สงครามแข้งพรีเมียร์ลีกผ่านไปแล้ว 26 นัด
ลิเวอร์พูล ยังคงนำเป็นจ่าฝูง มี 60 แต้ม ยิง 63 เสีย 25
รองจ่าฝูงคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี 59 แต้ม ยิง 59 เสีย 26
อันดับ 3 คือ อาร์เซน่อล มี 58 แต้ม ยิงได้ 62 เสีย 23
ขออนุญาตไม่พูดถึง แอสตัน วิลล่า และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในเรื่องการลุ้นแชมป์นะครับ
เหตุเพราะทีมสิงห์ผงาด และน้องไก่น่าจะทำได้ดีที่สุดคือแย่งพื้นที่ท็อปโฟร์
ด้วยช่องว่างที่อันดับ 1-3 ห่างกันแค่ 2 แต้ม นั่นหมายความว่าแต่ละทีมมีโอกาสแซงขึ้นเป็นจ่าฝูงได้ทุกสัปดาห์
ว่าแล้วขออนุญาตวิเคราะห์โปรแกรมการแข่งขันในเส้นทางที่เหลืออยู่ของม้า 3 ตัวที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเมามันว่าเส้นทางของใครยาก-ง่ายอย่างไร
.
.
.
เริ่มกันที่ท่านผู้นำอย่างหงส์แดงผู้อหังการ
โปรแกรมที่เหลืออยู่ เกมที่ต้องออกไปเยือนคือ ฟอเรสต์, เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ฟูแล่ม, เวสต์แฮม และ แอสตัน วิลล่า
ส่วนเกมที่แอนฟิลด์ คือเจอกับ แมนฯ ซิตี้, ไบรท์ตัน, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, คริสตัล พาเลซ, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และนัดปิดซีซั่นกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน
ผลงานของทีมหงส์แดงเมื่อได้เล่นในบ้านตัวเองฤดูกาลนี้ถือว่าร้อนแรงและกะซวกไส้ดีนักแล เพราะเป็นทีมที่เก็บแต้มจากนัดเหย้าได้มากที่สุด กวาดไปถึง 35 แต้ม จากผลงานชนะ 11 เสมอ 2
แต่ 2 เกมที่พลาดทำแต้มหล่น คือเกมที่พบกับทีมระดับพญายักษ์ โดยเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 และเสมอ อาร์เซน่อล 1-1
โปรแกรมในบ้านที่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังต้องลงแข่งขันในช่วงที่เหลือ มีงานช้างอย่างการเจอ แมนฯ ซิตี้ และต้องพบกับทีมโรคจิตอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ฤดูกาลนี้ทำผลงานได้ไฉไลในการเจอ "บิ๊ก ซิกซ์"
เกมเปิดบ้านปะทะเรือใบสีฟ้าในวันที่ 10 มีนาคม เชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะต้องพยายามทำทุกอย่าง 'ห้ามแพ้' เพื่อมิให้ช่องว่างที่ตามหลังมันห่างมากไปกว่านี้
ถ้าหากวันนั้น 'เจเค' พาทีมปราบแชมป์เก่าได้สำเร็จโอกาสเป็นแชมป์จะสดใสยิ่งขึ้น แต่ถ้าพวกเรือใบสีฟ้าไม่แพ้ บอกเลยว่าการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์คงต้องดูกันอีกยาวๆ
สำหรับเกมในบ้านที่ยากที่สุดอีกนัดสำหรับพวกพรี่ๆ ผมมองว่าคือการเปิดบ้านเจอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในช่วงท้ายซีซั่นนี่แหละ
ถ้าไม่นับวันที่ สเปอร์ส เหลือนักเตะในสนามแค่ 9 คนจนแพ้ เชลซี คาบ้าน 4-1 ฤดูกาลนี้ลูกทีมของ น้าแอนจ์ ไม่แพ้ทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีกเลยนะครับ
บุกเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-3 ถึง เอติฮัด สเตเดี้ยม และบุกไปเสมอ อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2
นั่นบ่งว่าใครก็ประมาทคลับไก่ไม่ได้ แถมโปรแกรมของลิเวอร์พูล เกมกับ สเปอร์ส จะอยู่ระหว่างเกมรอบรองชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ทั้ง 2 นัดอีกต่างหาก
ถ้าตอนนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังต้องพะวงกับบอลยุโรปด้วย และเจอปัญหานักเตะเจ็บเยอะเหมือนตอนนี้ มันจะยิ่งทำให้เกมนี้มีอัตราความฮาร์ดคอร์ขึ้นไปอีก
สำหรับเกมเยือนที่หงส์แดงมีโอกาสสะดุดเล็กน้อย คือศึกแดงเดือดที่ต้องบุกเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันที่ 7 เมษายน
แม้นฟอร์มของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะบัดซบ แต่หาก เอริค เทน ฮาก เลือกใช้วิธีเล่นแบบรัดกุม อดทน ขยัน ซื่อสัตย์ มีวินัย และใฝ่คุณธรรมอาจจะพอลุ้นยันเสมอได้ อย่างที่เคยทำสำเร็จที่ แอนฟิลด์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วแบบเซอร์ไพรส์
แถมคาดว่าในเดือนหน้า นักเตะบางคนจะเริ่มหายเจ็บกลับมาช่วยผีแดงเพิ่ม อาจทำให้สภาพทีมดูทุเรศน้อยลงกว่าตอนนี้
ส่วนเกมนอกบ้านที่ถือเป็นงานยากที่สุด คือการบุกเยือน แอสตัน วิลล่า ในสุดสัปดาห์รองสุดท้ายของฤดูกาล เพราะคาดว่าลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ น่าจะยังมีลุ้นไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่เมื่อถึงตอนนั้น และในซีซั่นนี้พวกเขาเคยเปิดบ้านตบทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้เห็นมาแล้ว
ขณะที่เกม “เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้” ที่ กูดิสัน พาร์ค ส่วนมากมักจะออกเสมอกัน การเจอกับ เอฟเวอร์ตัน นอกบ้าน จึงเป็นอีกนัดที่อาจเหนื่อยหนัก
นอกนั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่พลพรรคหงส์แดงจะกะซวกชัยได้หมด
.
.
.
สำหรับเกมที่เหลือของแชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ ทางพรีเมียร์ลีกตีค่าตัวเลขออกมาว่าพวกเขาเจอโปรแกรมยากกว่าใคร เพราะยังมีเกมที่ต้องเจอทีมอันดับ 1-9 อีกอย่างน้อยทีมละ 1 นัด
4 นัดข้างหน้าในลีก ประกอบด้วยการเจอคู่แข่งระดับ 6 อันดับแรกของตารางทั้งหมด
เปิดบ้านเจอ แมนฯ ยูไนเต็ด (อันดับ 6) และตามด้วยเยือน ลิเวอร์พูล (จ่าฝูง), เปิดบ้านเจอ อาร์เซน่อล (อันดับ 3) และเปิดบ้านเจอ แอสตัน วิลล่า (อันดับ 4)
กว่างานจะเบาขึ้นก็ล่วงเข้าสู่ต้นเดือนเมษายนไปแล้ว แต่ก็ยังคงเหลือเกมยากอย่างการเยือน ไบรท์ตัน และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่อีก
ฤดูกาลนี้ ทีมเรือใบสะดุดในการเจอทีมใหญ่บ่อยนะครับ
พวกเขาทำได้แค่เสมอ เชลซี ทั้งไปและกลับ
พ่ายแพ้ อาร์เซน่อล 1-0, เล่นในบ้านกับ ลิเวอร์พูล ก็ทำได้แค่เสมอ 1-1 และเปิดบ้านเจอ สเปอร์ส ก็โดนน้องไก่ไล่เจ๊า 3-3
โปรแกรมหนักๆ ที่รออยู่ของ ซิตี้ ในช่วงนี้ น่าจะมีแค่การเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในสภาพทีมพิการคืนวันอาทิตย์นี้เท่านั้นที่น่าจะเก็บชัยชนะได้สบายๆ หน่อย
นอกนั้นการเจอคู่แข่งในกลุ่มลุ้นแชมป์ทั้ง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล หรือทีมลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปทั้ง แอสตัน วิลล่า และ สเปอร์ส ถือว่าหนักเอาเรื่อง
.
.
.
.
ทีนี้มาดูโปรแกรมที่เหลือของ อาร์เซน่อล ซึ่งฟอร์มกำลังเร็วแรงแบบทะลุโลกันตร์ มีชัยในพรีเมียร์ลีกมา 6 นัดติดต่อกัน แถมยิงคู่แข่งไส้แตกแทบทุกนัดทั้งที่ขาดกองหน้าตัวเป้าระดับตีนพระกาฬ
ถ้าดูจากตารางคะแนนตอนนี้ ถือว่าในระยะสั้น ทีมปืนใหญ่น่าจะรักษาโมเมนตัมเกาะกลุ่มบนของตารางไปเรื่อยๆ เผลอๆ อาจแซงขึ้นไปนำจ่าฝูงได้ในเร็วๆ นี้
2 นัดข้างหน้า คือ “เกมง่าย”
บุกเยือนทีมแจกแต้มอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่รั้งรองบ๊วย ตามด้วยเปิดบ้านพบ เบรนท์ฟอร์ด ที่ช่วงหลังแพ้มารัวๆ จนตอนนี้จมอันดับ 16
หลังจากผ่าน 2 เกมนี้ ต่อด้วยเปิดบ้านเจอกับ เชลซี แต่ถ้าพิจารณาจากตารางคะแนน และฟอร์มตอนนี้ บอกเลยว่า...หวานเจี๊ยบบบบบบ !!!
ด้วยเครื่องที่กำลังร้อน เชื่อว่า 3 เกมข้างหน้าคงไม่ยากเกินไปที่ มิเกล อาร์เตต้า จะพาทีมเก็บ 9 แต้มเต็ม พลางทำสถิติชนะ 9 นัดรวด
งานหินจริงๆ คือการบุกเยือน แมนฯ ซิตี้ ตอนสิ้นเดือนมีนาคม ก่อนที่เดือนเมษายนจะมีเกมหนักอย่างการบุกเยือน ไบรท์ตัน, เปิดบ้านพบ แอสตัน วิลล่า, เยือน วูล์ฟส์ และ เยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
อาร์เซน่อล คือทีมที่มักจะตกม้าคอหักตุยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งการเจอเกมหนักๆ ในเดือนเมษายนปีนี้นี่แหละคือบททดสอบสำคัญต่อการคว้าแชมป์
ฤดูกาลที่แล้ว 'ไอ้ปืนโต' ที่นำจ่าฝูงอยู่ดีๆ มาหลุดเอาในช่วงโค้งสุดท้ายแล้วไม่มีเวลาให้กลับตัวกลับใจ กว่าจะกลับมาตั้งลำได้ แมนฯ ซิตี้ แซงเข้าเส้นชัยไปเรียบร้อย
ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล เป็นแชมป์ช่วงคริสต์มาส ก่อนเครื่องสะดุดติดต่อกันจนเสียตำแหน่งจ่าฝูง ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องดีที่พวกเขาหลุดเร็ว หลังผ่านครึ่งฤดูกาล เพราะยังมีระยะทางและเวลามากมายให้แก้ไขข้อบกพร่องกลับมาใหม่
ในเดือนสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก 2023/24
ทีมสีหนาทปืนใหญ่ ต้องบุกเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมรองสุดท้ายของซีซั่น
ว่าแล้วต้องขอบคุณพวกพรี่ๆ ล่วงหน้าที่คงส่งกำลังใจมาเชียร์ปีศาจแดงอย่างล้นหลามอีกครั้ง !!!
บอ.บู๋