ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงสุดสัปดาห์นี้มีหลายคู่ที่น่าสนใจโดยบิ๊กแมตช์คงหนีไม่พ้น เชลซี รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มร้อนแรงเหลือเกิน แม้จะไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่โดนตัดออกจากทีมหลังสร้างประเด็นดราม่าในเกมทุบ สเปอร์ส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่ แอสตัน วิลล่า จะมีสภาพยังไงเมื่อทีมไร้นายใหญ่และกำลังวิ่งวุ่นเพื่อหาคนมากอบกู้วิกฤติ ส่วน ลิเวอร์พูล กับโอกาสที่จะกระตุ้นทีมให้กลับมามีลุ้นท็อปโฟร์ หรือแชมป์ลีกหากพวกเขาสามารถปราบ ฟอเรสต์ ในถิ่นซิตี้ กราวนด์
1. แมนยูไร้ โรนัลโด้ ถ้าจะไปได้สวย
เอริค เทน ฮาก แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าสโมสรต้องอยู่เหนือนักเตะทุกคน ฉะนั้นหากใครที่ทำตัวกระด้างกระเดื่องต่อให้เป็นแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ก็ต้องโดนลงโทษไม่เว้นแม้แต่ฮีโร่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทำตัวขาดสติใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล จนเป็นเหตุให้โดนลงโทษด้วยการดร็อปไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องในเกมเยือน เชลซี
แม้ "เฮียโด้" จะออกแถลงการณ์รับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ เทน ฮาก ยังคงมีความเฮี้ยบในการลงโทษเขาต่อไป โดยจับแยกไปซ้อมเดี่ยวแต่นักเตะก็ไม่มีอิดออดเพราะต้องยอมรับกับสภาพดังกล่าว เนื่องจากเป็นคนก่อเรื่องงามหน้าเอง
สำหรับตอนนี้เชื่อว่าสาวก "ผีแดง" คงรู้สึกไปในทิศทางเดียวกันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังทำผลงานติดลมบนกับแท็กติกที่ เทน ฮาก นำมาใช้ และการที่ทีมไม่มี โรนัลโด้ ในแมตช์เยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรมากนัก
หากมองย้อนกลับไปดูเกมที่ไล่ต้อน สเปอร์ส ต้องยอมรับว่า แมนฯ ยูฯ เล่นด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน วิ่งเพรสซิ่งตลอดทั้งเกม และช่วยกันไล่ตัดบอลจนแข้ง "ไก่เดือยทอง" ไม่สามารถตั้งเกมได้เลย ฉะนั้นการที่ "ผีแดง" ไม่มี โรนัลโด้ ก็ไม่ขาดใจอยู่แล้ว !!!
2. สิงห์พะงาบๆ !! หลังขาดคนบังคับบังเหียน
หลังจากที่เจียนอยู่เจียนไปมานานหลายเกมตอนนี้ แอสตัน วิลล่า ตัดสินใจสั่งเด้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ออกจากตำแหน่งเรียบร้อย หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวในแมตช์พ่ายยับ ฟูแล่ม 0-3 ที่สนามคราเว่น ค็อตเทจ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
สำหรับตอนนี้ "สิงห์ผงาด" กลายสภาพเป็น "สิงห์พะงาบ" สภาพต้องใช้ท่อช่วยหายใจเพราะทีมหล่นไปอยู่อันดับ 17 ซุ่มเสี่ยงเหลือเกินที่จะร่วงไปอยู่ในโซนตกชั้น และยิ่งทีมขาดคนกุมบังเหียนยิ่งทำให้ทีมไม่สามารถกำหนดทิศทางได้เลย
ก่อนหน้านี้สองเป้าหมายที่อยากได้มากๆ ทั้ง โธมัส ทูเคิ่ล และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ดูเหมือนจะไม่สนใจใยดีที่จะเข้ามากอบกู้วิกฤติ เพราะทั้งคู่เล็งกลับมาทำงานให้สโมสรชั้นนำมากกว่าทีมกลางตาราง
ด้วยเหตุนี้บอร์ดบริหารต้องหันไปหากุนซือที่โปรไฟล์ไม่หรูนักแต่ก็ไม่ขี้เหร่อย่างเช่น รูเบน อาโมริม ที่ทำผลงานได้โดดเด่นกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน ตามด้วย โธมัส แฟร้งค์ นายใหญ่เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งรายนี้ โยฮัน แลงจ์ ผอ.กีฬาวิลล่า ชื่นชอบเป็นพิเศษ
ตามด้วยชื่อของ อูไน เอมิรี่ ก็มีลุ้นที่ วิลล่า จะทาบทามมาทำงานแม้เปอร์เซนต์ค่อนข้างน้อย เพราะเขาอาจเลือกที่จะอยู่กับ บียาร์เรอัล ต่อไปหลังเคยปฏิเสธรับงาน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา สุดท้าย ฌอน ไดซ์ ซึ่งยังว่างงานนับตั้งแต่อำลา เบิร์นลี่ย์ โดยรายนี้มีประสบการณ์สูงในพรีเมียร์ลีก และน่าจะเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้ที่สุด
3. โอกาสของ ลิเวอร์พูล
จะไม่เอ่ยชื่อ ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงสัปดาห์นี้คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้พวกเขาเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเก็บชัยชนะด้วยการเฉือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ก็เป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับทัพ "หงส์แดง" มากขึ้นเป็นทวีคูณ
สถานการณ์ตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" รั้งอันดับ 7 มี 16 คะแนน โอกาสที่พวกเขาจะขยับขึ้นไปลุ้นท็อปโฟร์เริ่มเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ขณะที่การลุ้นแชมป์ยังคงต้องพักความคิดนี้เอาไว้ก่อน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปได้ไม่ได้ ถ้าหากพวกเขาสามารถเก็บ 3 คะแนนในเกมวันเสาร์นี้
การไปเยือน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะในช่วงนี้ ลิเวอร์พูล ยังมีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บหลายคน แต่ด้วยประสบการณ์และขุมกำลังที่มีอยู่ แน่นอนว่า "หงส์แดง" ยังคงได้เปรียบเจ้าบ้านหลายขุม
อย่างไรก็ตามทีมที่กำลังกระเสือกกระสนหนีตกชั้นแบบนี้มักจะมีพลังแฝงเวลาที่เจอกับทีมใหญ่ ฉะนั้น "เจ้าป่า" อาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับสาวก "เดอะ ค็อป" ได้เช่นกัน แต่ถ้าหาก ลิเวอร์พูล อยากมีเอี่ยวในการลุ้นท็อปโฟร์ หรือแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ พวกเขาต้องบุกไปคว้า 3 คะแนนมาให้ได้
4. เป็นห่วงไบรท์ตันเหลือเกิน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีคิวลงแข่งช่วงกลางสัปดาห์นี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาได้พักฟื้นสภาพร่างกายและจิตใจกันแบบเต็มที่ หลังโดน ลิเวอร์พูล ยับเยียดความปราชัยแมตช์แรกของซีซั่นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เกมที่แอนฟิลด์ พลพรรคทัพ "สำเภาทอง" เล่นไม่ออกแทบทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ และกองหน้า ซึ่งเคยโชว์ฟอร์มไล่ต้อนคู่แข่งแบบไม่ระทมหัวแม่เท้าหลายต่อหลายเกม แต่มันแทบไม่มีให้เห็นในเกมเยือน "เดอะ เร้ดส์"
ไม่ใช่ว่า แมนฯ ซิตี้ เล่นไม่ดีเพียงแต่พวกเขาเล่นไม่ได้ตามมาตรฐานที่เคยทำเอาไว้ ในขณะที่ ลิเวอร์พูล เล่นได้เกินมาตรฐานหากเทียบผลงานในช่วงต้นฤดูกาลนี้ ดังนั้นการแมตช์เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม รับมือ ไบรท์ตัน พวกเขาคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นสุดๆ
ลองนึกภาพ เออร์ลิง ฮาลันด์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฟิล โฟเด้น และ เควิน เดอ บรอยน์ ลงสนามด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือที่อยากจะแก้ตัวเพื่อให้แฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" กลับมามีใบหน้าเปื้อนยิ้ม บอกเลยว่างานนี้เป็นห่วง ไบรท์ตัน จริงๆ
5. ศึกหนีตายนายกับเรา
อีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจอย่างมากในช่วงสัปดาห์นี้ก็คือแมตช์ระหว่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน พบ เลสเตอร์ ซิตี้ เพราะนี่เป็นเกมที่จะทำให้พวกเขามีโอกาสสลัดตัวดีดขึ้นจากโซนตกชั้นไปหายใจให้โล่งปลอดในโซนปลอดภัยได้เลยทีเดียว
วูล์ฟส์ มี 9 คะแนนอยู่อันดับ 18 ส่วน "เดอะ ฟ็อกซ์" ตามหลังแค่แต้มเดียวเท่านั้น และเมื่อมองดูบรรดาทีมที่อยู่เหนือกว่าพวกเขาในโซนปลอดภัยก็มีแต้มห่างไม่กี่คะแนน ฉะนั้นชัยชนะในแมตช์นี้จะทำให้ทั้งสองทีมผ่อนคลายได้เลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเกมนี้อาจจะชี้ชะตาอนาคตของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่เลสเตอร์ ด้วย เนื่องจากเจ้าตัวกลายเป็นเต็งสองที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่งต่อจาก เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งกลายเป็นคนว่างงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ดังนั้น ร็อดเจอร์ส จำเป็นอย่างยิ่งต้องกระตุ้นลูกทีมให้รักษาโมเมนตัมแห่งชัยชนะให้ได้ ไม่อย่างนั้นชะตาชีวิตของเขาก็คงไม่ต่างจาก "สตีวี่จี" แหงๆ
ทอมเม้ง