ไม่มีเกมที่ง่ายเลยจริงๆสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ซึ่งแรกทีเดียวดูท่าว่าจะบุกไปกำราบ วูล์ฟส์ ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ลงเอยแล้วทำเอาสาวก เร้ด อาร์มี่ หัวใจจะวายกันอีกตามเคยก่อนที่ ผีแดง จะคว้าสามแต้มในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โมลินิวซ์ กราวด์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.พ. ได้อย่างน่าใจหายใจคว่ำโดยมี ค็อบบี้ ไมนู เป็นฮีโร่ซัดประตูชัยในช่วงทดเวลานาทีที่ 97 ช่วยให้ทีมของ เอริค เทน ฮาก กำชัยไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปดด้วยสกอร์ 4-3
1. หมาป่า ฟอร์มแกร่งส่งชุดเดิมปราบผี
วูล์ฟส์ เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยกุนซือ แกรี่ โอนีล ยึดทีมชุดเดิมจากเกมบุกไปเชือด เวสต์บรอมวิช ทีมคู่แค้น 2-0 ในเกม เอฟเอคัพ รอบสี่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาลงบู๊อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ขณะเดียวกัน ทีมเจ้าบ้านได้ ปาโบล ซาราเบีย ฟิตกลับมานั่งข้างสนาม รวมทั้ง ชูเอา โกเมส ที่พ้นโทษแบนสามเกมแล้ว
แถมจากฟอร์มล่าสุด วูล์ฟส์ ไม่แพ้เลยในทุกรายการรวม 7 นัดเข้าไปแล้วนับตั้งแต่ออกไปพ่าย เวสต์แฮม 3-0 ในเกมลีกเมื่อช่วงกลางเดือนธ.ค.
2. ผีแดงส่ง แรชฟอร์ด ออกสตาร์ต
เทน ฮาก นายใหญ่ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงเล่นเป็น 11 คนแรกแม้ดาวยิงคนสำคัญจะก่อเรื่องฉาวจนพลาดเกม เอฟเอคัพ รอบสี่นัดบุกไปคว่ำ นิวพอร์ท 4-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังนักเตะยืนยันพร้อมรับผิดชอบการกระทำ
ขณะเดียวกัน อ็องเดร โอนาน่า นายทวารมือหนึ่งซึ่งหมดภารกิจกับทีมชาติ แคเมอรูน ในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ก็ได้กลับมาเฝ้าเสาตามเดิม ส่งผลให้ อัลตาย บายินดีร์ ที่ได้ประเดิมสนามในเกมฟุตบอลถ้วยน็อกเอาต์นัดต่อกรกับทีมระดับ ลีกทู กลับไปนั่งข้างสนาม
รวมแล้ว ผีแดง ปรับทัพสองจุดโดย อันโตนี่ เป็นอีกรายที่เสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ แรชฟอร์ด
3. หอกฉาวกู้ชื่อทันควัน
แม้จะก่อเรื่องงามหน้า แต่ แรชฟอร์ด ยังได้รับความเชื่อมั่นจาก เทน ฮาก หลังเข้าพบกับเจ้านาย และพร้อมรับผิดชอบการกระทำของตัวเองกระทั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศปิดคดี
และในที่สุด แรชฟอร์ด ใช้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นก็สามารถพังประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปนำ วูล์ฟส์ ได้อย่างรวดเร็วจากโอกาสสับไกหนแรกของเกม และกลายเป็นสกอร์แรกที่ โมลินิวซ์ กราวด์ เช่นกัน
เท่ากับว่าดาวยิงทีมชาติ อังกฤษ สามารถไถ่บาปที่ตัวเองก่อขึ้นได้อย่างเร็วจี๋ และเชื่อแน่ว่าสาวก เร้ด อาร์มี่ พร้อมลืมเรื่องฉาวของดาวยิงคนสำคัญทิ้งไปเช่นกันหลังเจ้าตัวยืนยันขอรับผิดชอบความผิดที่ตัวเองก่อไว้
