สรุปสาระสำคัญจากการพูดคุยกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในรายการ Stick To Football ทางช่อง The Overlap ที่เปรียบเสมือนการทิ้งระเบิดนาปาล์มใส่ความเหลวแหลกของ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง !!!
1. ศึกแดงเดือดที่แพ้ ลิเวอร์พูล แบบเสียน้องหมาคาบ้าน ด้วยสกอร์ 5-0
เขาวางแผนให้ลูกทีมเล่นเกมรุกและเปิดหน้าสู้ ด้วยรู้สึกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ควรเล่นเกมรุก และไม่ต้องกลัวคู่ต่อสู้ เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แต่หนึ่งในผู้ร่วมรายการอย่าง รอย คีน แย้งว่ามันต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย หากเจอคู่แข่งที่เหนือกว่าก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเสมอไป
2. รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ในช่วงพักครึ่งของเกมสุดท้ายที่คุมทีมปีศาจแดง (แพ้ วัตฟอร์ด 4-1) เขาพยายามกระตุ้นลูกทีมให้สู้ เพราะตามหลังอยู่ 2 ประตูพลางถามว่า...ใครไม่อยากลงเล่น ขอให้ยกมือขึ้น ???
ปรากฏว่ามีผู้เล่น 2-3 คนที่ดันยกมือขึ้นมาจริงๆ
มันจบแล้วครับนาย
3. มีผู้เล่นบางคนปฏิเสธการเป็นกัปตันทีม ทั้งๆ ที่มีเป็นเกียรติยศของตัวเอง รวมถึงผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อ ก่อนเกม ยกเว้น บรูโน่ แฟร์นันด์ส, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ และดาบิด เด เคอา
เขาแต่งตั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นกัปตันทีม เพราะมีบุคลิกผู้นำ ส่วน บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ได้สวมปลอกแขนในยุคของ เอริค เทน ฮาก เขามองว่ามีความเป็นผู้นำเหมือนกัน แต่ "เยอะ" ด้วยแพสชั่นเกินไปหน่อย
น้าลูกอมบอกว่าที่บางคนยักไหล่ให้เกียรติยศกัปตันทีม เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไป
ยุคนี้คือยุคของผู้เล่น "เจนแซด" (Gen-Z)
4.สโมสรไม่ได้ยัดเยียด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาให้ เพราะเมื่อผู้ใหญ่ในสโมสรถามว่า "อยากเอามั้ยจะลองทาบทามให้"
เขาตื่นเต้นและตอบว่า "เอานะ"
แถม ณ ตอนนั้น (ตอนที่เซ็นสัญญา) มันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง ก่อนจะไม่เป็นผลดีต่อทั้งสโมสร และ "พี่โด้" ในภายหลัง
ตอนมาใหม่ๆ เจ้าของสมญา "CR7" บอกว่าด้วยอายุที่มากขึ้น ตัวเขาขอลงเล่น 3 เกมจาก 4 เกมก็พอ แต่พอไม่ส่งลงตัวจริง พี่เขาก็ไม่พอใจ เซอร์ อเล็กซ์ ก็ไม่พอใจ (เพราะป๋าเคยออกมาพูดเรื่องนี้ ตอนพี่โด้ถูกดร็อป)
นอกจากนี้การมาของ โรนัลโด้ ทำให้ทีมต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่น โดยเฉพาะตอนที่ไม่ได้ครองบอล และคนที่เดือดร้อนที่สุดจากการมาของยอดดาวเตะผู้นี้คือ เอดินสัน คาวานี่
5. มีผู้เล่น 3 คนที่อีน้าแกอยากกระชากตัวมาร่วมพลพรรคปีศาจแดง แต่ไม่สำเร็จ
คนแรกคือ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ผู้เคยเป็นลูกทีมของเขาที่ โมลด์ และเขาโทร.บอกตัวแทนสโมสรตั้งแต่ตอนนั้นให้มาเอาตัวไป
แต่กลับได้รับคำตอบประมาณว่า...เรามีรายงานของผู้เล่นคนนี้เพียงพอแล้ว !!!
หลังจากไอ้เด็กยักษ์ย้ายไปอยู่ ซัลบวร์กซ์ ขณะที่ "โอเล่" เป็นกุนซือชั่วคราวของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็บอกให้สโมสรไปกระชากตัวหัวหอกดาวรุ่งผู้นี้มา เพราะมีค่าฉีกสัญญาแค่ 20 ล้านยูโร
แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
กระทั่ง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เริ่มถล่มประตู ดอร์ทมุนด์ ก็เข้ามา ยูเวนตุส ก็เข้ามา รวมถึงทีมอื่นๆ ด้วย
ทีนี้ก็ยากแล้ว แถมค่าฉีกสัญญาพุ่งเป็น 60 ล้านยูโร
คนต่อมาคือ จู๊ด เบลลิงแฮม ตอนอายุ 17 ขวบ สโมสรเชิญเขากับครอบครัวมาทัวร์ โอลด์ แทรฟฟอร์ด และศูนย์ฝึกแคร์ริงตัน คอมเพล็กซ์ โดยได้รับเกียรติจากตำนานระดับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, ไบรอัน ร็อบสัน และเอริก คันโตน่า (ที่บังเอิญมาที่สโมสรพอดี) คอยช่วยโน้มน้าว
แต่ "ไอ้จู๊ด" ต้องการลงเล่นตัวจริงในทีมชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ซึ่งคงเป็นไปได้ยากกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
เลยว่าวไป
คนที่ 3 คือ ดีแคลน ไรซ์ ที่อีน้าแกเล็งเอาไว้นานแล้ว โทษฐานที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ขับเคลื่อนเกมรุกได้ด้วย เขาคิดว่าค่าตัวต้องแพงแน่ๆ และสโมสรควรยอมจ่าย
แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น
โบนัส แทร็ค: โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เผยว่า เฟร็ด คือนักเตะที่ขยันและทุ่มเทมาก แถมอยู่เคียงข้างเขาแบบสุดใจ
บอ.บู๋