เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญสำหรับการทำทีมกีฬาของพวกเขา
ไม่ว่าจะทิศทางบริหาร บอสตัน เร้ด ซ็อกซ์, พิทท์สเบิร์ก เพนกวินส์ และล่าสุด ลิเวอร์พูล ที่กำลังเผชิญสถานการณ์เปลี่ยนผู้จัดการทีมในรอบเกือบ 9 ปี
ดังนั้น ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะดึงคนที่นิตยสาร Fortune เคยยกให้เป็น 1 ในชาร์ต -50 ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก- มาทำงานร่วมกัน
เอฟเอสจี เพิ่งประกาศว่า ธีโอ เอ็ปสตีน จะรับงานในฐานะที่ปรึกษาระดับอาวุโส
หากอ้างอิงจาก แซม เคนเนดี้ ประธาน และซีอีโอ เร้ด ซ็อกซ์ นั้น
หนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุดและต้องทำอย่างเร่งด่วนของ เอ็ปสตีน คือการรับหน้าที่ให้คำปรึกษากับภารกิจการหาตัวแทน เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่กำลังจะอำลา ลิเวอร์พูล หลังจบฤดูกาล 2023/24
บทบาทใหม่ของ เอ็ปสตีน อดีตผู้จัดการทั่วไปและรองประธานบริหาร เร้ด ฟ็อกซ์ จะให้คำปรึกษากับเหล่าเจ้าของ เอฟเอสจี ไม่ว่าจะเป็น จอห์น เฮนรี่, ทอม เวอร์เนอร์ฅ, ไมค์ กอร์ดอน และ เคนเนดี้ สำหรับการดำเนินกิจการหลายอย่างขององค์กร
โดยที่จริง เอฟเอสจี ก็เพิ่งดึง พีจีเอ ทัวร์ มาเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขา นอกจากนี้ เอ็ปสตีน จะยังให้คำปรึกษาด้านการเติบโตทางกลยุทธ์และการลงทุนใหม่ ๆ
"เมื่อพิจารณาถึงการที่เราต้องการชนะในทุกด้านแล้วนั้น เราจึงมองว่านี่เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในเรื่องที่ว่าต้องการประสบความสำเร็จให้ได้" เคนเนดี้ เผยกับ ดิ แอธเลติก
"แต่ถ้าทีมของเราและสโมสรของเราไม่ประสบความสำเร็จด้านไหนมันก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น เพราะไม่มีใครรู้วิธีที่จะทำให้ชนะได้มากไปกว่า ธีโอ แล้ว"
…
คนที่รู้เบื้องลึกของสถานการณ์นี้บอกว่า เอ็ปสตีน กับ กอร์ดอน สนิทสนมกันมาอย่างยาวนาน
ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาหลายปี ตอนที่ เอฟเอสจี เข้าซื้อ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2010 เอ็ปสตีน ยังทำงานให้ เร้ด ซ็อกซ์ อยู่ ซึ่งเป็นทีมที่ กอร์ดอน เป็นหุ้นส่วนมาตั้งแต่ปี 2001
นอกจากจะต้องทำงานร่วมกับ กอร์ดอน เพื่อหาตัวแทน คล็อปป์ แล้ว เอ็ปสตีน ยังรับหน้าที่ให้คำปรึกษาระดับสูงในโปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ และยุทธศาสตร์การลงทุนในเบื้องต้นให้กับ เอฟเอสจี ด้วย
เคนเนดี้ บอกอีกว่า เอ็ปสตีน จะเป็นบอร์ดบริหารและโค้ชด้านงานบริหารให้ ไคล์ ดูบาส ผู้จัดการทั่วไป เพนกวินส์ กับ เคร็ก เบรสโลว์ ผู้อำนวยการด้านเบสบอล เร้ด ซ็อกซ์ ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เอ็ปสตีน มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทั้ง คูบาส และ เบรสโลว์
ตอนที่เขานำ คับส์ ได้แชมป์ เวิลด์ ซีรี่ส์ เมื่อปี 2016 แฟรนไชส์ดังกล่าวถูกมองว่าเป็นองค์กรที่มีความก้าวหน้าอย่างมากจนถึงขนาดที่ผู้บริหารจากทีมในกีฬาชนิดอื่น ๆ เอามาเป็นแบบอย่างในการเปรียบเทียบและตอนที่ต้องระดมไอเดีย
ซึ่งหนึ่งในคนที่ถูกใจการทำงานของ เอ็ปสตีน ก็คือ ดูบาส ที่ตอนนั้นทำงานให้ โตรอนโต้ เมเปิ้ล ลีฟส์ ทีมฮอกกี้น้ำแข็ง เอ็นเอชแอล
และตอนนั้นเองที่เขาเริ่มมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาคนของ คับส์ นั่นรวมถึง เอ็ปสตีน ด้วย
ในปี 2019 เอ็ปสตีน ดึง เบรสโลว์ ซึ่งเคยทำงานกับ เร้ด ซ็อกซ์ มาทำงานออฟฟิศให้กับ คับส์ โดยทาง เบรสโลว์ ทำงานได้ดีจนเป็นการทำให้เขาได้กลับไปทำงานกับ เร้ด ซ็อกซ์ เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้
เอ็ปสตีน เป็นคนบรู๊คลินที่เติบโตมาร่วมกับ เคนเนดี้ เขาเคยเป็นที่ปรึกษาให้ เมเจอร์ ลีก เบสบอล รวมถึงเป็นหัวหอกในการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎในฤดูกาลก่อน ซึ่งทำให้เกมมันรวดเร็วขึ้น ก่อนที่เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว เคนเนดี้ จะพูดคุยกับ เอ็ปสตีน ถึงเรื่องให้มาเป็นที่ปรึกษา เอฟเอสจี
...
เอ็ปสตีน เคยเล่นฟุตบอลในระดับมัธยมศึกษา และทุกวันนี้ก็ยังเตะบอลสนามใกล้บ้านแถว คอนเน็คติคัต
เขาชื่นชอบ พรีเมียร์ลีก มาก ๆ และเพื่อน ๆ ของเขาก็เคยบอกว่า เอ็ปสตีน ตามดูเกม ลิเวอร์พูล อย่างใกล้ชิด
แม้ว่าในฐานะผู้บริหาร เอ็ปสตีน ยังไม่เคยลุยงานในวงการฟุตบอลก็จริง แต่ความรู้ ความเข้าใจ ว่าต้องทำอย่างไรกับการเป็นผู้นำของทีมกีฬาชั้นยอดนั้นไปเข้าตา เอฟเอสจี อย่างมาก ในช่วงเวลาที่ เอฟเอสจี พยายามที่จะหาคนมารับบทบาทสำคัญต่อจาก คล็อปป์
การหาตัวแทน คล็อปป์ จะนำโดย กอร์ดอน ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์จะคอยให้ข้อมูลอยู่เสมอในการพยายามหาแคนดิเดตที่มีโปรไฟล์เหมาะกับทีม
ชาบี อลอนโซ่ กับผลงานโดดเด่นที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คือตัวเต็งอันดับ 1 ในตอนนี้
ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ยังจำเป็นต้องรีบหาผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ เมื่อ ยอร์ก ชมัดต์เค่อ บอกลาทีมไป
แถมยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องรีบสะสาง เช่น การเจรจาต่อสัญญา 3 นักเตะที่สำคัญที่สุดของสโมสรในตอนนี้ ได้แก่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ต่างจะหมดสัญญากับทีมในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2025
อย่างไรก็ตาม ตัว เอ็ปสตีน เองมีประเด็นที่ต้องเคลียร์ใน สหรัฐฯ เหมือนกัน
เริ่มตั้งแต่ปัญหาในเมืองบอสตัน เพราะว่า เร้ด ซ็อกซ์ เป็นบ๊วยมาถึง 3 จาก 4 ปีหลังสุด และทางเจ้าของทีมก็เพิ่งประกาศว่าในปี 2024 อาจจะต้องมีการลดการจ่ายเงินเดือนอีก
แน่นอน ถ้าเกิดสถานการณ์มันดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา มันก็ไม่ใช่ว่ามันถือเป็นครั้งแรกที่ เอ็ปสตีน ทำแบบนั้นได้
ตอนที่ เฮนรี่, เวอร์เนอร์ และ แลร์รี่ ลุคชิโน่ เข้าซื้อ เร้ด ฟ็อกซ์ ให้เป็นธุรกิจแรกของตัวเองเมื่อปี 2002 พวกเขาก็เอา เอ็ปสตีน วัย 28 ปี เข้ามาทำงานกับทีม
และนั่นถือเป็นการเดินเรื่องที่สำคัญที่สุดของ เอฟเอสจี เลยก็ว่าได้
ตอนนั้น เอ็ปสตีน รับงานผู้จัดการทั่วไปเป็นครั้งแรกในชีวิต และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการทำให้ทีมได้แชมป์ เวิลด์ ซีรี่ส์ เป็นครั้งแรกในรอบ 86 ปี ก่อนที่จะได้แชมป์เพิ่มอีก 3 ปีให้หลังในปี 2007 แม้ว่าตอนแยกทางกับ เร้ด ซ็อกซ์ ในปี 2011 จะไม่สวยเท่าไหร่ แต่ว่า เอ็ปสตีน กับ จอห์น เฮนรี่ คืนดีกันเรียบร้อยแล้ว
"ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ธีโอ สร้างประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมให้กับเราจนกลายเป็นตัวแทนของยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน" เฮนรี่ กล่าวในแถลงการณ์ถึงการแต่งตั้ง เอ็ปสตีน
"การได้เขาเข้ามาเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้บริหาร และมาทำงานที่ปรึกษาระดับอาวุโสให้กับบริษัทนั้นจะทำให้บริษัทมีความสมบูรณ์"
มันไม่ใช่การพูดเกินเลยแต่อย่างใดที่จะบอกว่า หากปราศจากความดุดันและความรอบคอบของ เอ็ปสตีน ในช่วงปีแรก ๆ เอฟเอสจี ก็อาจจจะไม่ได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการกีฬาระดับหลายพันล้านแบบนี้ก็ได้
ก็เหมือนกับที่ เคนเนดี้ เคยพูดเอาไว้ว่า "มันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะเพิ่มอำนาจทำลายล้างให้ปฏิบัติการของเรา"
เรียบเรียงจาก The Athletic
HOSSALONSO