ความพ่ายแพ้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ เมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีกน่าสนใจขึ้นอีกเยอะเลยนะครับ
เพราะในขณะที่ทีมเรือใบสีฟ้าปราชัยเป็นครั้งแรกและทำให้ทุกคนได้เห็นว่าทีมที่ใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทานอย่างพวกเขาก็แพ้เป็นนั้น อาร์เซน่อลจ่าฝูงยังคงทำคะแนนอย่างต่อเนื่อง
สามแต้มที่เอลแลนด์ โร้ด กับผลการแข่งขันที่แอนฟิลด์สวิงรุนแรง ช่องว่างจากหนึ่งแต้มฉีกหนีเป็นสี่คะแนนในทันที
สถิติของทีมปืนใหญ่จนถึงเวลานี้ลงเตะ 10 นัด แพ้แค่เกมเดียว และอีก 9 นัดที่เหลือแปรเปลี่ยนเป็นชัยชนะได้ทั้งหมด
โกยคะแนนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและเต็มไม้เต็มมือ ผ่านเส้นทางหนึ่งในสี่ของฤดูกาลมาแล้วยังคงนำเป็นจ่าฝูงด้วยผลการแข่งขันที่จับต้องได้อย่างจริงๆ จังๆ
เพราะถ้ารวมการลงสนามทุกรายการทั้งยูฟ่า ยูโรปา ลีก 4 เกมที่เก็บ 12 คะแนนเต็ม และการอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลอีก 5 นัดที่ชนะรวดเข้าไปด้วยก็หมายความว่าทีมปืนใหญ่ของ มิเกล อาร์เตต้า ชนะถึง 18 จาก 19 เกมที่ลงเล่น
ผลงานอย่างนี้พูดได้เต็มปากว่าถึงไหนถึงกันล่ะวะ!
แน่นอนครับเต็งหนึ่งยังคงเป็นทีมเรือใบสีฟ้าเหมือนเดิม เป็นเต็งจ๋าด้วยในระดับเอา 4 บาทไปแลกบาทเดียว แต่โอกาสก็เปิดกว้างขึ้นอย่างน้อยก็อีกนิดเมื่อคะแนนของพวกเขาหยุดลงเป็นครั้งแรก
ถ้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมพิชิตลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ได้ มันคงจะยิ่งห่อเหี่ยวสำหรับทั้งลีก ทีมเรือใบสีฟ้าจะยิ่งมั่นใจและเพิ่มความได้เปรียบเหนือคู่ปรับทีมอื่นๆ ขึ้นไปอีกมากเพราะเกมที่บ้านของลิเวอร์พูลหรือหนึ่งในโปรแกรมที่ยากที่สุดสำหรับทุกๆ ทีม
โอกาสของอาร์เซน่อลจึงจับต้องได้มากขึ้น แฟนบอลอาร์เซน่อลไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้มานานแล้ว เชื่อว่ากระทั่งนำเป็นจ่าฝูงด้วยผลงานน่าชื่นชมอย่างนี้ก็ยังคงมีความไม่แน่ใจแทรกซึมอยู่
มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะทีมปืนใหญ่ห่างหายจากการลุ้นแชมป์มาหลายปีจริงๆ เรียกว่ากองเชียร์จำบรรยากาศตื่นเต้นของการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหนล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ผลการศึกที่แอนฟิลด์ยังเป็นคุณกับทุกๆ ทีมไม่ใช่เฉพาะอาร์เซน่อลหรือลิเวอร์พูลที่หักเรือใบสีฟ้าได้โดยตรง แต่ยังรวมถึงทีมอื่นๆ อย่าง สเปอร์ส เชลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย
หลายคนจับตาดูกันว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเบียดแซงอาร์เซน่อลขึ้นไปเป็นจ่าฝูงเมื่อไหร่ เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง การลุ้นก็คงจะเริ่มคลี่คลายลงไปด้วยสิ่งที่ตามมาคงหนีไม่พ้นแชมป์เก่าเริ่มโกยแต้มทิ้งห่างกลุ่มผู้ตามออกไปเรื่อยๆ
นั่นคือภาพในหัวของหลายๆ คน มันก็ไม่แปลกหรอก เพราะเรารู้ดีถึงคุณภาพของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาทำให้เห็นมาแล้วนักต่อนัก
ถึงตรงนี้คงต้องบอกว่าแม้ซิตี้จะยังเป็นเต็งหนึ่ง แต่พรีเมียร์ลีกสนุกขึ้นเยอะ แต้มของพวกเขาหยุดนิ่ง อาร์เซน่อลหนีไปเป็นสี่ สเปอร์สขยับขึ้นมาทาบเท่ากัน ส่วนเชลซีก็บีบช่องว่างที่ไล่ตามพวกเขาจากเดิมเจ็ดแต้มเหลือแค่สามคะแนน
เสียดายเพียงนิดที่ทีมไก่เดือยทองกับสิงโตน้ำเงินครามสะดุดหัวทิ่มในเกมล่าสุด แต่ความพ่ายแพ้ของสเปอร์สก็หมายถึงสามคะแนนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ขยับตามเข้ามาด้วยผลงานเก็บ 7 คะแนนใน 3 เกมหลังสุดเช่นกัน
กับลิเวอร์พูลที่ตามซิตี้ไกลถึง 13 คะแนนก่อนเตะก็ขยับเข้ามาเหลือ 10 แต้มและยังร่นลงเหลือ 7 คะแนนเมื่อเก็บเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ช่วงกลางสัปดาห์ มันอาจจะยังดูไกลแต่กับฟุตบอลลีกที่ชนะได้สามคะแนนนั้นเผลอแค่กะพริบตาก็อาจไล่ตามกันทัน
ที่สำคัญคือชัยชนะเหนือเรือใบสีฟ้าลบคำสบประมาทที่มีต่อพวกเขาลงได้มาก เมื่อมันต่อด้วยการทุบขุนค้อนได้อีกก็อาจจะเป็นจุดตั้งต้นของการกลับคืนสู่ความมั่นใจของทีมหงส์แดงก็ได้
บางครั้งเราก็ต้องการจุดพลิกผันอะไรสักอย่างให้มันเกิดขึ้นเพื่อทะยานกลับขึ้นไปใหม่
มองไปข้างหน้า โปรแกรมลีกนัดต่อไปยังเอื้อให้ลิเวอร์พูลอีกต่างหาก
ลงเตะตั้งแต่หัววันที่ ซิตี้ กราวนด์ ถ้ากำชัยเหนือ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เจ้าถิ่นได้ จะเป็นชัยชนะสามเกมติดต่อกัน ขยับไล่แมนฯ ซิตี้ เหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้นแม้จะลงเตะมากกว่า
ผลการแข่งขันนัดเดียวที่แอนฟิลด์เมื่อสัปดาห์ก่อนกระทบชิ่งเป็นที่พูดถึงได้อีกมากมายทีเดียวนะครับ
ลิเวอร์พูลหลังจากนี้ก็น่าสนใจ แมนเชสเตอร์ ซิตี้หลังจากนี้ก็น่าสนใจ หรืออาร์เซน่อลหลังจากนี้ก็ยิ่งน่าสนใจ เพราะจากม้านอกสายตาในทีแรกทำท่าว่าทีมปืนใหญ่จะกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัวแล้ว
ความปราชัยของซิตี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม มันทำให้ทุกอย่างดูผ่อนคลายลง ไม่เขม็งตึงเครียดหรืออบอวลไปด้วยความหวาดหวั่นอย่างที่ผ่านมา
พวกเขายังคงเป็นเต็งหนึ่งนั่นแหละ แต่ก็เป็นเต็งหนึ่งที่ทีมอื่นๆ มีความหวังมากกว่าเดิม มั่นใจได้มากกว่าเดิม
เพราะมันแสดงให้เห็นแล้วว่า เต็งหนึ่งผู้น่าเกรงขามก็หกล้มเป็นเหมือนกัน
ตังกุย