เจอร์เก้น คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึงการเป็นกุนซือที่สามารถปลุกพลังของลูกทีมได้อย่างสุดยอดอีกครั้ง โดยในแมตช์นี้ ลิเวอร์พูล ตกเป็นรอง ลูตัน ทาวน์ ในครึ่งแรก 0-1 แต่สามารถกลับมายิงประตูคืนแบบทบต้นทบดอกในครึ่งหลังได้อย่างสุดยอด ส่งผลให้คว้าชัยชนะขาดลอย 4-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แมตช์นี้ทัพ "หงส์แดง" ต้องใช้ผู้เล่นพลังหนุ่มลงสนามเพราะผู้เล่นคีย์แมนหลายคนโดนโรคเดี้ยงเล่นงาน แต่ก็สามารถเอาชนะวิกฤติเหล่านี้ไปได้ โดยหนึ่งในสิ่งที่ต้องชื่นชมก็คือ "กึ๋น" ของ "บอส"
ชัยชนะในเกมนี้นอกจากจะทำให้พวกเขาทำแต้มฉีกหนีทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ออกไปอีกครั้ง แต่ยังเป็นการสร้างพลังใจให้กับทุกคนก่อนที่จะทำศึกชิงโทรฟี่แรกในเมืองผู้ดีช่วงสุดสัปดาห์นี้
1. กึ๋นคล็อปป์โคตรคม
ในสถานการณ์ที่ ลิเวอร์พูล มีผู้เล่นบาดเจ็บเพียบ ขณะที่ในซุ้มม้านั่งสำรองผู้เล่นแนวรุกส่วนใหญ่มีแต่ดาวรุ่ง แต่ คล็อปป์ สามารถที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เหมาะกับแท็คติก พร้อมทั้งดึงศักยภาพของผู้เล่นทุกคนออกมาได้อย่างเต็มที่
ช่วงครึ่งแรกต้องยอมรับว่านักเตะ "หงส์แดง" สามารถครองเกม และสร้างโอกาสได้เยอะมาก แต่จุดที่น่าตำหนิก็คือการเล่นที่ร้อนรน และขาดความละเอียด โดยเฉพาะในจังหวะที่ได้ลุ้นทำประตูทั้ง หลุยส์ ดิอาซ, โคดี้ กัคโป และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ขาดความเฉียบคม
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลัง นายใหญ่ชาวเยอรมัน สามารถแก้เกม และใช้ประโยชน์จากความสามารถของแนวรุกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้สามแนวรุกสามารถระเบิดฟอร์มซัดคนละประตู และยังสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้หลายครั้งหลายหน
ที่สำคัญผู้เล่นดาวรุ่งที่ได้ลงสนามทั้ง เจย์เดน แดนน์ส, เจมส์ แม็คคอนเนลล์ และ บ็อบบี้ คล้าร์ก สามารถเล่นได้ตามระบบที่ คล็อปป์ สั่งเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในรายของ แดนน์ส ถือว่ามีส่วนสำคัญในจังหวะที่ทีมได้ประตูที่สี่ด้วย
แน่นอนว่าสามคะแนนในแมตช์นี้ คล็อปป์ ควรได้รับเครดิตมากที่สุดจากการที่เขาสามารถแก้ไขสถานการณ์ของทีมในยามวิกฤติได้เป็นอย่างดี และนี่คือหนึ่งในทีเด็ดจากร่องสมองของเขาอย่างแท้จริง
2. ฟาน ไดค์ รับจบทุกปัญหา
หลังจากความผิดพลาดในเกมที่แพ้ อาร์เซน่อล หลังจากนั้น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กลับมาเป็นกองหลังที่เล่นด้วยประสิทธิภาพ และไม่มีความประมาท ที่สำคัญเจ้าตัวดูจะเล่นได้แข็งแกร่ง และมั่นคงมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สำหรับเกมรับมือ ลูตัน บอกเลยว่า ฟาน ไดค์ สามารถจัดการได้หมดทั้งลูกบนพื้น และกลางอากาศ โดยจะเห็นได้ว่าแนวรุกของทีมเยือนไม่สามารถผ่านปราการเหล็กชาวดัตช์ได้เลย
ในเรื่องเกมรับ ฟาน ไดค์ รับประกันคุณภาพอยู่แล้ว แต่สำหรับแมตช์นี้เจ้าตัวโดดเด่นในเกมรุกด้วยทั้งการเปิดบอลยาว พาบอลขึ้นสูงเพื่อช่วยหาพื้นที่ว่างในการเข้ารับ และที่สำคัญก็คือการขึ้นไปกดดันกองหลังคู่แข่งในจังหวะได้ลูกตั้งเตะ
จังหวะโหม่งทำประตูตีเสมอให้ "เดอะ เร้ดส์" เป็นการแสดงให้เห็นว่าสัญชาตญาณในการทำประตูของเขายังคงยอดเยี่ยม และเกือบจะโหม่งได้อีกประตูแต่ดันติดเซฟโกลลูตัน
งานนี้บอกเลยว่าทุกครั้งที่ ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุม หรือลูกฟรีคิก บรรดาผู้เล่นทัพ "ช่างทำหมวก" ต้องหวาดหวั่นในการเข้าประกบ เพราะหากพลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีมีสิทธิ์โดนลงโทษได้เลย
3. คู่หูแดนกลางที่ลงตัว
