มาตรฐาน แมนยู

มาตรฐาน แมนยู
ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กะซวกชัยชนะในพรีเมียร์ลีกได้ 4 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้แล้วนะครับ

สถานการณ์บนตารางคะแนนก็ดูไฉไลขึ้น โอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์กระเตื้องขึ้นอีกนิด เมื่อไล่จี้อันดับ 5 อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เหลือแค่ 3 แต้ม และตามหลัง แอสตัน วิลล่า ที่รั้งอันดับ 4 อยู่ 5 แต้ม

ถ้าดูเฉพาะผลการแข่งขันที่ยังไม่แพ้ใครเลยตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ และช่องว่างที่ตามหลังกลุ่มลุ้นไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ไม่มากไม่มายจนเกินไป ดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ทีมของ เอริค เทน ฮาก กำลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม

แต่ความเป็นจริงก็คือรูปเกมในสนามยังกระท่อนกระแท่น ทำให้แฟนบอลที่นั่งชมจากทางบ้านต้องลุ้นแบบขมิบตูดแทบทุกนัด

หลังมีชัยเหนือ ลูตัน - กูรูลูกหนังอย่าง พอล สโคลส์ พูดถึงมาตรฐานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบันว่า... 

"นี่มันทีมแปลกประหลาด" 

"ยูไนเต็ด อาจจะเป็นทีมเดียวที่สามารถชนะคู่แข่ง 5-0 และก็อาจโดนถล่มยับได้เช่นกัน !"

หากวิเคราะห์จากคำพูดของไอ้หัวแดงอั้งม้อ ก็คงสรุปได้ว่าปัญหาหลักของพลพรรคปีศาจแดง และนาทีนี้ คือการครองเกมเอาไว้ไม่ได้

ไอ้ที่ชนะมาติดๆ กัน เป็นเพราะฟอร์มที่กำลังร้อนแรงของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ช่วยเอาไว้ด้วย ซึ่งประตูของศูนย์หน้าดาวรุ่งพันธุ์โคนมมักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเกม ทำให้ทีมคลายความกดดันไปได้เยอะ

หลายๆ นัดตั้งแต่ขึ้นปี 2024 ทีมของ เอริค เทน ฮาก สามารถนำคู่แข่งได้ก่อน 2-0 จึงช่วยเพิ่มโอกาสเก็บชัยชนะได้มากขึ้น 

แต่เราก็เห็นๆ กันว่ามันแทบไม่มีเกมไหนที่เด็กผีเชียร์ได้อย่างสบายใจไร้กังวล

นอกจากเกมเปิดบ้านถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-0 แล้ว ชัยชนะ 3 จาก 4 เกมที่ผ่านมาล้วนเป็นเกมที่พวกเขาปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

บุกนำ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 และ 3-1 แต่ปล่อยให้ทีมหมาป่าไล่ตีเสมอ 3-3 ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ยังดีที่ "ไอ้หนู" ของคุณอาว์เรวัช สวมบทฮีโร่ในตอนสุดท้าย

บุกนำ แอสตัน วิลล่า 1-0 และรักษาสกอร์นำได้จนจบครึ่งแรก ทว่าก็มาโดนทีมสิงห์ผงาดโหมบุกจนตีเสมอ แล้วก็ต้องมาเจอภาพ ดั๊กลาส ลุยซ์ เต้นยั่วๆ สะบัดๆ ยังดีที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงมาเป็นซูเปอร์ซับ โขกลูกครอสอันแม่นยำ (ที่เกิดขึ้นนานๆ ที) ของ ดีโอโก้ ดาโลต์ เป็นประตูชัยช่วงท้ายเกม

ล่าสุดขึ้นนำ ลูตัน 2-0 ตั้งแต่ 7 นาทีแรก แล้วก็มาโดนตีไข่แตก ปล่อยให้ทีมที่อยู่อันดับ 17 ของตารางไล่บี้ไล่บดจนแทบใช้รูทวารหนักช่วยหายใจ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้จังหวะโต้กลับที่กลายเป็นโอกาสจะแจ้งฝังคู่แข่งไม่สำเร็จ

นี่ยังดีที่เกมเหล่านี้จบลงด้วยการคว้า 3 คะแนนเต็มทั้งหมด ไม่อย่างนั้น เอริค เทน ฮาก จะยิ่งโดนแฟนบอลถล่มหนักกว่านี้อีกหลายเท่า 

สถิติที่เป็นหลักฐานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมเหนือคู่แข่งเอาไว้ไม่ได้ แม้จะชนะต่อเนื่องในช่วงหลัง ก็คือ "เปอร์เซ็นต์ครองบอล" ที่เป็นรองฝั่งตรงข้ามอยู่แทบทุกนัด

ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ เกมเดียวที่ปีศาจแดงครองบอลเหนือกว่าคู่แข่งในพรีเมียร์ลีก คือนัดเปิดบ้านชนะเวสต์แฮม 3-0 ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่เกมที่พวกเขาโชว์ฟอร์มเข้าขั้นไฉไลในฤดูกาลนี้

เกมที่เปิดบ้านเสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 พวกเขาครองบอลแค่ 36.3% และปล่อยให้ทีมไก่เดือยทองครองบอลถึง 63.7%

นัดบุกเชือด วูล์ฟแฮมป์ตัน ลูกทีมของ ฮาก ครองบอล 46.9% ส่วนเจ้าบ้านครองบอล 53.1%

นัดบุกชนะ แอสตัน วิลล่า เปอร์เซ็นต์ครองบอลของปีศาจแดงลดลงมาเหลือ 44.1% ขณะที่เจ้าถิ่นครองบอล 55.9%

ส่วนการศึกครั้งล่าสุดที่พบกับทีมหนีตายอย่าง ลูตัน เปอร์เซ็นต์ครองบอลลดลงมาเหลือแค่ 41.5% ปล่อยให้คู่แข่งที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากแชมเปี้ยนชิพครองบอลมากถึง 58.5% เนี่ยนะ ???

แล้วไม่ใช่แค่ครองบอลน้อยกว่าเท่านั้น ชัยชนะทั้ง 4 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสทะลวงตาข่ายไม่ต่ำกว่านัดละ 15 ครั้ง

นี่ถ้าเจอกับทีมที่เกมรุกดุดัน และสร้างโอกาสจะแจ้งได้มากกว่านี้ คงไม่มีทางรอด

เหตุผลที่ทำให้ทีมของ เอริค เทน ฮาก มีความลำบากในการครองเกมให้เหนือกว่าคู่แข่ง หลักๆ ก็คือแท็กติกของกุนซือชาวดัตช์อยากให้ทีมเล่นในรูปแบบที่เรียกว่า "ทรานซิชั่น" หรือเปลี่ยนจากรับเป็นรุกไว เนื่องจากเหมาะกับคุณสมบัตินักเตะส่วนใหญ่ที่มี

ทีมปีศาจแดงมีแนวรุกที่สปีดจัดจ้าน มีนักเตะที่ออกบอลยาวได้ดีหลายคน แต่พวกเขาไม่ใช่ทีมที่ผ่านบอลจังหวะเดียว หรือขยับทำชิ่งกันอย่างแม่นยำ ดังฉะนั้นเมื่อตัดบอลได้ การใช้วิธีโจมตีด้วยความเร็วของแนวรุกจะทำให้มีลุ้นประตูมากกว่า

บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็ไม่ใช่กองกลางประเภทจ่ายบอลแม่นยำ แต่มีทีเด็ดที่การออกบอลแบบกล้าได้กล้าเสีย แถมไม่ใช่มิดฟิลด์ประเภทคุมจังหวะเกมได้ดีนัก

หลายๆ ครั้งเมื่อ "ไอ้หนวด" เร่งจังหวะมากไป ทีมก็เปิดโอกาสให้ฝั่งตรงข้ามได้สวนกลับทันที

แล้วเมื่อเซนเตอร์แบ็กคนสำคัญอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ บาดเจ็บซ้ำไปอีก ทำให้ประสิทธิภาพการผ่านบอลจากแดนหลังยิ่งลดลงไปอีก

"เดอะ บุทเชอร์" คือกองหลังที่มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลแม่นยำที่สุดของทีมปีศาจแดงชุดนี้นะครับ (93.6%) ถ้าเทียบกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เชื่องช้า และจ่ายบอลแม่นยำแค่ 82.7% จะเห็นความแตกต่าง

แล้วช่วง 2 เกมหลัง ลุค ชอว์ ก็ลงเล่นด้วยสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ไปอีก เขาลงสนามได้แค่ 45 นาทีใน 2 นัดล่าสุด ทำให้รูปเกมในครึ่งหลังที่ฝั่งซ้ายขาดฟูลแบ็กถนัดซ้ายโดยธรรมชาติและมีความเข้าใจเกมไป ยิ่งเป็นรองคู่ต่อสู้

ล่าสุดปิดเทอมไปเรียบร้อย

อีกปัจจัยที่น่าเป็นห่วงก็คือความโรยราของ กาเซมิโร่

ตอนนี้ "พี่เกษม" กลายเป็นนักเตะที่ถึงบอลช้ากว่าคู่แข่งแทบทุกนัด จนสะสมใบเหลืองให้ตัวเองถึง 4 ใบจาก 5 นัดหลังสุดรวมทุกรายการที่ได้ลงสนาม 

สังเกตหลายๆ นัด พอเขาโดนผู้ตัดสินจดชื่อไปแล้ว ก็ไม่กล้ารีบตัดบอลตรงกลางสนาม ปล่อยให้คู่แข่งลากผ่านขึ้นไปสร้างจังหวะอันตราย และทำให้ เอริค เทน ฮาก ไม่กล้าใช้งานครบ 90 นาทีในบางเกม เพราะกลัวจะเหลือผู้เล่นน้อยกว่าฝั่งตรงข้าม

เมื่อจำเป็นต้องถอดตัวตัดเกมทีมชาติบราซิลออกมา ก็ต้องใช้งาน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงเล่นแทน ซึ่งหลายๆ นัดแฟนบอลก็เห็นกันแล้วว่าคาดหวังเรื่องความแน่นอนในการดึงจังหวะพลิกบอลไม่ได้ ประโยชน์มีแค่รอจังหวะสอดขึ้นไปลุ้นประตู กับช่วยลูกกลางอากาศให้ทีมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังพอมีทีเด็ดที่การเล่นจังหวะฉาบฉวย และหาโอกาสลุ้นทำประตูได้มากขึ้นกว่าช่วงครึ่งซีซั่นแรกได้มาก นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไมผลการแข่งขันของพวกเขาตูมตามขึ้นในช่วงหลัง

แมตช์ต่อไปเจอกับ ฟูแล่ม ในบ้าน ปีศาจแดงอาจเอาตัวรอดได้อีกสักหนึ่งนัด

แต่ถ้ายังคงเล่นกันแบบนี้ สักวันเมื่อเจอคู่แข่งที่คุณภาพสูงกว่า เด็ดขาดกว่า มันก็มีโอกาสสูงมากที่ผลการแข่งขันแย่ๆ จะย้อนกลับมาให้เห็นอีกในไม่ช้า

ว่าแล้วก็อยากแจ้งพวกพรี่ๆ ที่แอบหวังว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะหยุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ว่า...

อย่าหวังอะไรกับปีศาจแดงและมาตรฐานนี้เลยครับ

เพราะถ้ายังขืนเล่นแบบที่ชนะมาได้ใน 4 นัดที่ผ่านมา

เกมบุกบ้าน ซิตี้ มีผลลัพธ์แค่ 2 ทาง

หนึ่งคือเด๊ดห่า

และอีกหนึ่งก็คือ...เด๊ดห่า !!!

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport