ปฏิเสธไม่ได้ว่านาทีนี้หลายคนกำลังพูดถึงนักเตะในอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีส่วนร่วมพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอล คาราบาวคัพ สดๆร้อนๆ
พร้อมกันนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันได้รับการยอมรับถึงหัวจิตหัวใจเช่นกันที่กล้าส่งดาวรุ่งหลายรายลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ และส่วนใหญ่ไม่ทำให้เจ้านายต้องผิดหวัง
ไม่เฉพาะเกมล้ม เชลซี 1-0 ที่ เวมบลีย์ เท่านั้นที่ คล็อปป์ แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเด็กหนุ่มวัยละอ่อนของสโมสร หากแต่เท่าที่ผ่านมาเขามอบโอกาสให้พ่อค้าแข้งจากทีมอะคาเดมี่ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่มาโดยตลอด และมันสามารถจัดทีมขึ้นมาได้โดยมีสมาชิกครบทั้ง 11 รายดังนี้
- ผู้รักษาประตู : ควีวิน เคลเลเฮอร์
ไม่ว่านายทวารวัย 25 ปีจะได้รับโอกาสให้เฝ้าตาข่ายเมื่อไหร่ เขาพร้อมที่จะงัดความเหนียวหนึบออกมาช่วยทีมได้เสมอในฐานะผู้รักษาประตูมือสอง
นับตั้งแต่ได้ประเดิมสนามในปี 2019 เคลเลเฮอร์ ลงเล่นให้ เร้ด แมชีน ไปแล้ว 37 นัดแม้ส่วนใหญ่จะเป็นเกมฟุตบอลถ้วยก็ตาม
"ผมแฮปปี้กับ เคลเลเฮอร์ เขายอดเยี่ยมมาก เรามีผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกสองราย" คล็อปป์ เปิดปากกับสื่อหลังพาทีมซิวแชมป์ คาราบาวคัพ
- แบ็คขวา : เทรนต์ อเล้กซานเดอร์ อาร์โนลด์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือดาวเตะจากอะคาเดมี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของ คล็อปป์ จากการเป็นฟูลแบ็คสมัยใหม่ที่สามารถสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้อย่างมากมาย
ว่ากันว่าหากไม่ได้ย้ายตำแหน่งขยับขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์อย่างเต็มตัวเหมือนที่หลายรายลงความเห็นว่าน่าจะเหมาะกับดาวเตะอิงลิชมากกว่า บางทีเมื่อถึงเวลาที่เจ้าตัวรีไทร์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ อาจได้ชื่อว่าเป็นแบ็คขวาที่ดีที่สุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก ก็เป็นได้
- เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : แน็ต ฟิลลิปส์
ด้วยวัย 23 ปีในขณะนั้น ฟิลลิปส์ ได้รับโอกาสให้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของสโมสรเป็นเกมแรก และปราการหลังร่างโย่งมีบทบาทมากพอสมควรในซีซั่น 2020/21 ก่อนถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน
ตราบจนวันนี้เขายังเป็นขุนพลของ เร้ด แมชีน แต่ถูกปล่อยให้หลายสโมสรยืมตัวโดยล่าสุดเขามีสัญญาลงบู๊ให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ทีมใน แชมเปี้ยนชิพ ตั้งแต่เดือนม.ค.ไปจนจบซีซั่น
- เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : จาเรลล์ ควานซาห์
หนึ่งในดาวรุ่งรายล่าสุดของสโมสร หลังย้ายไปลงเล่นให้ บริสตอล โรเวอร์ส แบบยืมตัว นาทีนี้ ควานซาห์ กลายมาเป็นขุนพลตัวจริงของ ลิเวอร์พูล แล้วในหลายเกมหลังนับตั้งแต่ โฌแอล มาติป เดี้ยงยาว
ในวัย 21 ปี เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอนาคตไกลลงบู๊ให้กับชุดใหญ่ในซีซั่นนี้ไปแล้ว 21 นัดจากทุกรายการ แถมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด
- แบ็คซ้าย : คอเนอร์ แบรดลีย์
แน่นอนว่า แบรดลีย์ ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา แต่ในเมื่อ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จองตำแหน่งนั้นไปแล้ว เราจึงขออนุญาตโยกพ่อค้าแข้งทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือ มาลงในตำแหน่งนี้
หลังสร้างชื่อกับ โบลตัน ได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะนักเตะตัวยืมเมื่อซีซั่นก่อน ถึงขณะนี้ แบรดลีย์ ขึ้นชั้นมาเป็นสมาชิกของทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวแล้ว แถมมีผลงานเหลือเชื่อห้าแอสซิสต์จากเจ็ดนัดหลังด้วย
- กองกลาง : เปโดร ชิริเบย่า
มิดฟิลด์ตัวรับใช้เวลาสามปีกับทีมอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ก่อนถูก คล็อปป์ ส่งลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกหลังจากเขาเคยได้รับโอกาสจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เจ้านายคนก่อนมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ดาวเตะสแปนิชสร้างชื่อกับ หงส์แดง ไม่สำเร็จ และถูกปล่อยให้หลายทีมยืมตัวกระทั่งปี 2020 เขาย้ายไปร่วมทีม น็องต์ อย่างถาวรโดยในวัย 26 ปี เขาลงเล่นให้ทีมใน ลีกเอิง ครบ 100 นัดไปแล้ว
- กองกลาง : สเตฟาน บายเซติช
ได้รับการจับตามองหลังขยับขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เมื่อซีซั่นก่อน แต่ปัจจุบันเป็นดาวเตะของทีมอีกรายที่ร้างสนามไปอย่างยาวนาน
ดาวเตะเลือดกระทิงดุมีปัญหาบาดเจ็บหลายหนในระยะหลังซึ่งส่งผลให้สโมสรไม่คิดเร่งรีบส่งเขากลับมาลงบู๊ในเวลาที่เร็วเกินไปเพื่อต้องการให้เขาคัมแบ็คอย่างแข็งแกร่งกว่าที่เคย
- กองกลาง : เคอร์ติส โจนส์
การได้เห็นเด็กในท้องถิ่นลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นสิ่งที่ทำให้แฟนบอลได้ยิ้มเสมอ และนับตั้งแต่ถูก คล็อปป์ ส่งลงบู๊เป็นเกมแรกในปี 2018 โจนส์ ก็พัฒนาฝีเท้าได้อย่างรุดหน้า
ถึงขณะนี้ดาวเตะวัย 23 ปีลงเล่นให้ หงส์แดง ไปแล้วมากกว่า 100 นัด และได้แชมป์ห้ารายการประดับบารมี
"เคอร์ติส เป็นแบบอย่างของนักเตะจากอะคาเดมี่ของเรา หากเขาเรียนรู้การเล่นเกมรับได้ ทุกคนก็สามารถเรียนรู้ได้เช่นกัน" กุนซือด๊อยทช์เอ่ยกับสื่อเมื่อเดือนก่อน
- ปีกขวา : เซร์กี้ กันยอส
ปีกสแปนิชได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ในเกมสุดท้ายชองซีซั่น 2015/16 แมตช์ฉะกับ เวสต์บรอมวิช
แม้จะสอบไม่ผ่านกับการลงบู๊ให้ คล็อปป์ แต่เขามีผลงานที่ดีนับตั้งแต่ย้ายออกจาก แอนฟิลด์ ไปค้าแข้งกับ เบรนท์ฟอร์ด นานหกปีโดยเขาได้ลงสนามรวมทั้งสิ้น 249 นัด และพาทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ
กระทั่งล่าสุด กันยอส กลับไปหากินในบ้านเกิดกับ บาเลนเซีย แล้วเมื่อช่วงซัมเมอร์โดยเขาเซ็นสัญญากับทีมตราค้างคาวสี่ปี
- กองหน้า : ไรอัน บริวสเตอร์
ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 2020 บริวสเตอร์ ได้รับการคาดหมายว่าจะมีอนาคตที่สดใส แต่ ลิเวอร์พูล เลือกรับเงินเข้ากระเป๋า 23.5 ล้านปอนด์หลังจาก เชฟฯ ยูไนเต็ด ติดต่อขอซื้อนักเตะในอะคาเดมี่
อย่างไรก็ดี หลังอำลา หงส์แดง บริวสเตอร์ ไม่อาจสร้างชื่อได้อย่างที่ถูกยกย่อง และพังประตูให้ทีม ดาบคู่ ได้แค่ 5 เม็ดเท่านั้นจากการลงเล่น 75 นัดจึงต้องถือว่า ลิเวอร์พูล ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องที่ขายเขาออกจากทีม
- ปีกซ้าย : ไรอัน เคนท์
ปีกตัวจี๊ดได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ ในเกม เอฟเอคัพ นัดดวลกับ เอ็กเซเตอร์ เมื่อปี 2016 และเป็นการลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่นัดเดียวของเขา แต่เป็นอีกรายที่ย้ายออกไปได้ดีกับสโมสรอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เรนเจอร์ส ซึ่ง เคนท์ ลงเล่นให้กับสังเวียนแข้ง ไอบร็อกซ์ เกินกว่า 200 นัดในเวลาห้าปี และได้แชมป์สองรายการ
กระทั่งปัจจุบันในวัย 27 ปี พ่อค้าแข้งอิงลิชย้ายมาค้าแข้งในลีกเติร์กกับทีม เฟเนบาห์เช่ เมื่อช่วงซัมเมอร์