ราสมุส ฮอยลุนด์ จากยิงไม่ได้สู่จอมถล่มประตู!

ราสมุส ฮอยลุนด์ จากยิงไม่ได้สู่จอมถล่มประตู!
ย้อนกลับไปตอนก่อนเปิดฤดูกาล

แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยอมวอดวายให้กับค่าตัวแพงมหาศาลของ แฮร์รี่ เคน แล้วไปคว้าหัวหอกดาวรุ่งพันธุ์หนองโพ อย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ มาแทน ด้วยราคา 72 ล้านปอนด์ 

เขาแนะนำตัวเองในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ด้วยการยิงประตูไม่ได้เลย หลังจากผ่านไป 14 นัด

พลันถูกเอาไปล้อเลียนกันสนุกสนานว่าไม่ต่างจากอุปกรณ์การตำข้าวของพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรชาวไร่ชาวนา

ผมเคยอธิบายไปแล้วว่า "น้องฮอย" ไม่ใช่สากกะเบือสักหน่อย เขาแทบไม่มีโอกาสทำลายตาข่ายต่างหาก

โอกาสทำประตูต่อเกมถือว่าน้อยมาก เหตุเพราะเพื่อนร่วมทีมไม่ค่อยส่งให้บ้าง ผ่านบอลให้ขาดๆ เกินๆ บ้าง ขณะที่ตัวเองก็มักจะอยู่ผิดที่ และผิดเวลาไปหน่อย

แบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่า "สากกะเบือ" นะครับ เรียกว่า...ผู้ด้อยโอกาสน่าจะเหมาะกว่า 5555

แต่แฟนบอล ประเภทคลอดทางตูด เชียร์บอล เพื่อเอาไว้ล้อกันอย่างเดียวก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมอธิบาย

ภาพตัดกลับมาอีกครั้ง

ขอโทษนะครับ ณ ตอนนี้ ราสมุส ฮอยลุนด์ สถาปนาตัวเองเป็นหัวหอกที่เด็กผีปลาบปลื้มเป็นที่เรียบร้อย

นับตั้งแต่ปลดล็อคซัดลูกแรกในลีกสูงสุดแดนผู้ดี เป็นประตูชัยช่วยทีมในนัดเปิดบ้านชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2 ดาวรุ่งวัยยีบเบ็ดรายนี้ก็มีชื่อทำประตูทุกนัดในพรีเมียร์ลีก จนมีสิทธิ์สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะอายุไม่เกิน 21 ปีคนแรกที่กระหน่ำยิงในพรีเมียร์ลีกได้ 6 นัดติดต่อกัน หากเขายิงใส่ ลูตัน ทาวน์ ในคืนวันอาทิตย์นี้ได้อีก

7 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ "ฮอยฮอย" ซัดไป 6 ดอก และทำอีก 2 แอสซิสต์ ถือว่าฟอร์มกำลังร้อนแรงแบบเกินห้ามใจ

แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้กองหน้าทีมชาติเดนมาร์กกลับมาเป็นจอมถล่มประตู ???

เหตุผลที่ทำให้ฟอร์มฝืดสุดๆ ในช่วงแรกๆ ของพรีเมียร์ลีก น่าจะเพราะยังปรับตัวให้เข้ากับระบบทีมไม่ได้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เวลาเจรจากับ อตาลันต้า อยู่เนิ่นนานกว่าจะปิดดีลคว้าตัวมาได้ด้วยค่าตัวรวม add ons สูงถึง 72 ล้านปอนด์ ทำให้ระหว่างที่เจ้าตัวกำลังรอย้ายทีมไม่ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องให้ทีมเก่าแม้แต่นัดเดียว

เท่านั้นไม่พอ 

ในช่วงตรวจร่างกายก่อนเซ็นสัญญา ยังพบว่ามีอาการบาดเจ็บหลังติดตัวมาอีกต่างหาก 

ทว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่คิดว่านั่นคือปัญหาอะไร เพราะนี่คือดีลที่หวังผลระยะยาว

กว่าที่จะได้ประเดิมสนามให้ต้นสังกัดใหม่ ก็พลาดช่วงพรีเมียร์ลีกออกสตาร์ทไป 3 นัดแรก จนกระทั่งได้ลงมาเป็นตัวสำรองในเกมแพ้ อาร์เซน่อล 3-1

การที่นักเตะขาดช่วงพรีซีซั่น นั่นหมายความว่าระดับความฟิต และความเข้าใจเกมกับทีมใหม่ ลีกใหม่ในช่วงแรกๆ ยังมีน้อย

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะยิงได้แต่ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม และทำประตูไม่ได้เลยเมื่อลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกที่มีระดับความฮาร์ดคอร์สูงกว่า กัลโช่ เซเรีย อา ของ อิตาลี

