฟอร์มเก่งอีกต่อไปเลย
เหตุผลเดียวที่ อาเดรียน จะไม่โดนตราหน้าว่าเป็นการ "ทุ่มเงินที่สูญเปล่า" ก็เพราะทีมไม่ต้องเสียเงินในการดึงตัว โกลชาวสแปนิช มาร่วมทัพ เขาย้ายมาเพื่อเป็นยางอะไหล่ให้กับ อลีสซง แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นมือ 3 ของทีมไปเรียบร้อยแล้ว โดยโดน ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูรุ่นน้อง แซงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก เป็นหนึ่งในสองการเซ็นสัญญาในช่วงซัมมเอร์หลังคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เขามีโอกาสได้ลงสนามในฟุตบอลถ้วยเมืองผู้ดี 4 แมตช์ และตอนนี้ถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ ไมนซ์ 05 ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ตอนนี้เขาอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น มันอาจจะยากที่จะตัดสิน แนวรับดาวรุ่งชาวดัตช์ ว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าผิดหวัง ฉะนั้นอาจต้องให้โอกาสเขาซะหน่อย
ในรายของ แอนดี้ โลเนอร์แกน เป็นการเซ็นสัญญาแบบฉุกเฉินตอนที่ อลีสซง บาดเจ็บช่วงต้นซีซั่น 2019/2020 โดยเขาย้ายมาจาก มิดเดิลสโบรช์ แต่กระนั้นเจ้าตัวไม่เคยได้ลงทำหน้าที่เฝ้าเสาให้กับ "หงส์แดง" เลย อย่างไรก็ตามเขานั่งเป็นตัวสำรองในเกมยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ สำหรับ โลเนอร์แกน ก็เหมือนกับ อาเดรียน เพราะทีมไม่ต้องเสียค่าตัว ดังนั้นถือว่า ลิเวอร์พูล ไม่เจ็บตัวมากนัก
ทอมเม้ง