นอกจากจะซัดให้ทีมนำหน้าแล้ว แรชฟอร์ด ยังมีส่วนทำให้ ผีแดง ทิ้งห่าง 2-0 ในนาทีที่ 22 เช่นกันจากการผ่านบอลให้ ลุค ชอว์ เติมขึ้นทางซ้ายแล้วสตาร์ทีมชาติ อังกฤษ ตบจากเส้นหลังมาหน้าประตูให้ ราสมุส ฮอยลุนด์ เข้าฮอสในระยะเผาขนซึ่งถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจของหัวหอกจอมฉาวหลังตกเป็นข่าวในทางลบ
และที่สำคัญ ก่อนหน้านี้ แรชชี่ เคยโดนเจ้านายสัญชาติดัตช์ดร็อปเป็นตัวสำรองมาแล้วข้อหาเดินทางมาประชุมทีมสาย แต่หลังก่อความผิดคราวนั้นก่อนหน้าเกมฟัดกับ วูล์ฟส์ เช่นกัน สตาร์อิงลิชก็ถูกเปลี่ยนตัวลงบู๊ในครึ่งหลัง และเขาจัดแจงแก้ตัวได้ทันทีเหมือนเกมนี้ไม่มีผิดด้วยการซัดประตูชัยพาทีมชนะ 1-0
4. ฮอยลุนด์ เริ่มเข้าฝัก
หลังจากใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสอยตาข่ายเม็ดแรกใน พรีเมียร์ลีก ให้กับ ปีศาจแดง ได้ ถึงตอนนี้กองหน้าทีมชาติ เดนมาร์ค เช็กบิลเม็ดที่สามในรายการดังกล่าวได้สำเร็จแล้วโดยเกมก่อนหน้านี้ที่บุกไปสยบ นิวพอร์ท 4-2 ในถ้วย เอฟเอคัพ รอบสี่ เขายิงลูกปิดกล่องในช่วงทดเวลาได้เช่นกัน
มองดูแล้ว ฮอยลุนด์ น่าจะเริ่มเล่นได้อย่างเข้าฝักกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้นแล้วโดยเฉพาะหลังจาก แรชฟอร์ด ส่องให้ทีมบุกมานำทีม หมาป่า จะเห็นได้ว่าถัดจากนั้นเขาไปคุยกับดาวยิงร่างยักษ์เหมือนเป็นการนัดแนะอะไรบางอย่างจนในที่สุด ฮอยลุนด์ ก็ยิงลูกสองให้ทีมเยือนได้หลังจากนั้นไม่นาน
บางทีมันอาจเป็นไปได้ว่า แรชฟอร์ด กระตุ้นให้คู่ขาในแผงรุกคอยหาพื้นที่ดังจะเห็นว่าก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ประตูที่สอง ชอว์ มีจังหวะเติมเกมทางซ้ายมารับบอลจาก แรชฟอร์ด หนหนึ่งแล้ว และในที่สุดการเล่นในลักษณะเดียวกันนี้ก็ส่งผลให้ ผีแดง เบิกสกอร์ได้สำเร็จซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีหาก แรชฟอร์ด กับ ฮอยลุนด์ มีความเข้าอกเข้าใจเกมร่วมกันเนื่องจากซีซั่นนี้ทีมของ เทน ฮาก ประสบกับปัญหาในการยิงประตูฝ่ายตรงข้ามอันทำให้มีข่าวลือว่าเขากระหายเซ็นสัญญากับศูนย์หน้าคนใหม่เพิ่มอีก
ไม่เพียงจะยิงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 2-0 เท่านั้น แต่ ฮอยลุนด์ เกือบซัดเม็ดสอง และสามในเกมให้ตัวเองได้ด้วย หากแต่เป็นล้ำหน้าก่อนจะโดนเซฟได้ในจังหวะต่อมา แต่อย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่าสาวก ปีศาจแดง เริ่มตั้งความหวังในตัวอดีตดาวยิงทีม อตาลันต้า ได้มากขึ้นแล้ว
และจากผลงานในเกมนี้ซึ่ง ฮอยลุนด์ ทั้งยิงทั้งจ่ายทำให้เขาเป็นนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด อายุน้อยที่สุดในวัย 20 ปี 362 วันที่มีผลงานแบบนี้ในเกม พรีเมียร์ลีก สองนัดซ้อนหลังจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำได้ในวัย 21 ปีเมื่อปี 2007
ขณะเดียวกัน สตาร์ชาวเมืองโคนมมีส่วนร่วมกับประตูของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกรายการในซีซั่นนี้ 11 เม็ดแล้ว (ยิง 9 จ่าย 2) โดย 6 ประตูอุบัติขึ้นในห้าเกมหลัง (ยิง 4 จ่าย 2 ) ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญชี้ให้เห็นว่าเขาเริ่มจูนจังหวะกับพรรคพวกติดแล้ว
5. เกมรับอย่างแบด
นอกจากจะมีปัญหาในการยิงประตูที่น้อยนิดแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่วายเสียประตูให้ฝ่ายตรงข้ามถี่ยิบเช่นกันอย่างเกมนี้ที่บุกไปเยือน วูล์ฟส์ แม้พวกเขาจะนำหน้าอย่างสบาย 2-0 ในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังลูกทีมของ เทน ฮาก เหมือนจะเน้นตั้งรับเพื่อรอโต้หมายรักษาสกอร์จนเปิดโอกาสให้เจ้าบ้านบุกใส่อย่างต่อเนื่อง
จนในที่สุด กาเซมีโร่ ก็ก่อความผิดพลาดไปสะกิด เปโดร เนโต้ เบาๆล้มจนเสียลูกโทษซึ่ง ซาราเบีย ตัวสำรองสังหารให้ หมาป่า ไล่ตาม 2-1 ดีที่ว่า สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ตัวสำรองลงไปเพิ่มสกอร์ให้ทีมนำห่างอีกหน 3-1 ได้ทันทีโดยกองกลางเลือดวิสกี้นำเป็นดาวซัลโวใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ของสโมสรหกประตูแล้ว หาไม่แล้วเชื่อได้เลยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะกดดันหนักกว่านี้แน่
แต่อย่างที่บอก นอกจากจะคลำเป้าได้อย่างจุ๋มจิ๋มโดยจบเกมนี้ ผีแดง ยิงได้ในลีกแค่ 28 ประตูเท่านั้นจาก 22 นัด แต่การเสียลูกโทษให้ทีม หมาป่า ทำให้ อสูรร้าย ตาข่ายขาดในทุกรายการของซีซั่นนี้รวม 50 เม็ดแล้วก่อนจะโดนอีกดอกในนาทีที่ 85 รวมเป็น 51 ประตู และมีแค่ เชฟฯ ยูไนเต็ด ทีมเดียวในลีกเดียวกันที่เสียประตูในทุกรายการมากกว่า 59 ประตู
เท่านั้นไม่พอ ผีแดง ต้านไม่อยู่เสียประตูตีเสมอ 3-3 ในนาทีที่ 95 จนได้จนเป็นประตูที่ 52 แล้วที่พวกเขาเสียไปในทุกรายการโดยจังหวะนี้ อันโตนี่ ตัวสำรองก่อความเสียหายอย่างมหันต์เนื่องจากฝืนเล่นอย่างไม่เข้าท่าจนเสียการครองบอลหน้าเขตโทษฝ่ายตรงข้ามให้เจ้าบ้านโต้กลับจนโดน เนโต้ กระทุ้ง
อย่างไรก็ดี นาทีที่ 97 ค็อบบี้ ไมนู กลายเป็นฮีโร่ ยิงประตูชัยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสุดสวยเหลือเชื่อ และเป็นประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ของดาวเตะวัย 18 ปีทั้งๆที่เมื่อวันอาทิตย์เขาเพิ่งสอยตาข่ายเม็ดแรกในทีมชุดใหญ่ได้หมาดๆในเกม เอฟเอคัพ จึงเท่ากับว่าเจ้าหนูจากอะคาเดมี่ขโมยซีนรุ่นพี่ในเกมนี้ได้อย่างน่าอิจฉาเป็นที่สุด และเป็นการชุบชีวิตให้ ผีแดง เก็บสามแต้มสำคัญกลับรังได้หลังจากพวกเขาเกือบฆ่าตัวตายเหมือนนัดก่อนกับ นิวพอร์ท ไม่มีผิดที่นำหน้า 2-0 แล้วโดนตีเสมอ 2-2 ก่อนเร่งเกมในช่วงท้ายคว้าชัยได้สำเร็จ
แม้จะประสบกับชัยชนะ แต่หากมองดูสถิติแล้วจะเห็นได้ว่า ผีแดง ยังต้องปรับปรุงศักยภาพอีกมากเนื่องจากเกมใน 45 นาทีแรกพวกเขาเหนือกว่าเจ้าบ้านอย่างน่าอุ่นใจจากการครองบอลได้มากกว่า 55:45% และได้ยิง 8 ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่ วูล์ฟส์ ได้ลองซัด 4 ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้งเท่ากัน
จวบจนการฟาดแข้งยุติ สถิติหลังเกม 90 นาทีระบุว่า แมนฯ ยูไนเต็ด โดนเจ้าบ้านครองบอลเหนือกว่าแซงหน้าได้จากตัวเลข 53:47% แต่รวมแล้ว ผีแดง ยังได้ส่องยิงมากกว่า 21 ครั้งเข้ากรอบ 8 ครั้ง ขณะที่ทีม หมาป่า ได้กระทุ้ง 16 ครั้งเข้ากรอบ 7 ครั้งซึ่งถือเป็นการบ้านให้ เทน ฮาก ต้องรีบปรับปรุงแก้ไขเนื่องจากมันเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมาหลายนัดแล้ว และอาจทำให้ซีซั่นนี้ของ ผีแดง จบลงแบบไม่สวยก็เป็นได้