ศึกอภิพญามหายุทธ์ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ที่ แอนฟิลด์ จบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไปอย่างเมามันอันเป็นผลดีต่อ อาร์เซน่อล
และนี่คือสิ่งที่ "คนกลาง" อย่างผมอยากจะบอก
1. หากดูจากสภาพความพร้อมของทั้ง 2 ทีม ถือว่าพลพรรคหงส์แดงทำได้ไฉไลกว่าที่คาดเอาไว้
ครึ่งแรกยังพอดูสูสี ไม่เหลื่อมล้ำกันมาก แต่ครึ่งหลัง เกมเป็นของเจ้าถิ่นอย่างเป็นเอกฉันท์ ปัญหาคือจังหวะสุดท้ายที่ไม่เด็ดขาดกันเอง
เฉพาะอย่างยิ่งจังหวะหลุดไปยิงของ ลุยส์ ดิอาซ
มันต้องเข้า
2. แมนฯ ซิตี้ ผิดฟอร์มไปเลยนะครับ
จังหวะขึ้นนำ 1-0 ก็มาจากลูกเซ็ตพิซด้วยลูกที่ซักซ้อมกันมามากกว่า มิได้มาจากการบุกกดดันเจ้าถิ่น หรือโต้กลับฉับพลัน
เควิน เดอ บรอยน์ ถึงกับถูกเปลี่ยนตัวออกจนแสดงอาการหัวเสียใส่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ฟิล โฟเด้น ก็เล่นไม่ออก ขณะที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เหมือนไม่มีตัวตน
การเอาชีวิตรอดพ้นกลับออกมาจาก แอนฟิลด์ ได้ ถือว่าประสบความสำเร็จ
3. อีกจุดที่ ลิเวอร์พูล เหนือกว่า คือ "พลัง"
ทั้งพลังกาย และพลังใจ
พวกพรี่ๆ วิ่งกันพล่านมากกว่าผู้มาเยือน จังหวะการเข้าบอล จังหวะเสียบสกัดก็ถึงใจพระเดชพระคุณดีนักแล
ลุยส์ ดิอาซ กับ ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์ สับตีนแบบไม่ยั้งหยุดตลอดทั้งเกมประหนึ่งฉีดกระทิงแดงกับคาราวบาวแดง รวมถึงทักษิณสู้เข้าสู่เส้นเลือดจนผมอยากให้ทาง เอฟเอ ตรวจทั้งปัสสาวะและอุจจาระของผู้เล่น 2 คนนี้
ส่วนอีกหนึ่งที่เล่นแบบเอาเป็นเอาตายคือ วาตารุ เอ็นโด ที่ช่วยให้แดนกลางของ ลิเวอร์พูล เอาชนะแดนกลางของ แมนฯ ซิตี้
4. นานๆ ทีนะครับถึงจะเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านการครอบครองบอลอย่าง แมนฯ ซิตี้ ต้องถอยลงไปตั้งรับแล้วเตะบอลทิ้งไปข้างหน้าพลางดึงจังหวะเกมให้ช้าลง
เจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมสามารถทำให้คู่แข่งระดับ 'ทริปเปิ้ลแชมป์' เมื่อฤดูกาลที่แล้วตกอยู่ในสภาพแบบนี้
มิหนำยังมีดวงให้แคล้วคลาด ไม่เสียประตูจากการช่วยเหลือของเสาและคานอีกต่างหาก
5. ทีนี้มาว่ากันถึงประเด็นดราม่าในนาทีที่ 99 อีกแล้ว
จังหวะที่ เฌเรมี่ โดกู เตะเข้าไปที่ยอดอกของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
วาบแรกที่เห็นเหตุการณ์นี้จากภาพช้า ผมสบถกับตัวเองด้วยสำเนียงสเกาเซอร์ว่า "เจ๊ตเข้"
เพราะผมมองว่ามันเป็นจุดโทษ ประมาณ 90%
ต่อให้ไม่มีเจตนาทำฟาวล์ หรือต่อให้โดนบอลก่อน
ผู้ตัดสินก็มีสิทธิ์ให้จุดโทษได้นะ
โทษฐานที่ "เล่นอันตราย" ไม่ระมัดระวัง แถมตัวอย่างเคยมีให้เห็นถมเถ
เพียงแต่ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์เฉยๆ แกไม่กล้าให้
VAR ก็ไม่กล้าให้ เพราะมันดูโหดร้ายและโรคจิตกับ แมนฯ ซิตี้ มากเกินไปหน่อย
ผมเชื่อว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่าง 90 นาที ลิเวอร์พูล จะได้จุดโทษอย่างแน่นอน
และผมก็เชื่ออีกว่าถ้า ลิเวอร์พูล ตามหลังอยู่ 1 ประตู พวกเขาก็จะได้จุดโทษอย่างแน่นอน ต่อให้นาทีที่ 99 ก็เหอะ
แต่ไม่ใช่ในนาทีที่ 99 ตอนที่สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 อันบีบกดดันผู้ตัดสินจนทำให้ตัดสินใจลำบาก
ถ้าขืนให้ในจังหวะและเวลาแบบนี้
รับรองว่า...ดราม่าแน่
แต่ไม่ให้ก็ดราม่าอยู่ดีนั่นแหละ 5555
บอ.บู๋