หลังเกมซิตี้ กราวนด์ หืดยังไง ลิเวอร์พูล ต้องได้สามแต้ม
เข้าสู่ช่วงสำคัญของซีซั่นในทุกกลุ่มของการลุ้นนั่นคือ 10-11 นัดสุดท้าย
สามแต้มคือเป้าหมายสำคัญที่สุด คือลุ้นนัดต่อนัด อย่าไปคิดมากกับโปรแกรมที่เหลือ
นัดที่จะลงสนามต่อไปนี้แหละสำคัญกว่านัดที่ยังไม่ได้แข่งอีกเดือนสองเดือนข้างหน้า...
นับถอยหลังไปก็เท่านั้น....จะทีมใหญ่ทีมเล็ก นัดที่กำลังลงสนามนี่แหละคือความสำคัญ เหมือนที่นักข่าวฝรั่งมักจะมีวลีเด็ดๆอย่างที่ผมเขียนตลอดเวลาว่า นัดที่ต้องชนะ when it's reall matters นั่นแหละสำคัญ
ลิเวอร์พูล บุกเยือน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ อดีตคู่ลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดและเจ้ายุโรป
หงส์แดง เคยพลาดท่าต่อ เจ้าป่าในการเตะเจ้ายุโรป ถึงขั้นตอนเจ้าป่าเขี่ยตกรอบ
สถิติก็บอกว่าเมื่อเยือน ซิตี กราวนด์ สนามที่ ทีมฟอเรสต์ เช่าเมือง เป็น lease hold ริมแม่น้ำเทร้นต์ คือสังเวียนที่เด็กหงส์ยุคไหนมาเยือนก็ไม่ง่าย
ยุคพรีเมียร์ลีกนี่ไม่ค่อยเจอ เพราะเจ้าป่าตกชั้นไปนานนับจากปี 1999 พึ่งขึ้นมา
ควันหลังเกมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
1 แท็กติก สองโค้ช
แน่นอน นูโน ซานโต วางแผนชัดเจน รับลึกรับแดนตัวเอง รอสวน เพื่อขอแบ่งแต้ม หรือดีกว่านั้นคือสามคะแนน
รูปแบบ 4-5-1 แบ๊กโฟร์ เนโก, มูริโย, โอโมบามิโโด และ ทอฟโฟล
ส่วนแดนกลางห้าคนนั้นในแบบมีมิดฟิลด์คู่กลางสองคน โดมิงเกส,เยตส์
กลางรุกสามคน เอลังก้า, กิบบ์-ไวทส์ และ ฮัดสัน-โอดอย หน้าเป้า โอริกี
ส่วนเจเค มีข่าวดีทั้ง โซโบ, ดาร์วิน มีชื่อสำรอง ทำให้การจัดทีมดูง่ายขึ้นกว่าสองนัดที่ผ่านมา เลือก 11 คนแรกที่ดีสุด แบ๊กโฟร์ เลือก แบรดลีย์, โกนาเต้, ฟานไดจ์ และ รอบโบ้ โดยพัก ควอนซาห์ ที่เล่นกลางสัปดาห์ต่อเนื่อง แดนกลางยังใช้ โจ โกเมซ เบอร์หก คล้าร์ก เล่นมิดฟิลด์ กับ แม็คก้า ข้างหน้า เอลเลียตต์, กัคโป และ ดิอาส
2 ครึ่งแรกเจ้าป่าได้เสียว
บอลสองแทกติก ฝั่งหนึ่งคือเจ้าบ้านรับแล้วสวน รับลึกแดนตัวเอง ทำได้ดี ปิดโอกาสหงส์แดงทั้งด้านข้าง ซ้ายและขวา รวมทั้งหน้าไลน์ได้ดี เรียกว่าเข้าไปโจมตีและจบด้วยการยิงไม่ง่าย
ขณะเดียวกันจังหวะสวนกลับได้ลุ้นประตูจากการหลุดเดี่ยวของ เอลังก้า
แต่ยิงติดเท้า เคลเลเฮอรฺ์ ที่โชว์เซฟจังหวะ1-1 อีกครั้ง
ครึ่งแรกดูอึดอัดสำหรับเด็กหงส์ในแง่การเข้าทำแดนสาม จังหวะเสียวๆ ได้ลุ้นมี
ดิอาส ยิงติด มูริโย
กัคโป ไม่โหม่งพังประตูระยะ 6 หลา กลับโหม่งชงเข้าจุดโทษ....
หรือ ดิอาส หลุดไปเปิดบอล ผ่านหน้าประตู คลาร์ก เข้าไม่ทัน
ครึ่งแรก...จังหวะ big chance เป็นของ ฟอเรสต์ แม้หงส์ครองบอลมากกว่า
3 ครึ่งหลัง...โกเมซ เล่น 3 ตำแหน่ง
ยังคงเหมือนครึ่งแรก...เกมแดนสามหงส์แดง เจาะได้ยาก ทั้งจังหวะเปลียนทรานสิชั่น หรือจังหวะเล่นบอลด้านข้างและหน้าไลน์ เพราะแนวรับฟอเรสต์ ยืนแน่นจริง แถมแดนกลางบางจังหวะตัดบอลได้แล้วโจมตีเร็ว แต่ไม่ชัวร์แดนสามเท่านั้น
เจเค ปรับแก้ด้วยการส่ง ดาร์วิน และ เอนโด ลง ถอด รอบโบ้ และ คล้าร์ก ออก
ปรับ โกเมส จากเบอร์หก ไปยืนแบ๊กซ้าย และปรับ กัคโป ยืนขวา ดาร์วิน หน้าเป้า และ ดิอาส ซ้าย ช่วงนาทีที่ 60 แต่ยังไม่ดีขึ้น เป็นฟอเรสต์ ได้ลุ้นมากกว่า จากการเล่นบอลแดนสองไปแดนสามเร็ว บอลด้านซ้าย ถึงเอลังก้า แปนิ่มๆ ออกข้างเสาเฉย
เจเค ส่ง โซโบ ลงแทน เอลเลียตต์ ซึ่งไม่พอใจขว้างเสื้อวอร์ม ไม่รู้ไม่พอใจตัวเองหรือใคร แม้เกมบุกมากกว่าแต่การเจาะแดนสาม ไม่ดีอย่างที่ต้องการ ส่วนฟอเรสต์ ส่วนเป็นระยะ
น.83 เจเดน แดนน์ และ ซิมิกาส ลง ถอด กัคโป และ แบรดลีย์ ออก
โยก โกเมซ ไปเล่นแบ๊กขวา
4 ทดเวลาชนะ ดาร์วิน ฮีโร่
เกมนี้ทดเวลา 8 นาทีเท่ากับเปิดโอกาสให้สองทีมมีลุ้นยิง เพราะ ฟอเรสต์ ก็รอสวนกลับ อย่างตั้งใจ ส่วนหงส์พยายามกดดันทุกวิถีทางทั้งเตะมุม และการโจมตีด้านข้าง จนถึงจังหวะบอลสองที่ แม็คก้า หยอดเข้าเขตโทษ น.90+9 เข้าหัว ดาร์วิน นูนเญซ โขกสะบัดระยะ 6 หลาตุงตาข่าย
เป็นประตูชัยให้ลิเวอร์พูลชนะ เจ้าบ้าน ฟอเรสต์ 1-0 นำเรือใบสีแต้มต่อไป
ชัยชนะเกมนี้มีความหมายแน่นอนจากเกมที่อั้น และโจมตียาก ฟอเรสต์ วางแทกติกมาได้ดี แน่น รับลึก แถมมีจังหวะสวนเป็นระยะที่ได้ลุ้น แต่มาโดนทีเด็ดของ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ได้บอลจาก แม็คก้า ที่แม่นเกิน....โขกเข้าไปตุงตาข่าย
ดาร์วิน ยิงประตูช่วงสำคัญของเกมคือ "ทดเวลา" ลูกที่ 2 ต่อจากเกมที่ชนะนิวคาสเซิล2-1 ต้นซีซั่น
ถ้านับเฉพาะช่วงทดเวลา น.90+ นี่คืออีกหนึ่งประตูที่หงส์แดงทำได้ แล้วไม่แพ้ในเกม
ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1 น.90+3.....ดาร์วิน
เสมอ ลูตัน 1-1 น.90+5....ดิอาส
ถ้าคิดเฉพาะยิงประตูช่วงทดเวลา
ชนะ วูล์ฟ 3-1 น.90+1 ...บูเอโน ทำเข้าตัวเอง
ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 น.90+7....ซาลาห์
ชนะ เชฟฯยูไนเต็ด 2-0 น.90+4...โซโบ
ชนะ เบิร์นลีย์ 2-0 น.90..... โชต้า
การยิงประตูชนะช่วงทดเวลามีค่ามากกว่า3 แต้มแน่นอน
เมื่อถึงจุดสำคัญของซีซั่นถึงเกมที่ต้องชนะ....ต้องทำได้
when it's really matters
เด็กหงส์ทำได้ในวินาทีสำคัญ....หืดยังไงต้องได้ผลชนะ
ในสถานการณ์นำจ่าฝูงแบบนี้นับว่าสำคัญและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีมในเกมต่อไป
ตอนนี้เท่ากับโยนความกดดันให้แมนฯซิตี้ และอาร์เซนอลในการเล่นเพื่อชนะ ไม่งั้นช่องว่างจะขยับเพิ่มขึ้น
JACKIE