การที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เตรียมอำลา ลิเวอร์พูล หลังจบฤดูกาลนี้ ทำให้สโมสรต้องเริ่มดำเนินการเพื่อหากุนซือคนใหม่เข้ามาแทนตำแหน่ง โดยมีชื่อโค้ชมากมายแต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือชาบี อลอนโซ่ กับ รูเบน อโมริม
ในกรณีของ อลอนโซ่ ถือเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งจากผลงานชิ้นโบว์ที่สร้างไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รั้งตำแหน่งจ่าฝูงศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี และมีลุ้นแชมป์ในทุกรายการที่ได้ร่วมแข่งขัน แถมยังไม่แพ้ใครเลยในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม บาเยิร์น มิวนิค ก็สนใจอยากได้ กุนซือชาวสแปนิช เช่นกัน และดูเหมือนว่ามีแนวโน้มที่เจ้าตัวจะเลือก "เสือใต้" เพราะแรงกดดันน้อยกว่าการไปสานต่องานของ คล็อปป์ ที่ประสบความสำเร็จมากมายตลอดระยะเวลา 9 ปีที่อยู่ในถิ่นแอนฟิลด์
นั่นทำให้ "หงส์แดง" อาจเบนเข็มไปที่ อโมริน ที่ผลงานก็โดดเด่นเช่นกันกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน โดยตลอด 4 ปีที่อยู่กัทีมเขาทำให้สโมสรเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง และคว้าแชมป์ลีกซึ่งพวกเขาไม่ได้สัมผัสมานานถึง 19 ปี ขณะที่ในซีซั่นนี้ทีมยังรั้งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น
ความสามารถของเขาเหมาะกับการเป็นทายาทของคล็อปป์ หรือไม่ และนี่คืออีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมหรือเปล่าถ้าหาก อลอนโซ่ ปฏิเสธหวนกลับมาทำงานในถิ่นแอนฟิลด์ ? งานนี้ต้องมาพิจารณากันหน่อย
1. เหตุผลที่ อโมริม เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
กุนซือวัย 39 ปีทำผลงานได้อย่างอย่างสุดยอดนับตั้งแต่ที่เข้ามารับงานกุมบังเหียนสปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 2020 โดยความสำเร็จของเขาเป็นเครื่องการันตีว่าเจ้าตัวเข้ามาทำให้สโมสรแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด
อโมริม สร้างทัพ "เหยี่ยวลิสบอน" ให้กลายเป็นทีมที่น่าเหลือเชื่อ และตอนนี้่เขาสามารถทำสำเร็จได้ในระดับหนึ่งแล้ว แน่นอนว่า กุนชือชาวโปรตุกีส มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะก้าวไปทำงานในระดับที่ใหญ่กว่าเดิม
คงไม่ใช่เรื่องที่เกินกว่าความเป็นจริงที่จะบอกว่า อโมริม คือผู้ที่เปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลในดินแดนฝอยทอง เพราะจากสถิติในการทำงานของเขา ต้องยอมรับว่าเขาใกล้เคียงกับคำว่า "นักทำงานที่น่าอัศจรรย์" อย่างแท้จริง
2. เขาสร้างชื่อขึ้นมาได้ยังไง
ตอนที่ อโมริม ได้รับการแต่งตั้งให้กุมบังเหียนสปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อ 4 ปีก่อน ในการทำงานเต็มฤดูกาลครั้งแรกเจ้าตัวสามารถนำต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดประเทศโปรตุเกส ชนิดหักปากกาเซียนเลยทีเดียว
สำหรับแชมป์ในครั้งนั้นเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกของ สปอร์ติ้ง ที่นำมาประดับในตู้โชว์สโมสรในรอบ 19 ปีเลยทีเดียว และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นว่า อโมริม สามารถรักษาระดับฟอร์มการเล่นของ สปอร์ติ้ง ได้อย่างดีเยี่ยม
พวกเขาเกือบได้แชมป์ลีกในฤดูกาลถัดมา แต่สำหรับซีซั่นที่ผ่านมาทีมไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้ สปอร์ติ้ง กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงอีกครั้ง และมีการพูดกันว่าทีมมีสไตล์การเล่นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ อโมริม เข้ามากุมบังเหียนเลยก็ว่าได้
3. คุณสมบัติเป็นนักบริหารจัดการ หรือจอมวางแท็คติก
จะว่าไปแล้ว อโมริม มีคุณสมบัติทั้งการเป็นนักบริหารจัดการ และจอมวางแท็คติก แต่ดูเหมือนว่าอย่างแรกเจ้าตัวจะมีความโดดเด่นมากกว่า โดยเขามักจะสร้างบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมภายในทีม ซึ่งทำให้เกิดสปิริตที่มีความกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี
นายใหญ่เลือดฝอยทอง เคยสร้างบรรยากาศแบบนี้มาแล้วสมัยที่ใช้เวลาช่วงสั้นๆ กับสโมสรบราก้า ก่อนที่จะย้ายมาทำงานในถิ่นเอสตาดิโอ โชเซ่ อัลวาลาด และแน่นอนว่าสิ่งนี้คือหนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้นตลอดระยะเวลาที่ก้าวเขามาทำงานเทรนเนอร์นั้น อโมริม ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ลูกทีมของตัวเองต่อหน้าสื่อ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นที่รักและเคารพของนักเตะทุกคนที่ร่วมงานด้วย
4. แนวทางการสร้างทีมของอโมริม
ไม่มีอะไรต้องสงสัยเลยว่า อโมริม เป็นคนที่มีความฉลาดหลักแหลมในเรื่องการวางแท็คติก เขามีความเชื่อมั่นในแนวทางการเล่นของเขา และไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยจะเน้นระบบ 3-4-3 ซึ่งใช้แนวรับ 3 ตัวเท่านั้น
มีหลายคนมองว่าแท็คติกแบบนี้เน้นการตั้งรับนิดหน่อย เพราะใช้วิงแบ็กสองฝั่ง ถ้าพวกเขากลับลงมารับ จะทำให้ทีมเล่นระบบกองหลัง 5 ตัวทันที แต่ระบบนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ สปอร์ติ้ง ได้แชมป์ลีก พวกเขามีเกมรับที่แข็งแกร่ง และนั่นคือกุญแจสำคัญในการคว้าแชมป์
กระนั้นทีมยังมีระบบการเล่นเกมรุกที่ดุดันด้วยอย่างเช่นในฤดูกาลปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า สปอร์ติ้ง ยิงประตูได้เยอะมาก พวกเขายิงประตูได้เยอะมากในซีซั่นนี้ มากกว่าฤดูกาลอื่นๆ นับตั้งแต่ช่วงยุค 1950 หรือ 1960
ระบบนี้จะใช้วิงแบ็คทั้งสองฝั่งในการเล่นเกมรุกโจมตีคู่แข่ง แต่จะมีความแตกต่างนิดหน่อยในการเล่นเกมบุก โดยปกติแล้ว สปอร์ติ้ง มักใช้ผู้เล่นริมเส้น 2 คนอยู่ระหว่างแนวรุก แต่บางครั้งในซีซั่นนี้ อโมริม จะใช้กองหน้าแบบดั้งเดิม 2 ตัวคอยทำประตู ซึ่งสิ่งนี้คือความยืดหยุ่นที่เขาแสดงให้เห็นในการคุมทีม
5. ประสบการณ์ในการลุยฟุตบอลถ้วยยุโรป
จะว่าไปแล้ว อโมริม มีประสบการณ์ที่น่าประทับใจในการนำทีมลุยฟุตบอลถ้วยยุโรป โดยเฉพาะกับระบบการเล่นแบบนี้ เพราะตอนที สปอร์ติ้ง ต้องสู้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า แน่นอนว่าทีมจะต้องเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมันก็เหมาะสมกับพวกเขาจริงๆ
สปอร์ติ้ง ได้ผลการแข่งขันที่น่าประทับใจพอสมควรบนเวทียุโรป เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาทำได้ดีเยี่ยมในการสู้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม (ชนะในบ้าน 2-0, เสมอนอกบ้าน 1-1)
แม้จะไม่ได้ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็มีดีพอที่จะไปลุยยูฟ่า ยูโรปา ลีก และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นด้วยการเขี่ย "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่า อโมริม ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมบนเวทีลูกหนังยุโรป
ทอมเม้ง