เชื่อว่าตอนนี้ คล็อปป์ มีแผงกองกลางเอาไว้ในใจแล้วสองคน และเป็นคู่หูที่เจ้าตัวมั่นใจว่าสามารถช่วยทำให้มิดฟิลด์ของ "หงส์แดง" แน่นปึ้กนั่นก็คือ วาตารุ เอ็นโด กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
"หงส์แดง" พยายามมองหามิดฟิลด์ตัวรับระดับโลกมาเสริมแกร่ง แต่ก็ไม่ได้จนกระทั่งต้องเซ็นสัญญากับ เอ็นโด ซึ่งในตอนแรกสาวก "เดอะ ค็อป" มองว่าน่าจะเป็นการดึงตัวมาร่วมทัพเพื่อเป็นออปชั่นเสริมมากกว่า
ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ! เพราะ กัปตันทีมชาติญี่ปุ่น สามารถยกระดับผลงานจนกลายเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จ และนั่นทำให้ คล็อปป์ สามารถจับ แม็ค อัลลิสเตอร์ เล่นตำแหน่งกองกลางที่เน้นเกมรุกมากขึ้นได้อย่างเต็มที่
แมตช์นี้ เอ็นโด คอยทำหน้าที่เก็บกวาดในแดนกลางได้หมด และยังมีจังหวะสร้างโอกาสให้ ดิอาซ ได้ลุ้นยิงประตูในครึ่งแรก นอกจากนี้ยังขยันวิ่งมาช่วยเกมรับทำให้นักเตะลูตันไม่สามารถสร้างเกมรุกได้ถนัด
ขณะที่ สตาร์แชมป์โลกทีมชาติอาร์เจนติน่า ปั้นเกมรุกได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะครึ่งหลังสามารถที่จะผ่านบอลอันตรายได้หลายครั้ง ที่สำคัญเจ้าตัวยังทำ 2 แอสซิตส์ด้วย งานนี้บอกเลยว่าทั้งสองคนเป็นคู่หูแดนกลางที่ลงตัวจริงๆ
4. ทีมคนหนุ่มแต่ฟอร์มไม่ยุ่งนะครับ
หนึ่งในเรื่องที่น่าประทับใจสำหรับเกมถล่ม ลูตัน ก็คือ 11 ตัวจริงของ ลิเวอร์พูล ในแมตช์นี้มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ปีกับ 68 วัน ซึ่งเป็นไลน์อัพที่อายุน้อยที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีกของพวกเขานับตั้งแต่แมตช์ปะทะ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 (24 ปีกับ 355 วัน)
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า คล็อปป์ มีความเชื่อมั่นบรรดานักเตะพลังหนุ่มมากๆ เพราะในยามที่ทีมต้องขาดพวกแข้งมากประสบการณ์ บรรดานักเตะวัยรุ่นสามารถที่จะลงมาทดแทนได้ทันที ซึ่งนี่คือคุณสมบัติสำคัญของทีมที่มีลุ้นความสำเร็จ !
นอกจากนี้ คล็อปป์ ยังถือเป็นกุนซือที่สามารถกู้ชีพทีมได้เสมอ โดย "หงส์แดง" สามารถเก็บ 22 คะแนนจากสถานการณ์ที่ตกเป็นรองในเกมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ มากกว่าสโมสรอื่นๆ แต่เท่ากับที่พวกเขาเคยทำได้ในซีซั่นเดียวนั่นก็คือฤดูกาล 2008/2009
การมีขุมกำลังคนหนุ่มอยู่ในทีมถ้าหากไม่สามารถบริหารจัดการให้ดี แน่นอนว่าย่อมเกิดปัญหา เพราะทุกครั้งที่ทีมต้องตกเป็นรองหากไม่มีการกระตุ้นอย่างเหมาะสม มีสิทธิ์ทีมเป๋ได้เลย แต่ คล็อปป์ สามารถรับมือกับสิ่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
5. ฉีกช่องว่าง-เพิ่มความฮึกเหิม
ตอนที่ ลิเวอร์พูล โดน ลูตัน บุกมาลูบคมด้วยการยิงนำ 1-0 ในช่วงต้นครึ่งแรก เชื่อว่ากองเชียร์เฉพาะกิจแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล มองเห็นโอกาสทองที่พวกเขาจะสามารถบดขยี้ "หงส์แดง" ให้ร่วงจากตำแหน่งจ่าฝูงในช่วงสัปดาห์นี้ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลังสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นของเจ้าบ้าน นั่นทำให้บทสรุปก็คือ "เดอะ เร้ดส์" ยังคงทำแต้มฉีกหนี "เรือใบสีฟ้า" กับ "ไอ้ปืนใหญ่" ออกไป 4 และ 5 แต้มตามลำดับ
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมสำคัญนั่นก็คือการพบกับ เชลซี ในศึกคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ ถือเป็นโทรฟี่แชมป์ที่สำคัญมากสำหรับทั้งสองทีม
สามคะแนนในเกมกับ ลูตัน ทั้งๆ ที่ทีมขาดแข้งคีย์แมนไปหมายคน นั่นถือเป็นการสร้างความฮึกเหิมให้กับลูกทีมของคล็อปป์ อย่างมาก และถ้าพวกเขายังคงรักษาความกระหายในชัยชนะแบบนี้ต่อไป งานฉลองนับถอยหลังการอำลาทีมของ คล็อปป์ คงจะน่าตื่นเต้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ทอมเม้ง