ครึ่งซีซั่นแรกจึงเหมือนช่วงเวลาปรับตัวของดาวรุ่งรายนี้ ต่อเมื่อเวลาผ่านไป เขามีความฟิตมากขึ้น และเข้าใจจังหวะของพรีเมียร์ลีกมากขึ้น ผลงานก็ดีขึ้นตามมา

อีกสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมาก ระหว่างช่วงแรกๆ ที่ย้ายตูดมาอยู่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กับตอนนี้คือเรื่องความมั่นใจ

การย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 72 ล้านปอนด์ แต่ไม่สามารถทำประตูแรกได้เสียที ทำให้เขายิ่งมีความกดดันขึ้นเรื่อยๆ 

จริงอยู่ที่ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก แนวรุกของ เอริค เทน ฮาก มักจะเล่นกันแบบไร้ทีมเวิร์ค สร้างโอกาสให้ศูนย์หน้าตัวเป้าได้น้อยเกินไป แต่ตัวของ ฮอยลุนด์ เองก็ฉวยโอกาสทองไว้ไม่ดีพอด้วย

ตัวอย่างเช่นจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ตบเข้ากลางไปให้ชาร์จจ่อๆ ในเกมบุกชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 เขาก็ไปไม่ถึงบอล หรือจังหวะที่ แรชฟอร์ด เปิดจากฝั่งขวาให้ได้ตีเข่าหน้าปากประตูโล่งๆ ในเกมเปิดบ้านชนะ ลูตัน 1-0 ก็ไปตรงตัว โธมัส คามินสกี้ แบบเสียของซะงั้น

แต่พอได้ซัดแบบเข้าข้อในจังหวะเก็บตกลูกเตะมุมในเกมเปิดบ้านพบ แอสตัน วิลล่า แล้วส่งบอลเข้าไปกองที่ก้นตาข่าย นั่นทำให้เกิดอาการโล่งดาร์กซ์ที่ยิงได้ซะที

และเมื่อซัดใส่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่างเฉียบขาด ก็ทำให้เขาเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

2 ประตูแรกที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ทำได้ในพรีเมียร์ลีก มาจากจังหวะที่เขาเก็บตกจากการสกัดของฝั่งตรงข้าม โดยอีก 3 ประตูถัดมา เริ่มมาจากการขยับเคลื่อนที่ที่รู้จังหวะการเล่นของเพื่อนร่วมทีม

ประตูที่ยิง วูล์ฟแฮมป์ตัน มาจากจังหวะหาพื้นที่หน้าประตู รอเข้าชาร์จลูกเปิดจากฝั่งซ้าย (ที่แฉลบคู่แข่ง) ของ ลุค ชอว์

ประตูที่ยิงใส่ เวสต์แฮม คือการเตรียมพร้อมรอเล่นต่อทันทีเมื่อเห็น กาเซมิโร่ ดันขึ้นสูงมาตัดบอล ก่อนที่จะใช้ความสามารถเฉพาะตัวแตะหลบคู่แข่ง แล้วซัดด้วยขวาอย่างเด็ดขาด

ส่วนประตูล่าสุดที่ยิงจ่อๆ พาทีมบุกนำ แอสตัน วิลล่า ก็มาจาก "ลูกซ้อม" ในจังหวะเซตพีซ คือยืนหันหลังให้ประตูตอนที่ทีมได้ลูกเตะมุม โดยจดจ้องไปที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เตรียมกระโดดโหม่งชง ก่อนขยับพลิกยิงจ่อๆ เข้าไป

อีกปัจจัยที่ทำให้เจ้าหนูสิงห์นักเตะผู้นี้มีผลงานที่ไฉไลขึ้นเรื่อยๆ คือเขาไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

สื่อดังอย่าง ดิ แอธเลติก เผยว่า ราสมุส ฮอยลุนด์ มักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงที่แคร์ริงตันในวันถัดจากแข่งจบแต่ละเกม เพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับเกมต่อไปให้ได้โดยเร็วที่สุด

แถมเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ได้ไปขอคำแนะนำจากอดีตตำนานดาวยิงอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่เดินทางมาศึกษางานโค้ชที่แคร์ริงตัน 

เข้าใจว่า "อาร์วีพี" ต้องให้คำแนะนำดีๆ กับรุ่นน้องแน่ๆ

ณ จุดนี้ ราสมุส ฮอยลุนด์ กดให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิน 10 ดอกเรียบร้อยแล้วนะครับ แบ่งเป็น 5 ลูกแรกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, 5 ลูกในพรีเมียร์ลีก และอีก 1 ประตูในถ้วย เอฟเอ คัพ รวมกันซัดไปแล้ว 11 ลูก

นี่ถ้ารักษาความฟิตให้ดีๆ และไม่เจอปัญหาบาดเจ็บ บางทีเจ้าหนูพันธุ์โคนมรายนี้อาจจะยิงในฤดูกาลนี้เกิน 20 ประตู

ก็...เป็น...ได้ !!!

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport