ซิตี้ กราวนด์น่ากลัว, 3 แต้มกดดันแมนซิตี้, อาร์เซน่อล!เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล เยือน ฟอเรสต์

ซิตี้ กราวนด์น่ากลัว, 3 แต้มกดดันแมนซิตี้, อาร์เซน่อล!เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล เยือน ฟอเรสต์
ลิเวอร์พูล มีคิวต้องออกไปเยือน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 2 มีนาคมนี้ โดยพวกเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำคะแนนฉีกหนี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล สำหรับเกมนี้ "หงส์แดง" ต้องขาดแข้งสำคัญอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ และ โดมินิค โซโบซไล ยังต้องลุ้นจนถึงวินาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม การบุกเยือนถิ่นซิตี้ กราวนด์ ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะพวกเขามักไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ !!

1. ยังต้องใช้ทีมชุดผสมผสาน

ช่วงกลางสัปดาห์นี้ในเกมเอฟเอ คัพ ที่เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 คล็อปป์ มีตัวเลือกในการจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามน้อยมาก และจำเป็นต้องพึ่งพาเหล่า "หงส์วัยขบเผาะ" ซึ่งทั้งหมดก็แสดงศักยภาพชั้นยอดออกมาจนทำให้ทีมทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ

สำหรับในเกมลีกต้องไปเยือน ฟอเรสต์ บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" คาดหวังจะได้เห็นพวกแข้งคีย์แมนกลับมาฟิตสมบูรณ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขายังคงต้องลุ้นเนื่องจาก "บอส" ยืนยันชัดเจนว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังไม่พร้อมคืนสนามในแมตช์นี้ ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ กับ โดมินิค โซโบซไล อาจมีลุ้นได้คืนทัพ แต่ก็ยังไม่ชัวร์เต็มร้อย

ดังนั้น นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช อาจต้องพึ่งดาวรุ่งอีกครั้ง แต่ก็คงไม่ถึงขนาดเยอะเกินครึ่งเหมือนกับเกมปะทะ "นักบุญ" ซึ่งหากพิจารณาแล้วแฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" คงได้เห็น คอนเนอร์ แบรดลี่ย์, บ็อบบี้ คล้าร์ก และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงทำหน้าที่เป็นแกนหลักของทีม

อย่างไรก็ตามข่าวดีที่ให้สาวก "เดอะ ค็อป" อุ่นใจได้ก็คือพวกเขาจะได้เห็น หลุยส์ ดิอาซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ วาตารุ เอ็นโด กลับมาลงสนามเป็นตัวหลักของทัพ "หงส์แดง" ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในเกมที่พวกเขาต้องการ 3 แต้ม 

2. "เจ้าป่า" พร้อมสู้เพื่อความอยู่รอด

สถานการณ์ของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในเวลานี้ต้องบอกเลยว่ายังไม่น่าไว้วางใจ เพราะพวกเขามี 24 คะแนนรั้งอยู่อันดับ 17 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายในโซนปลอดภัย อย่างไรก็ตาม "เจ้าป่า" ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้เด็ดขาด 

เหตุผลก็เพราะ ลูตัน ทาวน์ ตามหลังพวกเขาเพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้น และยังแข่งน้อยกว่า 1 เกมด้วย นั่นหมายความว่าถ้า ฟอเรสต์ ดันเกิดสะดุดในเกมรับมือ ลิเวอร์พูล นั่นจะทำให้พวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะหล่นไปอยู่ในอันดับ 18 ได้เลยทีเดียว 

ขณะเดียวกันถ้าสามารถหยุดความร้อนแรงของจ่าฝูงได้แถมสามารถเก็บสามคะแนน นั่นจะทำให้ทีมมีเพียงเป็น 27 คะแนน มีลุ้นที่จะทำอันดับขึ้นไปอยู่ในโซนปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะทีมที่อยู่เหนือกว่าทั้ง เบรนท์ฟอร์ด และ เอฟเวอร์ตัน มีคะแนนห่าง "เจ้าป่า" เพียงแต้มเดียวเท่านั้น 

ด้วยเหตุนี้ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต ผู้จัดการทีมเครางาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแท็คติกให้ดีที่สุดในการสู้กับ ลิเวอร์พูล เพราะถ้าหากพวกเขาไม่สามารถที่จะเก็บแต้มได้ นั่นจะทำให้โอกาสที่จะต้องลุ้นหนีตกชั้นจะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณทันที 

3. ระวังกฎยิงประตูทีมเก่าให้ดี

ในวงการลูกหนังบางครั้งการที่นักเตะเก่าของทีมใดทีมหนึ่งได้มีโอกาสกลับมาพบกับทีมที่เคยค้าแข้ง ส่วนใหญ่พวกเขามักจะมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษ จนทำให้มีคำพูดยอดฮิตว่า "กฎยิงประตูทีมเก่า" ซึ่งบอกเลยว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

สำหรับ ฟอเรสต์ ผู้เล่นแกนหลักของเขามีหลายคน แต่ที่โดดเด่นนั่นก็คือ เนโก วิลเลี่ยม และ ดิว็อค โอริก้า อดีต 2 สตาร์ที่เคยเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ นอกจากนี้ยังมี ไตโว อโวนิยี่  กองหน้าทีมชาติไนจีเรีย ซึ่งเคยอยู่กับ "หงส์แดง" ระหว่างปี 2015-2021 แต่ไม่ได้โอกาสลงเล่นเลย ด้วย

นอกจากอดีตเด็กเก่า "เดอะ เร้ดส์" ที่พร้อมสร้างความเจ็บแสบให้กับ ลิเวอร์พูล แล้ว พวกเขายังมีแข้งทีเด็ดอีกรายก็คือ มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ เพลย์เมกเกอร์คนเก่งที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงในเวลานี้ ที่สามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับทีมเยือนได้

สำหรับ ดาวเตะวัย 24 ปี ซึ่งมีดีกรีไม่ธรรมดาเนื่องจากเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีให้กับทีมชาติอังกฤษ เมื่อปี 2017 รวมกับ ฟิล โฟเด้น และ เจดอน ซานโช่ ตะบันไปแล้ว 3 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ให้กับต้นสังกัดในฤดูกาลนี้ 

4. ซิตี้ กราวนด์ ไม่หมูนะครับ

แม้ว่า ลิเวอร์พู ไม่ค่อยได้มีโอกาสเดินทางมาเยือน ซิตี้ กราวนด์ บ่อยนักในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา แต่ขอบอกเลยว่าสนามเหย้าของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ไม่ใช่งานง่ายสำหรับ ลิเวอร์พูล เลย เพราะทุกครั้งที่มาเยือนที่นี่ "หงส์แดง" ไม่ค่อยได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ

ในยุคพรีเมียร์ลีก ยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ มีโอกาสเดินทางไปเยือน ซิตี้ กราวนด์ 7 ครั้ง แต่พวกเขามีโอกาสได้ลิ้มรสคำว่าชัยชนะเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในการมาเยือนบ้านของ ฟอเรสต์

สำหรับชัยชนะดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อ 2 ปีก่อน โดยตอนนั้น ดีโอโก้ โชต้า เป็นคนสวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยให้ทีม ซึ่งต้องบอกว่าเป็นโชคดีมากๆ เนื่องจาก ฟอเรสต์ เล่นได้ดีเยี่ยม ในแมตช์ดังกล่าวซะด้วย 

ขณะที่ ลิเวอร์พูล เคยบุกมาแพ้ที่นี่มาแล้ว 3 ครั้งในเกมลีกด้วยสกอร์ 1-0 (1992, 1996 และ 2022) ที่เจ็บปวดรวดร้าวฤดีคงหนีไม่พ้นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อ อโวนิยี่ ซึ่งเป็นอดีตหัวหอก "หงส์แดง" เป็นคนซัดประตูชัยซะด้วย

5. ทำแต้มหนีกดดันแมนซิตี้-อาร์เซน่อล

ถึงแม้การเยือน ฟอเรสต์ จะเป็นงานสุดหินก็ตามเนื่องจากสถิติของ ลิเวอร์พูล กับการเล่นที่ซิตี้ กราวนด์ ค่อนข้างน่าเป็นห่วง แต่พวกเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บามคะแนนให้ได้ เพราะนั่นจะทำให้ทีมสร้างความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล 

สำหรับม้าสามตัวในการลุ้นแชมป์ มีเพียงแค่ "หงส์แดง" ที่ต้องลงเตะวันเสาร์ และนั่นหมายความว่าถ้าพวกเขาสามารถคว้าชัยชนะได้ จะทำให้ทีมมีแต้มฉีกหนี "เรือใบสีฟ้า" 4 คะแนน และ "ไอ้ปืนใหญ่" 5 คะแนนเลยทีเดียว 

ในกรณีของ อาร์เซน่อล อาจจะไม่ค่อยกดดันมากนักเพราะพวกเขาออกไปเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วย และมีความเป็นไปได้สูงที่จะคว้าชัยชนะ แต่สำหรับ แมนฯ ซิตี้ ขอบอกเลยว่างานสุดหินเนื่องจากต้องรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้ว่า แมนฯ ซิตี้ จะทำผลงานได้เหนือชั้นกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด หลายเท่าก็ตาม แต่สำหรับเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์" ถือเป็นศึกศักดิ์ศรียอมกันไม่ได้ และ "ผีแดง" ต้องการชัยชนะอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสติดท็อปโฟร์ !! 

ทอมเม้ง



ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport